โครงงานอาชีพ หมายถึง กิจกรรมศึกษาวิชาการงานที่ส่งเสริมสนับสนุน ให้ผู้เรียนได้เลือกศึกษาค้นคว้า ริเริ่มสร้างสรรค์ผลงาน ตามที่ตนเองมีความถนัด มีความพร้อม และสนใจ แล้วลงมือปฏิบัติให้บรรลุตามจุดมุ่งหมายที่กำหนดไว้ โดยมีรายละเอียดของงานที่จะจัดทำไว้ล่วงหน้า เป็นขั้นตอนพร้อมทั้งคาดการณ์ผลที่จะเกิดขึ้น ทั้งที่โดยได้รับคำแนะนำจากผู้รู้ และครู-อาจารย์ ที่ทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาของกลุ่ม
ความสำคัญของโครงงานอาชีพ ในส่วนของการจัดการเรียนการสอนและการจัดกิจกรรมตามหลักสูตรขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2544 ดังนี้ คือ
1. ด้านผู้เรียน ก่อให้เกิดคุณค่าต่างๆ ได้แก่ ช่วยสร้างความหวังใหม่ในการริเริ่มงาน สร้างเสริมประสบการณ์จากการปฏิบัติจริง ได้มีโอกาสทดสอบความถนัดของตนเอง ก่อให้เกิดความรักความเข้าใจและความสัมพันธ์อันดีภายในกลุ่ม พร้อมทั้งเกิดความรู้ทางวิชาการที่กว้างขวางขึ้นและเกิดความภาคภูมิใจในความ สำเร็จของงาน
2. ด้านสถาบันและครูอาจารย์ที่ปรึกษากลุ่ม ก่อให้เกิดคุณค่าทางการประสานงาน โดยเกิดความเข้าใจที่ตรงกันว่าการเรียนการสอนในปัจจุบันขึ้นอยู่กับการ ปฏิบัติจริงในโครงงานของผู้เรียนมากกว่าที่จะเรียนอยู่ในห้องเรียนเท่านั้น
3. ด้านชุมชน / ท้องถิ่น ก่อให้เกิดคุณค่าทางการเผยแพร่และประชาสัมพันธ์ชุมชน อีกทั้งชุมชนได้มีส่วนร่วมในการขยายผลทางความรู้ความสามารถที่มีอยู่ ให้แก่ผู้เรียนรุ่นต่อไป โดยสร้างนิสัยรักการทำงานเกิดงานอาชีพที่หลากหลายและมีการพัฒนาอาชีพในชุมชน ด้วย
การเขียนโครงงาน
ส่วนประกอบและวิธีเขียนโครงงาน มีรายละเอียดดังต่อไปนี้
1. ชื่อโครงงาน ควรตั้งชื่อโครงงานอาชีพให้สื่อความหมายได้ชัดเจน ครอบคลุมความหมายของกิจกรรมอาชีพที่ทำให้ชัดเจนว่าทำอะไร ไม่ควรตั้งชื่อโครงงานที่มีความหมายกว้างเกินไปตัวอย่างเช่น โครงงานปลูกมะละกอ โครงงานทำโคมไฟฟ้า
2. ชื่อผู้ดำเนินโครงงาน ระบุชื่อผู้ดำเนินโครงงานในกรณีที่เป็นงานกลุ่มต้องระบุหน้าที่ความรับผิด ชอบของแต่ละคน และการลงทุนของแต่ละคนไว้ให้ชัดเจน ซึ่งทั้งนี้ควรพิจารณาความเหมาะสมในด้านความสามารถ โอกาสในการทำงานและกำลังทุนทรัพย์สิน ของแต่ละบุคคล
3. ชื่ออาจารย์ที่ปรึกษาโครงการ
4. หลักการและเหตุผลหรือ ความสำคัญของโครงงาน ควรกล่าวถึงสภาพชุมชนและความต้องการของตลาดที่เกี่ยวข้องกับอาชีพตามที่ได้ ศึกษามา และอธิบายว่าโครงงานนี้จะสนองความต้องการของชุมชนได้อย่างไร
5. วัตถุประสงค์ จะต้องกำหนดวัตถุประสงค์ให้ชัดเจนว่า โครงงานอาชีพนี้ ผู้เรียนจะทำอะไรโดยเขียนให้เห็นว่ากิจกรรมหรือพฤติกรรมที่จะดำเนินการมี อะไรบ้าง หากมีวัตถุประสงค์หลายประการก็ควรเขียนเป็นข้อ ๆ ตามลำดับความสำคัญ
6. เป้าหมาย กำหนดเป้าหมายของผลผลิตในช่วงเวลาให้ชัดเจนคือ อะไร มีปริมาณเท่าใดและคุณภาพเป็นอย่างไร
7. ระยะเวลา กำหนดระยะเวลาตั้งแต่เริ่มต้นจนสิ้นสุดการดำเนินโครงงาน
8. งบประมาณ จัดทำรายละเอียดรายจ่ายที่เกิดขึ้นในการดำเนินโครงงาน ตั้งแต่ขั้นตอนแรกจนถึงขั้นตอนสุดท้าย ซึ่งประกอบด้วยตัววัสดุ อุปกรณ์ เครื่องมือ เครื่องใช้ เป็นต้น
