1. การมีส่วนร่วม: ผู้เรียนสามารถมีส่วนร่วมในการกำหนดเกณฑ์การประเมิน เช่น กฎกติการส่งงานหรือการเข้าห้องเรียน นอกจากนี้ยังสามารถมีส่วนร่วมในการประเมินตนเอง การประเมินเพื่อน การเลือกชิ้นงานที่ใช้สำหรับประเมิน เป็นต้น
2. ความโปร่งใส: ที่มาของคะแนนจากการนำเสนองาน การตอบแบบสอบอัตนัย ต้องมีเกณฑ์การให้คะแนนที่ชัดเจน (rubric scoring) ที่ผู้เรียนสามารถซักถามถึงคะแนนที่ได้รับจากการทดสอบ ถึงที่มาที่ไปของคะแนนได้
3. ความยุติธรรม: เดิมข้อสอบที่สร้างขึ้น คุณลักษณะหรือบริบทของผู้เรียนเช่น การมีเพศ ภูมิภาค เชื้อชาติแตกต่างกัน ไม่ควรมีผลต่อการข้อสอบเกิดความได้เปรียบเสียเปรียบกัน แต่คะแนนที่ผู้เรียนจะได้แตกต่างกัน ควรเกิดเนื่องจากระดับความสามารถในการเรียนรู้ในเรื่องที่เรียน ไม่ใช่มาจากปัจจัยอื่น ดังนั้น ในภาวะของการใช้ระบบ online ที่ใช้ในการทดสอบผู้เรียน อาจคำนึงถึง ความเร็วของ internet ของผู้เรียน ทักษะทางด้าน ICT การเข้าถึงสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ทางสื่อ online ที่ไม่ควรมาเป็นปัจจัยที่ทำให้นักเรียนได้รับคะแนนในการทดสอบที่แตกต่างกัน
4. การนำไปใช้ประโยชน์: ผลที่ได้รับจากการวัดและประเมินผลในชั้นเรียนไม่ว่าจะเป็นการวัดและประเมินผลที่มีเป้าหมายเพื่อการพัฒนาผู้เรียน ครูผู้สอนควรนำผลลัพธ์การเรียนรู้ที่ได้จากการประเมินมาให้ข้อมูลย้อนกลับในการพัฒนาปรับปรุงการเรียนรู้ของผู้เรียนให้ดีขึ้น ให้ข้อเสนอแนะในการปรับแก้ไขงานให้มีคุณภาพ หรือแนะนำแหล่งค้นคว้าศึกษาเพิ่มเติม นอกจากนี้ยังมีการวัดและประเมินผลที่มีเป้าหมายเพื่อตัดสินสรุประดับผลการเรียนเพื่อให้สารสนเทศในการบอกระดับการเรียนรู้ผู้เรียน หลังจากที่เสร็จสิ้นการเรียนการสอนในรายวิชาหรือเรียกว่าเป็นการตัดเกรดนั้นเอง
จากหลักการข้างต้นดังกล่าว นำมาสู่การปรับเปลี่ยนรูปของการวัดและประเมินในสภาวการณ์หลังประกาศแนวทางการจัดการเรียนการสอนในกรณีสถานการณ์ไม่ปกติ อันเนื่องมากจากภาวะการแพร่ระบาดของเชื้อโรค (COVID-19)
วิธีการวัดและประเมินผลของจุฬาฯ ก่อนสอบกลางภาค/การสอนสด/การสอนblended learning ที่มีการวางแผนไว้
เนื่องจากสถานการณ์ COVID-19 ทำให้รูปแบบการสอนถูกปรับเปลี่ยนไปเป็น Online 100%
1. การมอบหมายงาน (assignment)
- ควรมอบหมายงานให้ชัดเจนว่าเป็นงานรายบุคคลหรือรายกลุ่ม
- กำหนดเวลาการส่งงานให้ชัดเจน
- ระบุช่องทางการส่งงานให้ชัดเจนว่าส่งทาง application ใด ผ่านทาง e-mail หรือผ่านช่องทางใดให้ชัดเจน
2. การทำรายงาน (Report)
- ควรให้เวลาสำหรับการให้คำปรึกษาในระหว่างการทำ project report โดยกำหนดนัดหมายให้ชัดเจนว่าสามารถติดต่อมาในช่วงเวลาใดบ้าง
- ควรระบุช่องทางในการติดต่อ ไม่ว่าจะเป็นการ โทรศัพท์ Line facebook, e-mail
- หากมีเกณฑ์การประเมินด้านกระบวนการทำรายงานระหว่างทางควรแจ้งให้ผู้เรียนทราบด้วย
3. การสอบนอกห้องเรียน (Take-home Exam)
