ศูนย์การเรียนรู้ระดับตำบลบ่อสลี
โครงการ ชุมชนแห่งการเรียนรู้ “อุทยานแห่งชาติแม่โถ” ของ ศกร.ระดับตำบลบ่อสลี อำเภอฮอด จังหวัดเชียงใหม่ เป็นพื้นที่ที่อุดมสมบูรณ์ด้วยป่าไม้ ภูเขา และทุ่งหญ้าสะวันนาอันงดงาม การจัดทำให้เป็นแหล่งเรียนรู้มีเป้าหมายเพื่อให้ประชาชนและเยาวชนได้ศึกษาเรื่องระบบนิเวศ ความหลากหลายทางชีวภาพ และคุณค่าของการอนุรักษ์ธรรมชาติ นอกจากนี้ยังส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงนิเวศที่ผสานกับวิถีชีวิตและวัฒนธรรมของชุมชนท้องถิ่น อันจะช่วยสร้างรายได้ พัฒนาคุณภาพชีวิต และปลูกฝังจิตสำนึกในการดูแลรักษาสิ่งแวดล้อมไปพร้อมกัน
ครู ศกร.ตำบลบ่อสลี
โครงการ ชุมชนแห่งการเรียนรู้ “การเกษตรแบบผสมผสาน แบบขั้นบันได บ้านแม่โถ” ของ ศกร.ระดับตำบลบ่อสลี อำเภอฮอด จังหวัดเชียงใหม่ ได้ศึกษาสภาพปัญหาและความต้องการของชุมชน คือการพัฒนาพื้นที่สูงชันสู่การเกษตรผสมผสานแบบขั้นบันไดบ้านแม่โถ โดยพื้นที่เกือบทั้งหมดบ้านแม่โถ ตำบลบ่อสลี เป็นพื้นที่สูงชัน ซึ่งยากแก่การจัดการทรัพยากรพื้นที่ที่มีอยู่อย่างจำกัดมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด จึงมีแหล่งเรียนรู้ตัวอย่างให้กับประชาชนในพื้นที่ โดยใช้พื้นที่สูงชันประมาณ 3 ไร่ ทำการเกษตรผสมผสานแบบขั้นบันได โดย ศกร.ระดับตําบลได้นำประชาชนและนักศึกษาไปศึกษาเรียนรู้ พร้อมทั้งน้อมนําหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง หลักการทรงงาน 27 ข้อ มาปฏิบัติประยุกต์ใช้ในการจัดการเรียนรู้เพื่อให้เกิดสังคมแห่งการเรียนรู้ ซึ่งมีฐานการเรียนรู้ ได้แก่ การเรียนรู้หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง การปลูกผักปลอดภัย การเลี้ยงหมูหลุม การเลี้ยงไก่ไข่ การปลูกไม้ยืนต้น การปลูกไม้เมืองหนาว การทำปุ๋ยหมักชีวภาพและการทำน้ำหมักชีวภาพ เป็นต้น โดยเป็นนวัตกรรมที่เหมาะสมสําหรับชุมชน มีการใช้เทคโนโลยีที่เหมาะสม ชุมชนสามารถปฏิบัติและสามารถทําตามได้ เหมาะสมและสอดคล้องกับสภาพภูมิประเทศและภูมิอากาศของพื้นที่ตําบลบ่อสลี ซึ่งได้มีประชาชนที่ได้ไปศึกษาเรียนรู้ และได้นำไปปรับใช้ตามบริบทของแต่ละพื้นที่
ศูนย์การเรียนรู้ระดับตำบลบ่อหลวง
