โครงการพัฒนาเด็กและเยาวชนในถิ่นทุรกันดาร ตามพระราชดำริ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า
กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี
กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี
สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี (เมื่อครั้งดำรงพระอิสริยยศเป็นสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี) ทรงเริ่มงานพัฒนาเด็กและเยาวชนตั้งแต่พุทธศักราช 2523 และได้ทรงงานต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน ด้วยมีพระราชประสงค์ที่จะให้เด็กและเยาวชนของชาติที่ยังขาดโอกาส อาจเนื่องด้วยความแตกต่างทางภูมิศาสตร์ สังคม และวัฒนธรรม ได้มีโอกาสเข้าถึงความมั่นคงทางอาหารและโภชนาการ มีสุขภาพแข็งแรง ได้รับการศึกษาอย่างมีคุณภาพ สามารถพัฒนาตนเองให้เป็นคนดี พึ่งตนเองและช่วยเหลือพัฒนาชุมชน ให้ทุกคนมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น
ในครั้งนั้นทรงเริ่มด้วยการทดลองในโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดน 3 โรงเรียน เมื่อวันที่ 23 เมษายน พ.ศ. 2523 เรียกกันว่า โครงการอาหารกลางวันผักสวนครัว เมื่อประสบผลดีพอควร ใน พ.ศ. 2524 จึงทรงขยายงานไปในโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนทั่วประเทศ และใช้ชื่อว่าโครงการเกษตรเพื่ออาหารกลางวัน
จากที่ทรงพยายามแก้ไขปัญหานักเรียนขาดอาหารในวันนั้น จนถึงวันนี้งานพัฒนาของพระองค์ได้กลายเป็นรูปแบบของการพัฒนาเด็กและเยาวชนแบบองค์รวม นั่นคือเด็กและเยาวชนได้พัฒนาศักยภาพของตนเองอย่างสมดุลทั้งด้านพุทธิศึกษา จริยศึกษา หัตถศึกษา และพลศึกษา โดยการทำงานนั้นต้องอาศัยศาสตร์หลากหลายสาขาบูรณาการกัน ทั้งในด้านอาหาร โภชนาการ สุขภาพอนามัย การศึกษา การงานอาชีพ การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและวัฒนธรรมท้องถิ่น กลุ่มบุคคลเป้าหมายจากเดิมที่มีเพียงเด็กวัยเรียนก็ได้ขยายให้ครอบคลุมทั้งเด็กเล็กจนถึงทารกในครรภ์มารดา และเด็กวัยรุ่นในระดับมัธยมศึกษาด้วย
พื้นที่ ศศช จำนวน 36 แห่งได้แก่
ศศช.บ้านป่ากล้วย /ศศช.บ้านสามสบบน /ศศช.บ้านนาฮ่องใต้ /ศศช.บ้านสบจอก
/ศศช.บ้านโป่งขนุน /ศศช.บ้านแม่นิงกลาง /ศศช.บ้านแม่นิงใน /ศศช.บ้านสบแม่สะต๊อบ
ศศช.บ้านสะมอจาล่าง/ศศช.บ้านสะมอจาบน/ศศช.บ้านแม่จุมสาม/ศศช.บ้านขุนแม่นาย
/ศศช.บ้านห้วยทรายเหลือง/ศศช.บ้านสบผาหลวง/ศศช.บ้านโป่งสะแยน
ศศช.บ้านแม่ขอมใต้/ศศช.บ้านสันปูเลย/ศศช.บ้านแม่แฮใน/ศศช.บ้านเซโดซา/ศศช.บ้านแม่ปิคี/ศศช.บ้านกองบอด/ศศช.บ้านกองบอดใต้
ศศช.บ้านอมสูง/ศศช.บ้านแม่แอบ/ศศช.บ้านแม่แอบใน/ศศช.บ้านเคาะท่า/ศศช.บ้านกิ่วสะแวกเก่า/ศศช.บ้านกิ่วสะแวกใหม่/ศศช.บ้านกิ่วสะแวกใต้
