ชุมชนมอญลำพูน บ้านหนองดู่-บ่อคาว
ชุมชนมอญ บ้านบ่อคาว
โบราณสถาน ชุมชนมอญ
ชุมชนมอญ บ้านหนองดู่
โบราณสถาน ชุมชนมอญ
ประวัติหมู่บ้านหนองดู่-บ้านบ่อคาว
ชุมชนชาวมอญแห่งเดียวในภาคเหนือตอนบนที่อยู่ในเขตจังหวัดลำพูน คือบ้านหนองดู่-บ้านบ่อคาว หมู่ที่ ๑ และหมู่ที่ ๘ ตำบลบ้านเรือน อำเภอป่าซาง จังหวัดลำพูน ความจริงแล้ว มอญที่อาศัยอยู่ในประเทศไทย ณ เวลานี้มีอยู่หลายแห่งหลายที่ ถ้าจะย้อนประวัติศาสตร์แล้ว ชาติภูมิของชนชาวมอญนั้นอยู่ที่เมืองหงสาวดี ประเทศพม่า และเป็นที่ยอมรับกันทั่วไปว่า ชนชาติมอญนั้นเป็นชนชาติที่รักความสงบและสร้างสมอารยธรรมความเจริญต่างๆ ไว้มากมาย ทั้งด้านวัฒนธรรม ศาสนา และการค้า ชนชาติมอญมิได้เตรียมตัวเพื่อการสงครามเลย อาณาจักรมอญจึงพ่ายแพ้และตกอยู่ภายใต้การปกครองของพม่าในปี พ.ศ.๑๖๐๐ จะเห็นได้ว่าอาณาจักรมอญในพม่ามีอายุยืนยาวมากกว่าในประเทศไทย เมื่อพม่ามีชัยชนะเหนือมอญ
การอพยพของขาวมอญเข้าสู่ประเทศไทย ซึ่งได้มีบันทึกไว้เป็นทางการอย่างแน่นอนเป็นครั้งแรกใน พ.ศ.๒๑๒๗ คือหลังจากที่สมเด็จพระนเรศวรมหาราชทรงประกาศอิสรภาพ ณ เมืองแครง และการอพยพยังคงมีติดต่อกันมาเรื่อยๆ อีกหลายครั้ง
และบางตำราปรากฏว่า ชาวมอญบ้านหนองดู่นั้นติดสอยห้อยตาม“องค์เจ้าแม่จามเทวี” เพราะตามประวัติ (บางฉบับ) นั้น องค์เจ้าแม่จามเทวี ประสูติที่บ้านหนองดู่ และไปเติบโตที่เมืองละโว้ ลพบุรี
หมู่บ้านหนองดู่-บ้านบ่อคาว เป็นหมู่บ้านชาวมอญที่มีอายุเก่าแก่หลายร้อยปีแห่งหนึ่งในจังหวัดลำพูน ตั้งอยู่ในเขตตำบลบ้านเรือน อำเภอป่าซาง จังหวัดลำพูน อยู่ห่างจากตัวอำเภอประมาณ ๖ กิโลเมตร และห่างจากตัวจังหวัดประมาณ ๑๕ กิโลเมตร สาเหตุที่ได้ชื่อว่าหมู่บ้านหนองดู่ ก็เนื่องมาจากในอดีตกาลที่ผ่านมา ภายในหมู่บ้านมีหนองน้ำกว้างใหญ่และลึก ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของหมู่บ้าน และมีต้นประดู่ใหญ่ขึ้นอยู่ริมหนองน้ำ ชาวบ้านจึงเรียกว่า “หมู่บ้านหนองดู่” ซึ่งในภาษามอญที่ใช้พูดกันในหมู่บ้านนั้นจะเรียกว่า “กวานหนองดู่”
วัดเกาะกลาง
แรกเริ่มเดิมทีเป็นหมู่บ้านร้างและภายในหมู่บ้านแห่งนี้มีวัดร้างวัดหนึ่งคือวัดเกาะกลาง เป็นวัดเก่าแก่มากมีหนองน้ำล้อมรอบบริเวณวัด สังเกตจากสิ่งปลูกสร้างและสภาพวัดสันนิษฐานว่าน่าจะเป็นหมู่บ้านและวัดที่เจริญมาก่อน เพราะมีลักษณะการปลูกสร้างอย่างวิจิตรพิสดาร จากตำนานการสร้างวัดเกาะกลาง ซึ่งก็คือหมู่บ้านหนองดู่ในสมัยนั้นได้กล่าวไว้ว่า “วัดนี้ได้ถูกสร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. ๑๑๗๖ โดยตระกูลของท่านเศรษฐีอินตา พระบิดาของพระนางจามเทวี” ซึ่งตามประวัติองค์เจ้าแม่จามเทวี มีเชื้อชาติมอญบ้านหนองดู่โดยกำเนิด จึงสันนิษฐานได้ว่า ในสมัยก่อนคงจะมีชาวบ้านมอญอพยพมาตั้งถิ่นฐานอยู่บริเวณบ้านหนองดู่-บ้านบ่อคาวแห่งนี้ และกาลเวลาหมุนเวียนเปลี่ยนไปตามวัฏจักร จึงได้รกร้างไประยะหนึ่ง