สวนสนบ่อแก้ว เป็นสวนป่าสนที่ปลูกขึ้นโดยกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ร่วมกับกรมป่าไม้ ในปี พ.ศ. 2500 เพื่อทดลองปลูกพันธุ์ไม้สนต่างประเทศ เช่น สนสามใบ สนยูคาลิปตัส และพันธุ์ไม้อื่น ๆ ที่เหมาะกับสภาพอากาศและภูมิประเทศของภาคเหนือ เดิมพื้นที่แห่งนี้เป็นป่าเสื่อมโทรม แต่ได้รับการฟื้นฟูจนกลายเป็นป่าสนเขียวขจี โอบล้อมด้วยภูเขา บรรยากาศเงียบสงบ เย็นสบายตลอดปี
ครู ศกร.ตำบลบ่อหลวง
ศูนย์เรียนรู้ลวรัตนปัญญา ก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2566 ปัจจุบันตั้งอยู่เลขที่ 389 หมู่ที่ 12 ตำบลบ่อหลวง อำเภอฮอด จังหวัดเชียงใหม่ รหัสไปรษณีย์ 50240 เป็นสถานที่ ส่งเสริมอนุรักษ์ ประเพณีวัฒนธรรมอันดีงามของชาติพันธุ์ลัวะ (ลเวือะ)ส่งเสริมวัฒนธรรมการแต่งกาย อาหารชาติพันธุ์ และ สร้างเฮือนลัวะ จัดแสดงสิ่งของเครื่องใช้ต่างๆ ในอดีต ให้ชนรุ่นหลัง หรือ ผู้มาเยือนสถานที่แห่งนี้
เกษตรแปลงใหญ่ บ้านขุน 147 หมู่ที่ 3ตำบลบ่อหลวง อำเภอฮอด จังหวัดเชียงใหม่ รหัสไปรษณีย์ 50240 เป็นสถานที่ ส่งเสริมการปลูกผักปลอดภัย เป็นแนวทางการปลูกผักที่มุ่งเน้นให้ได้ผลผลิตที่ปลอดภัยต่อผู้บริโภค โดยหลีกเลี่ยงการใช้สารเคมีอันตรายและควบคุมขั้นตอนการผลิตให้มีความสะอาดและปลอดภัย
การตีมีด ในอดีตลัวะมีความรู้เรื่องการทำมีดอยู่มากมาย ลักษณะมีดของลัวะจะไม่เหมือนกับชนเผ่าอื่น ลัวะจะมีการตีมีดตามสภาพการ ใช้งาน ถ้าเป็นงานหนักตัวมีดก็จะมีลักษณะใหญ่ แต่ถ้าใช้ในการดายหญ้า ลัวะจะทำด้ามมืดให้ยาวเพื่อสะดวกในการฟันหญ้า หรือถ้าตัดไม้ลัวะก็จะทำตัวมีดใหญ่ขึ้นด้ามไม่ค่อยยาวเท่าไร เพื่อสะดวกแก่การใช้งาน ลัวะจึงได้ชื่อว่าผู้ที่มีความสามารถในการตีมีดเป็นอย่างมาก ลัวะจะมีลักษณะพิเศษกว่า คือตัวมีดจะหนา ตรงปลายมีดจะแหลมมาก มีความคมมาก
โครงการ ชุมชนแห่งการเรียนรู้ “บ้านขุน” ชุมชนแห่งการเรียนรู้ สู่วิถีชีวิตพอเพียงตำบลบ่อหลวง ของ ศกร.ระดับตำบลบ่อหลวง อำเภอฮอด จังหวัดเชียงใหม่ ได้ศึกษาสภาพปัญหาและความต้องการของชุมชน พร้อมทั้งทุนชุมชนที่มีสู่การพัฒนาตามแนวทางนโยบายดังกล่าวโดยใช้ศกร.ตำบลเป็นฐานแบบมีส่วนร่วม พร้อมทั้งน้อมนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง หลักการทรงงาน