ศศช.บ้านแม่ป๊อก/ศศช.บ้านห้วยหวาย/ศศช.บ้านห้วยวอก/ศศช.บ้านมืดหลอง/ศศช.บ้านถวน/ศศช.บ้านแม่ขี้มูกน้อย/ศศช.บ้านอมแรด
“ข้าวปุกดอยสูตรธัญพืชเพื่อสุขภาพ” มีเป้าหมายเพื่อยกระดับคุณค่าทางโภชนาการและเพิ่มทางเลือกให้กับผู้บริโภคที่ใส่ใจสุขภาพ โดยเน้นการใช้วัตถุดิบธรรมชาติและธัญพืชหลากหลายชนิด เช่น ข้าวกล้อง ข้าวไรซ์เบอร์รี่ ข้าวโอ๊ต และเมล็ดเจีย มาผสมผสานกับข้าวเหนียวดั้งเดิม การปฏิบัติเช่นนี้ไม่เพียงแต่ช่วยเพิ่มใยอาหาร วิตามิน และแร่ธาตุที่จำเป็นต่อร่างกาย แต่ยังช่วยลดปริมาณน้ำตาลและไขมันที่ไม่จำเป็นอีกด้วย นอกจากนี้ยังต้องมีการควบคุมคุณภาพในทุกขั้นตอน ตั้งแต่การคัดเลือกวัตถุดิบที่สดใหม่และปลอดสารเคมี ไปจนถึงกระบวนการผลิตที่ถูกสุขลักษณะ เพื่อให้มั่นใจว่าข้าวปุกดอยที่ได้นั้นเป็นผลิตภัณฑ์ที่ปลอดภัยและมีประโยชน์ต่อร่างกายอย่างแท้จริง
การพัฒนาสูตร “ข้าวปุกดอยสูตรธัญพืชเพื่อสุขภาพ” เป็นตัวอย่างที่ชัดเจนของการปรับปรุงภูมิปัญญาอาหารพื้นบ้านให้เข้ากับยุคสมัย การใช้ธัญพืชเป็นส่วนประกอบหลักช่วยขยายฐานลูกค้าจากกลุ่มคนดั้งเดิมไปสู่กลุ่มคนรักสุขภาพและผู้ที่ต้องการควบคุมน้ำหนัก โดยยังคงเอกลักษณ์และรสชาติแบบดั้งเดิมไว้ได้ นอกจากนี้การนำเสนอผลิตภัณฑ์ในรูปแบบนี้ยังเป็นการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าท้องถิ่น ช่วยให้เกษตรกรสามารถปลูกพืชหลากหลายชนิดและมีรายได้ที่มั่นคงมากขึ้นอีกด้วย การส่งเสริมแนวปฏิบัตินี้จึงไม่เพียงแต่เป็นการสร้างนวัตกรรมด้านอาหาร แต่ยังเป็นการสนับสนุนเศรษฐกิจชุมชนและส่งเสริมวิถีชีวิตที่ยั่งยืนไปพร้อม ๆ กัน
โครงการ “สกี โมเดล ปากาเกอะญอ รุ่นใหม่ ใส่ใจคำสอน” ในหมู่บ้านแม่แฮ จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งเป็นโครงการที่มุ่ง อนุรักษ์และสืบสานภูมิปัญญาและคำสอนดั้งเดิมของชาวปกาเกอะญอ โดยการสร้าง “ปากาเกอะญอโมเดล” เป็นแหล่งเรียนรู้ที่ผสมผสานความรู้แบบดั้งเดิมเข้ากับวิธีการเรียนรู้สมัยใหม่ โครงการนี้เกิดจากความร่วมมือของครู ชุมชน และเยาวชน โดยเน้น การมีส่วนร่วม และ การถ่ายทอดความรู้จากปราชญ์ชาวบ้าน เพื่อให้เยาวชนรุ่นใหม่ได้เรียนรู้รากเหง้าของตนเองและนำไปใช้ในชีวิตประจำวัน เป้าหมายสูงสุดคือ รักษาสมดุลระหว่างวัฒนธรรมดั้งเดิมและการเปลี่ยนแปลงของโลกสมัยใหม่ โดยทำให้วัฒนธรรมยังคงอยู่ต่อไปอย่างยั่งยืน
"ปอ เลอะ เปลอ" หรือที่รู้จักกันในชื่อ "วรรณกรรมปวาเก่อญอ" เป็นมรดกทางวัฒนธรรมอันล้ำค่าของกลุ่มชาติพันธุ์ปวาเก่อญอ (กะเหรี่ยง) ที่สะท้อนวิถีชีวิต ภูมิปัญญา และความเชื่อที่สืบทอดกันมาหลายชั่วอายุคน การสืบสานวรรณกรรมประเภทนี้มิได้เป็นเพียงการอนุรักษ์ภาษาหรือเรื่องเล่าเท่านั้น แต่ยังเป็นการธำรงไว้ซึ่งอัตลักษณ์ทางวัฒนธรรม ความผูกพันกับธรรมชาติ และคุณค่าทางจริยธรรมที่ฝังลึกอยู่ในสังคมปวาเก่อญอ แนวปฏิบัติที่ดีในการสืบสานจึงควรเริ่มต้นจากการส่งเสริมให้มีการเล่าเรื่อง การขับร้อง และการถ่ายทอดจากรุ่นสู่รุ่นอย่างสม่ำเสมอ ทั้งในครอบครัว ชุมชน และสถานศึกษา เพื่อให้เยาวชนได้ซึมซับและเข้าใจถึงความหมายอันลึกซึ้งของวรรณกรรมเหล่านี้