ต่อมาราวปี พ.ศ. ๒๒๕๖ ได้มีชาวมอญอพยพมาจากกรุงเมาะตะมะและหงสาวดี (ประเทศพม่าในปัจจุบัน) ประมาณ ๖-๗ ครอบครัวได้มาทำไร่ทำสวนและทำขนมจีนขายเป็นอาชีพ นอกจากนี้ชาวบ้านที่เป็นผู้ชายและเป็นหัวหน้าครอบครัว ยังมีอาชีพเสริมคือรับจ้างทำแพและล่องแพ ขนส่งสินค้าตามลำน้ำปิงไปยังจังหวัดตาก-นครสวรรค์ จนเป็นที่เลื่องลือกันว่า ชาวบ้านหนองดู่เป็นผู้ชำนาญในการล่องแพ ถ้าพ่อค้าคนใดจะขนสินค้าไปทางน้ำก็มักจะว่าจ้างชาวบ้านหนองดู่เป็นผู้ล่องแพเพื่อนำสินค้าไปส่งให้ (ส่วนมากจะเป็นพ่อค้าจากจังหวัดเชียงใหม่) จากตำนานและคำบอกเล่าของผู้สูงอายุในหมู่บ้านสืบๆ ต่อกันมาพอประมาณและพอได้เค้าว่า ราวปี พ.ศ. ๒๓๒๑ มีพระเดินธุดงค์มาจากเมืองเมาะตะมะรูปหนึ่งชื่อ พระรั่ว มาครองวัดในหมู่บ้านหนองดู่ ตามหลักฐานที่ปรากฏ สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ กล่าวถึงบ้านหนองดู่ ไว้ในหนังสือล่องน้ำปิงว่า บ้านหนองดู่เป็นหมู่บ้านมอญ มีวัดโบราณ ๒ วัด คือวัดดอน (เกาะกลาง) เรียกชื่อวัดเดิม มีพระเจดีย์ก่ออิฐสี่มุข พระเจดีย์ทรงกลมลายปั้นงานทำนองจะเป็นวัดหลวงมาก่อน และอีกวัดหนึ่งตั้งอยู่ริมแม่น้ำ เป็นวัดเก่าแก่แต่ปฏิสังขรณ์ใหม่ ก็คือวัดหนองดู่ขณะนี้ แสดงว่าวัดหนองดู่เป็นวัดเก่าสร้างมานาน การบูรณปฏิสังขรณ์วัดก็เป็นไปตามยุคสมัยของพระปกครองที่ได้รับการอุปถัมภ์จากเจ้านายผู้ใหญ่คือยุคของท่านครูบาญาณกิตติ (กิ) อยู่ระหว่างปี พ.ศ. ๒๔๔๑ ถึง พ.ศ. ๒๔๘๔ พระภิกษุที่เป็นเจ้าอธิการปกครองและปฏิสังขรณ์วัดแบ่งได้เป็น ๒ ยุค ยุคแรก พระส่วนมากจะมาจากเมืองรามัญ ซึ่งปรากฏมีหลักฐานอยู่ ๔ องค์ คือ ๑.พระรั่ว ๒.พระอุตตมะ ๓.พระครูบาปัญญา ๔.ท่านครูบาแดง ท่านองค์หลังนี้ในบั้นปลายชีวิตได้รับพระราชทานสมณศักดิ์เป็นพระครูชั้นสัญญาบัตร (แต่ไม่ปรากฏราชทินนาม) ยุคหลังเริ่มจากท่านครูบาญาณกิตติ เป็นเจ้าอาวาส มีการเปลี่ยนแปลงการปกครองจากคณะมหานิกาย เป็นคณะธรรมยุติกนิกาย ดังหลักฐานลงวันที่ ๒๔ ก.พ. ๒๔๘๑
หลังจากชาวบ้านมีที่อยู่ที่ทำกินเป็นหลักแหล่งแล้ว ก็ได้พากันสร้างสำนักสงฆ์ขึ้น ในบริเวณที่เป็นวัดหนองดู่ปัจจุบันจึงกลายเป็นว่าหมู่บ้านหนองดู่มีวัด ๒ แห่ง วัดหนึ่งคือวัดเกาะกลาง ซึ่งชาวบ้านช่วยกันบูรณะเรื่อยมา วัดเกาะกลางแห่งนี้อยู่ติดกับบ้านบ่อคาวในปัจจุบัน ส่วนอีกแห่งคือสำนักสงฆ์วัดหนองดู่ ชาวบ้านก็มีศรัทธาทั้ง ๒ วัด และในปี พ.ศ.๒๕๑๗ คณะศรัทธาชาวบ้านนำโดย พระอุดม บุญช่วย คุณสงวน ปัญญา และ คุณดวงจันทร์ เขียวพันธุ์ ได้ร่วมกันบูรณะวัดเกาะกลางขึ้นใหม่ โดยมีพระราชพิศาลมุนี ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดมกุฏกษัตริยาราม และพระครูใบฎีกาสมศักดิ์ สุกิตติโก วัดพระศรีมหาธาตุ บางเขน กรุงเทพมหานคร เป็นหัวเรี่ยหัวแรงและช่วยกันพัฒนาทางเข้าวัดให้สะดวกขึ้น
ที่มา: องค์การบริหารส่วนตำบลบ้านเรือน ตำบลบ้านเรือน อำเภอป่าซาง จังหวัดลำพูน