27 ข้อ มาปฎิบัติประยุกต์ใช้ในการจัดการเรียนรู้เพื่อให้เกิดสังคมแห่งการเรียนรู้โดยชุมชนมีส่วนร่วมอย่างแท้จริง ยึดหลักคุณธรรมนำความรู้เพื่อสร้างโอกาสการเรียนรู้อย่างต่อเนื่องตลอดชีวิตให้ประชาชนตามความต้องการอย่างต่อเนื่อง โดย ศกร.ตำบลบ่อหลวง มีแนวทางในการพัฒนา “บ้านขุน” ชุมชนแห่งการเรียนรู้สู่วิถีชีวิตพอเพียง โดยมีการดำเนินงานการพัฒนาโดยใช้วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรมมาช่วยในการสร้างคุณภาพการจัดการเรียนรู้ตลอดชีวิต การเรียนรู้เพื่อพัฒนาตนเอง และการเรียนรู้เพื่อคุณวุติตามระดับที่มีคุณภาพ เพื่อพัฒนาทักษะการเรียนรู้และยกระดับการศึกษาของประชาชน พร้อมพัฒนาขับเคล่่่อนชุทชนเพื่อก้าวสู่ “ตำบลนวัตกรรม Smart Community” โดยเป็นนวัตกรรมที่เหมาะสมสำหรับชุมชนใช้เทคโนโลยีที่เหมาะสม ชุมชนสามารถปฎิบัติและสามารถทำได้ง่ายเหมาะสมและสอดคล้องกับสภาพภูมิสังคมของประชาชน ตำบล บ่อหลวง
ศูนย์การเรียนรู้ระดับตำบลหางดง
อุทยานแห่งชาติออบหลวงมีที่มาจากการรวมพื้นที่วนอุทยานออบหลวงกับป่าสงวนแห่งชาติใกล้เคียง ได้แก่ ป่าจอมทอง ป่าแม่แจ่ม-แม่ตื่น และป่าแม่แจ่ม เพื่อจัดตั้งเป็นอุทยานแห่งชาติในปี พ.ศ. 2534. เดิมที บริเวณนี้เป็นวนอุทยานที่กรมป่าไม้จัดตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2509. ชื่อ "ออบหลวง" มีที่มาจากลักษณะทางธรณีวิทยาของพื้นที่ ซึ่งเป็นช่องแคบขนาดใหญ่ที่เกิดจากการกัดเซาะของแม่น้ำแม่แจ่ม
ครู ศกร.ตำบลหางดง
ศกร.ระดับตำบลหางดง ได้รับนโยบายให้จัดกิจกรรมการเรียนรู้ตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง จึงได้สำรวจแหล่งเรียนรู้ในตำบลหางดง และได้พบว่านายอธิวัฒน์ เต็งนุ ทำการเพาะเห็ดเพื่อจำหน่ายในชุมชน บ้านวังลุง ครู กศน.ตำบลจึงได้ ขอความอนุเคราะห์เพื่อพานักศึกษาไปศึกษาดูงานในพื้นที่การเพาะเห็ด และได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดี หลังจากนั้นทาง ศกร.ระดับตำบลหางดงจึงได้ขอความร่วมมือจากนายอธิวัฒน์ เต็งนุ เป็นวิทยากรเรื่องการเพาะเห็ด จนถึงปัจจุบัน
ศกร.ระดับตำบลหางดง ได้รับนโยบายให้จัดกิจกรรมการเรียนรู้ตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง จึงได้สำรวจแหล่งเรียนรู้ในตำบลหางดง และได้พบว่านายอธิวัฒน์ เต็งนุ ทำการเพาะเห็ดเพื่อจำหน่ายในชุมชน บ้านวังลุง ครู กศน.ตำบลจึงได้ ขอความอนุเคราะห์เพื่อพานักศึกษาไปศึกษาดูงานในพื้นที่การเพาะเห็ด และได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดี หลังจากนั้นทาง ศกร.ระดับตำบลหางดงจึงได้ขอความร่วมมือจากนายอธิวัฒน์ เต็งนุ เป็นวิทยากรเรื่องการเพาะเห็ด จนถึงปัจจุบัน