นอกจากการถ่ายทอดด้วยวาจาแล้ว การจัดทำคลังข้อมูลดิจิทัล การบันทึกเสียงและวิดีโอ การแปลเป็นภาษาอื่น และการจัดกิจกรรมส่งเสริมอย่างต่อเนื่อง เช่น การประกวดเล่านิทาน การแสดงพื้นบ้าน หรือการจัดนิทรรศการ ล้วนเป็นแนวทางสำคัญที่จะช่วยให้ "ปอ เลอะ เปลอ" เป็นที่รู้จักในวงกว้างและเข้าถึงกลุ่มคนรุ่นใหม่ได้ง่ายขึ้น นอกจากนี้ การร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐ องค์กรพัฒนาเอกชน และนักวิชาการเพื่อศึกษาวิจัยและเผยแพร่องค์ความรู้เกี่ยวกับวรรณกรรมปวาเก่อญอ จะช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับการอนุรักษ์และพัฒนาอย่างยั่งยืน เพื่อให้มรดกทางปัญญาชิ้นนี้ยังคงมีชีวิตชีวาและเป็นแรงบันดาลใจให้แก่คนรุ่นหลังต่อไป
"เยาวชนร่วมใจนำพาขยะมาเป็นบุญ" เป็นผลงานที่ชนะการคัดเลือกแนวปฏิบัติที่ดีด้านคุณธรรมและจริยธรรม ของกรมส่งเสริมการเรียนรู้ ในโครงการพัฒนาเด็กและเยาวชนในถิ่นทุรกันดาร ตามพระราชดำริสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี ประจำปี 2566
เป็นผลการดำเนินงานของ ศูนย์การเรียนชุมชนชาวไทยภูเขา "แม่ฟ้าหลวง" บ้านกิ่วสะแวกใหม่ ต.บ้านทับ สังกัดศูนย์ส่งเสริมการเรียนรู้อำเภอแม่แจ่ม สำนักงานส่งเสริมการเรียนรู้จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อหลอมรวมใจเยาวชนและชาวบ้าน เปลี่ยนขยะที่เกิดขึ้นในชุมชนให้แปลเปลี่ยนเป็นความร่วมมือ ร่วมใจผ่านสะพานบุญ ก่อให้เกิดศรัทธาเล็กๆ ในกลุ่มเยาวชนและประชาชน ที่จะพลิกฟื้นจากขยะที่คนในชุมชนไม่ต้องการ แปลเปลี่ยนมาเป็นกิจกรรมที่จะหลอมรวมใจ ให้คนในบ้านกิ่วสะแวกใหม่ได้เกิดความรัก สามัคคี ความเอื้ออาทรต่อกันตลอดไป
"สืบสานวัฒนธรรมอนุรักษ์ภาษาม้ง" เป็นผลงานที่ชนะการคัดเลือกแนวปฏิบัติที่ดีด้านการอนุรักษ์วัฒนธรรมท้องถิ่น ของกรมส่งเสริมการเรียนรู้ ในโครงการพัฒนาเด็กและเยาวชนในถิ่นทุรกันดาร ตามพระราชดำริสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี ประจำปี 2566
เป็นผลการดำเนินงานของ ศูนย์การเรียนชุมชนชาวไทยภูเขา "แม่ฟ้าหลวง" บ้านนาฮ่องใต้ ต.แม่ศึก สังกัดศูนย์ส่งเสริมการเรียนรู้อำเภอแม่แจ่ม สำนักงานส่งเสริมการเรียนรู้จังหวัดเชียงใหม่ เป็นการจัดการเรียนรู้ให้แก่ผู้เรียนและประชาชนบ้านนาฮ่องใต้ เพื่ออนุรักษ์ สืบสาน ต่อยอดวัฒนธรรมด้านภาษาของชาวม้ง ผ่านกิจกรรมการอ่าน เขียนภาษาม้ง