- การทดสอบด้วยแบบสอบเลือกตอบหลายตัวเลือก (Multiple choice Test) ไม่สามารถป้องกันการทุจริตของการทำข้อสอบได้ และการรั่วของข้อสอบได้อย่าง 100% ดังนั้นการทดสอบต้องใช้ระบบการทดสอบที่รัดกุม remote proctoring หรือ online close-book examination
- การแก้ปัญหาขั้นต้นสำหรับชั้นเรียนขนาดใหญ่ จึงมีการจัดชุดข้อสอบ หลายฉบับ ซึ่งผู้จัดทำแบบสอบว่าแบบสอบแต่ละฉบับว่าเป็นแบบสอบที่มีตัวแทนของเนื้อหาและความยากง่ายของข้อสอบแต่ละฉบับเท่าเทียมกัน
- การแก้ปัญหาสำหรับชั้นเรียนขนาดเล็ก ควรปรับเปลี่ยนมาใช้ข้อสอบอัตนัย (subjective test) หรือข้อสอบความเรียง (essay test) ที่วัดในความรู้ระดับการนำไปใช้ วิเคราะห์ ประเมิน หรือสร้างสรรค์ ผ่านการส่งงานทาง online หรือการสอบ oral virtual exam
4. การวัดและประเมินผลระหว่างเรียนเป็นระยะ (formative assessment)
- ผู้สอนและผู้เรียนพูดคุยแลกเปลี่ยนการปรับคะแนนสำหรับการประเมินผลการเรียนรู้จากแต่เดิมเน้น การประเมินผลจากการสอบ final test เปลี่ยนเป็นการให้น้ำหนักในการทำงานที่ได้รับมอบหมายเป็นระยะ ซึ่งสิ่งเหล่านี้ผู้เรียนและผู้สอนต้องเข้าใจตรงกันให้ชัดเจน
- การวัดประเมินผลระหว่างเรียนเป็นระยะนี้อาจจะกำหนดขอบเขตงานคร่าวๆ ว่านิสิตต้องส่งงานขั้นต่ำกี่ชิ้นงาน ไม่จำเป็นต้องส่งทุกงาน รวมถึงการกำหนดเกณฑ์การให้คะแนนแต่ละงานให้รับทราบรวมกัน
- อาจใช้เทคโนโลยีต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น google form, microsoft forms, quizizz, socrative, kahoot, online application อื่นๆ รูปแบบการวัดเป็นได้ทั้ง multiple-choice question, short answer หัวใจสำคัญอยู่ที่การให้ feedback เพื่อพัฒนาผู้เรียน
- การวัดประเมินผลระหว่างเรียนจะมีการมอบหมายงานเป็นระยะ พร้อมทั้งให้ข้อมูล feedback เพื่อนำไปสู่การพัฒนาแก้ไขงานให้ดียิ่งขึ้นต่อไปได้ ซึ่งผู้เรียนบางส่วนภายหลังจากที่แก้ไขงานแล้ว อาจจะส่งฉบับที่ดีที่สุดให้ครูผู้สอน ซึ่งอาจจะต้องมีการกำหนดกติกา ว่าจะแก้ไขงานได้กี่ครั้ง ซึ่งการตรวจและการให้ feedback เป็นสิ่งที่ต้องใช้เวลามากนอกเหนือจากการสอน
1. การนำเสนองานในรูปแบบคลิป (clip video) หรือ การนำเสนอปากเปล่า (Oral presentation)
- การนำเสนองานในรูปแบบ online นี้ ผู้สอนและผู้เรียน อาจมีการพูดคุยถึงระยะเวลาการนำเสนอ การเผยแพร่งานที่จะปรากฎเฉพาะในกลุ่มผู้เรียนรู้ด้วยกันหรือเผยแพร่เป็นงานที่สาธารณะเข้าถึงได้ หากเผยแพร่ในสาธารณะ ควรคำนึงถึงความถูกต้อง การใช้ภาษาในการนำเสนองาน ด้วยเช่นกัน
2. การเข้าชั้นเรียน (Class attendance)
- ทำความเข้าใจหรือข้อตกลงเกี่ยวกับเกณฑ์การเข้าชั้นเรียนของนักเรียนอีกครั้งว่าจะใช้การเข้าเรียนแบบ online-real time หรือ การทำ assignment ที่มอบหมายจากการทบทวนบทเรียนใน clip video ซึ่งการจัดการเรียนการสอนทาง online ที่ไม่เน้นการสัมมนา แลกเปลี่ยนแบบ real time ผู้เรียนมีสิทธิ์ที่จะเรียนได้ทุกเวลาสถานที่หรือความสะดวกในการเข้าถึงสื่อการเรียนการสอนด้ายเช่นกัน