องค์ความรู้ที่นำมาใช้ในการทำอาหารที่ทำกันมาแต่โบราณ ส่วนมากเป็นแบบง่ายๆ เช่น ข้าวแช่ ต้มโคล้ง แกงป่า น้ำพริก และหลน เป็นต้น ส่วนขนมไทยแท้ก็ปรุงมาจากแป้ง น้ำตาล กะทิ เป็นส่วนใหญ่ เช่น ขนมเปียกปูน ขนมเปียกอ่อนตะโก้ ลอดช่อง ขนมปลากริมไข่เต่า ขนมใส่ไส้ และขนมครก เป็นต้น ภูมิปัญญาของคนไทยซึ่งถึงถือกำเนิดขึ้นตั้งแต่ ในยุคประวัติศาสตร์ อาหารแต่ละอย่างได้ผ่าน การคิดค้นขึ้นมาเพื่อให้เข้ากับภูมิอากาศ ภูมิประเทศในการหาวัตถุดิบในการประกอบ ปรุงอาหาร และยังมี คุณค่าทางโภชนาการ เพราะส่วนใหญ่วัตถุดิบที่ใช้ในการทำนั้น เป็นสมุนไพร ใช้ในการรักษา ป้องกันโรคต่างๆ
ศูนย์การเรียนรู้ระดับตำบลฮอด
ผาวิ่งชู้” เป็นตำนานพื้นบ้านล้านนาโบราณ เล่าถึงเรื่องราวรักต่างฐานันดรระหว่าง พระนางแอ่นฟ้า ธิดาเจ้าเมือง กับ น้อยสิงห์คำ บุตรเสนาบดี เมื่อความรักได้รับการต่อต้าน จึงหนีมาถึงหน้าผาริมแม่น้ำปิง แล้วควบม้ากระโดดลงสู่ความตายร่วมกัน ตำนานยังบอกอีกว่า น้องชาย (พระนาย) เห็นเหตุการณ์โศกเศร้านั้นจนตรอมใจตาย กลายเป็นชื่อตำบลหรือหมู่บ้านหลายแห่ง เช่น บ้านน้อย, บ้านแอ่น, ท่าม้า, วังผ้าขาว, ห้วยพระนาย ฯลฯ ลักษณะทางธรรมชาติของผาเป็นหน้าผาสูงชัน (25–50 เมตร) กว้างราว 100–250 เมตร มีเสาดินและแท่งหินแหลมๆ เป็นภูมิทัศน์ที่โดดเด่นมาก โดยเป็นแหล่งธรรมชาติท้องถิ่นที่นักท่องเที่ยวนิยมไปชมวิว
ครู ศกร.ตำบลฮอด
โครงการ ชุมชนแห่งการเรียนรู้ “1 ชุมชน 1 การเรียนรู้ตลาด 3 ฤดู” ห้องเรียนชุมชน ศกร.ระดับตำบลฮอด ของ ศกร.ระดับตำบลฮอด อำเภอฮอด จังหวัดเชียงใหม่ ได้เล็งเห็นความสำคัญของการอ่านที่มีความสำคัญต่อการดำเนินชีวืต จึงได้สำรวจความต้องการของชุมชน เพื่อหาต้นทุนชุมชนที่สามารถพัฒนา ส่งเสริมเป็นห้องเรียนชุมชน เพื่อพัฒนาคนไทยทุกคน ทุกช่วงวัยให้ “ฉลาดรู้ ฉลาดคิด ฉลาดทำ” โดยการสำรวจความสนใจอ่านหนังสือ เพื่อสร้างวัฒนธรรมการอ่านและเพิ่มอัตรการอ่าน ของคนในชุมชน โดยออกแบบกิจกรรมส่งเสริมการอ่านที่เหมาะสม สอดคล้องกับความต้องการของชุมชน ประสานหน่วยงานในท้องถิ่น ออกแบบสร้างองค์ความรู้1 ชุมชน 1 การเรียนรู้ ณ ตลาด 3 ฤดู เพื่อเป็นสำหรับห้องเรียนชุมชน
ศูนย์การเรียนรู้ระดับตำบลนาคอเรือ
สถานีเพาะเลี้ยงสัตว์ป่าห้วยยางปาน เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่อยู่ในพื้นที่ตำบลนาคอเรือ ซึ่งได้จัดตั้งขึ้นจากพระราชดำริของสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เมื่อครั้งเสด็จเยี่ยมราษฎร บ้านตีนตก หมู่ที่ 8 ต.นาคอเรือ อ.ฮอด จ.เชียงใหม่ เมื่อวันที่ 14 มีนาคม 2537 ทรงได้รับทราบปัญหาเกี่ยวกับการขาดแคลนน้ำ อันเนื่องมาจากการตัดไม้ทำลายป่าของราษฎร ทำให้เกิดผลกระทบต่อทางเศรษฐกิจและความมั่นคงของชาติ ซึ่งนับวันจะทวีความรุนแรงมากขึ้น พระองค์ท่านจึงได้มีพระราชเสาวนีย์ให้อำเภอฟื้นฟูป่าตามธรรมชาติทรัพยากรป่าไม้และสัตว์ป่าสำหรับการอนุรักษ์ให้มีการเพาะเลี้ยงสัตว์ป่าที่มีอยู่ในธรรมชาติสัตว์ป่าที่มีค่าหายากให้มีมากเพิ่มมากขึ้นเพื่อสงวนพันธุ์สัตว์ป่าให้ดำรงอยู่ต่อไป เป็นการรักษาสมดุลของธรรมชาติ และเพื่อให้ราษฎรมีจิตสำนึกหวงแหนทรัพยากรธรรมชาติของสัตว์ป่า ทั้งเป็นแหล่งพักผ่อนหย่อนใจ และเป็น การส่งเสริมอาชีพในการเพาะเลี้ยงสัตว์ป่าของราษฎร พื้นที่บริเวณป่าที่ดำเนินการตั้งสถานีเพาะเลี้ยงสัตว์ป่าห้วยยางปาน ตั้งอยู่บริเวณบ้านตีนตก หมู่ที่ 8 ต.นาคอเรือ อ.ฮอด จ.เชียงใหม่ เป็นที่ราบเนินเขา ที่หุบเขาริมห้วยและเนินเขา มีพื้นที่ประมาณ 1,500 ไร่ โดยสถานีเพาะเลี้ยงสัตว์ป่าห้วยยางปาน มีสัตว์ส่วนมากจำพวกนกชนิดต่าง ๆ ไก่ป่า, เก้ง, กวาง, งู, ลิง, ชะนี, หมูป่า ฯลฯ
ครู ศกร.ตำบลนาคอเรือ
โครงการ ชุมชนแห่งการเรียนรู้ “แม่ป่าไผ่ ธรรมมือ” ธรรมชาติชุมชน สู่ชุมชนแห่งการเรียนรู้ ของ ศกร.ระดับตำบลนาคอเรือ อำเภอฮอด จังหวัดเชียงใหม่ ได้ศึกษาสภาพปัญหา ความต้องการของชุมชนและภูมิทางสังคมที่มีในชุมชน ของบ้านแม่ ป่าไผ่ หมู่ที่ 5 ตำบลนาคอเรือ อำเภอฮอด จังหวัดเชียงใหม่ โดยเฉพาะการทอผ้ากะเหรี่ยงและการย้อมฝ้ายจากสีธรรมชาติ ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของชุมชนเข้าสู่การพัฒนาตามนโยบายของกรมส่งเสริมการเรียนรู้ ใช้ภูมิปัญญาท้องถิ่นเป็นฐานการเรียนรู้ และการจัดกิจกรรมการเรียนรู้อย่างต่อเนื่องให้กับคนในชุมชนและมีความสอดคล้องกับวิถีชีวิตของคนในชุมชน ทางศกร.ระดับตำบลนาคอเรือ มีแนวทางในการดำเนินงานกิจกรรมการเรียนรู้ตลอดชีวิตและการการเรียนรู้เพื่อพัฒนาตนเองให้ชุมชนบ้านแม่ป่าไผ่ เป็นชุมชนแห่งการเรียนรู้ “แม่ป่าไผ่ ธรรมมือ” โดยใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี สร้างองค์ความรู้และพัฒนาทักษะการเรียนรู้ ยกระดับการศึกษาของประชาชนพร้อมพัฒนาขับเคลื่อนชุมชนเพื่อก้าวสู่ นวัตกรรม 4M (Man,Money,Materials,Method) ชุมชนแห่งการเรียนรู้ “แม่ป่าไผ่ ธรรมมือ”
ศูนย์การเรียนรู้ระดับตำบลบ้านตาล
เป็นผาที่อยู่อย่างโดดเด่น มองเห็นอย่างชัดเจน มีรูปร่างลักษณะ ด้านบนสุดคล้ายรูปสิงห์กำลังเหลียวอยู่ จึงเรียกว่า “ผาสิงห์เหลียว” มีตำนานเล่าขานว่า แม้แต่พญาราชสีห์ยังต้องเหลียวมองความงามของผา เป็นปรากฏการณ์ทางธรณีวิทยาที่เกิดจากการทรุดตัวของแผ่นดิน ทำให้เกิดเป็นชั้นหินสลับกันสวยงาม ลักษณะคล้ายเสาดินที่เกิดจากการกัดเซาะของน้ำและลม มีลักษณะคล้ายกำแพงโรมัน สูงประมาณ 30 เมตร อยู่ในพื้นที่ป่าเต็งรัง ทำให้มีทัศนียภาพที่สวยงาม ผาสิงห์เหลียวตั้งอยู่ที่บ้านตาลเหนือ อำเภอฮอด จังหวัดเชียงใหม่ ประวัติตำนานนี้มีอายุล่วงมานับ 1,000 กว่าปี จึงถือว่าเป็นสถานที่ทางประวัติศาสตร์แห่งหนึ่งของชุมชน แม้จะไม่มีเอกสารอื่นๆให้เห็นมากนัก
ครู ศกร.ตำบลบ้านตาล
โครงการ ชุมชนแห่งการเรียนรู้ “ผางประทีป” ชุมชนแห่งการเรียนรู้ บ้านช่างเคิ่ง ของ ศกร.ระดับตำบลบ้านตาล อำเภอฮอด จังหวัดเชียงใหม่ ได้ศึกษาสภาพปัญหาความต้องการของชุมชนและภูมิสังคมที่มีของชุมชน บ้านช่างเคิ่งหมู่ที่ 9 ตำบลบ้านตาลอำเภอฮอดจังหวัดเชียงใหม่สู่การพัฒนาตามนโยบายของกรมส่งเสริมการเรียนรู้ โดยใช้ภูมิสังคมที่มีของชุมชนเป็นฐานในการเรียนรูู้และจัดกิจกรรมการเรียนรู้อย่างต่อเนื่องให้กับคนชุมชนตามความต้องการและสอดคล้องกับวิถีชีวิตของคนในชุมชนโดยศกร.ตำบลบ้านตาล มีแนวทางในการดำเนินงานการเรียนรู้ตลอดชีวิตและการเรียนรู้เพื่อพัฒนาตนเอง เพื่อให้ชุมชนบ้านช่างเคิ่งเป็นชุมชนแห่งการเรียนรู้ “การทำผางประทีปล้านนา” โดยกระบวนการทางวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีและนวัตกรรมในการสร้างองค์ความรู้และพัฒนาทักษะการเรียนรู้พร้อมขับเคลื่อนชุมชนสู่นวัตกรรม 4 share Community ชุมชนแห่งการเรียนรู้บ้านช่างเคิ่ง