9. ขั้นตอนวิธีดำเนินงาน เขียนเป็นรายละเอียดขั้นตอนของการทำงาน ตั้งแต่เริ่มต้นจนสิ้นสุดโครงงานโดยเขียนเป็นแผนปฏิบัติงาน ซึ่งประกอบด้วยหัวข้อ กิจกรรม ระยะเวลา สถานศึกษา ทรัพยากร/ปัจจัยเป็นต้น รายละเอียดดังกล่าวจะทำให้ผู้ที่ปรึกษาหรือผู้ดำเนินงานติดตามกำกับงานได้ อย่างมีระบบแก้ไขปัญหาได้ทันท่วงที
8. การติดตามและการประเมินผล เป็นวิธีการหรือเทคนิคในการดูแลและควบคุมการปฏิบัติงานให้บรรลุวัตถุประสงค์ ทั้งนี้ต้องบอกให้ชัดเจนว่าก่อนเริ่มทำโครงงาน ระหว่างทำโครงงานและหลังการทำโครงงาน จะมีการติดตามและประเมินผลอย่างไร
9. ผลที่คาดว่าจะได้รับ ให้ระบุผลที่จะเกิดขึ้นเมื่อเสร็จสิ้นโครงงาน เป็นผลที่ได้รับโดยตรงและผลพลอยได้หรือผลกระทบจากโครงงานเป็นผลในด้านดีที่ คาดว่าจะได้รับจะต้องสอดคล้องกับจุดประสงค์และเป้าหมาย
องค์ประกอบของโครงงาน
ถ้าเราพิจารณาโครงสร้างของร่างกายมนุษย์เราก็จะพบว่าประกอบด้วยส่วนต่างๆ ที่สำคัญคือ ศรีษะ ไหล่ลำตัว แขน ขา มือและเท้า นอกจากนี้ร่างกายของมนุษย์ยังมีอวัยวะอื่น ๆ อีกมากมายที่ประกอบกันทำให้เป็นร่างกายของมนุษย์สมบูรณ์ เช่น หู ตา ปาก นิ้วมือ อวัยวะสืบพันธุ์ ฯลฯ ซึ่งทำให้มนุษย์สามารถดำรงชีวิตอยู่ได้ในสังคมโครงงาน ก็มีลักษณะเช่นเดียวกัน คือ หมายถึงระบบโครงสร้างและองค์ประกอบต่าง ๆ ทั้งหมดของกิจการ หรือชิ้นงานต่าง ๆ ที่เราจะต้องดำเนินการ หรือผลิตให้สำเร็จลุล่วงไปตามจุดประสงค์ที่กำหนดไว้ องค์ประกอบที่สำคัญของโครงงาน มีดังนี้
๑. เจ้าของโครงงานหรือผู้จัดทำโครงงาน อาจจะเป็นบุคคลคนเดียวหรือเป็นกลุ่มบุคคลก็ได้ สำหรับการปฏิบัติงานตามโครงงานอาชีพที่หลักสูตรกำหนดให้นักเรียนจะต้อง ปฏิบัติงานร่วมกันกลุ่มละ ๓-๕ คน
๒. ความสำคัญของโครงงาน หรือของงานนั้น ๆ ว่ามีเหตุผลอะไร มีความจำเป็น มีคุณค่าและประโยชน์มากน้อยเพียง
๓. จุดประสงค์ของโครงงาน ระบุว่ามุ่งที่จะให้เกิดผลอะไร อย่างไร หรือแก่ใคร ให้มีปริมาณและคุณภาพมากน้อยเพียงใด
๔. เครื่องมือ วัสดุอุปกรณ์ที่ใช้ สถานที่ปฏิบัติงาน งบประมาณค่าใช้จ่ายหรืองบลงทุนกำหนดว่ามีอะไรบ้าง มากน้อยเพียงด และจะจัดซื้อหามาได้อย่างไร
๕. วิธีดำเนินการ ระบุว่ามีขั้นตอนสำคัญ ๆ ในเรื่องใดที่จะต้องนำมาพิจารณา และปฏิบัติตามระยะเวลาที่กำหนดไว้
๖. แผนปฏิบัติการ ระบุกิจกรรมต่าง ๆ ที่จะต้องปฏิบัติโดยละเอียดตามลำดับตามระยะเวลาที่กำหนดไว้
๗. ผลที่คาดว่าจะได้รับ ระบุสิ่งที่คาดหวังว่าจะเกิดขึ้นจากการดำเนินงานตามขั้นตอนต่าง ๆ ที่กำหนด
๘. การติดตามผลและประเมินผล จะต้องมีวิธีการตรวจสอบเป็นระยะ ๆ ก่อนปฏิบัติโครงงาน ขณะปฏิบัติงานและเมื่อสิ้นสุดการปฏิบัติโครงงาน เพื่อประโยชน์ในการแก้ไขปรับปรุงและพัฒนางานต่อไป
ความสำคัญของการเขียนโครงงาน
โครงงานมีวัตถุประสงค์หลากหลายประการ เช่น ต้อง การให้นักเรียนมีความรู้พื้นฐานที่จำเป็นเกี่ยวกับความเป็นอยู่ในชีวิตประจำ วัน สามารถปฏิบัติงานได้ถูกต้องตามกระบวนการ ประหยัด ปลอดภัย และได้ประโยชน์ โดยรู้จักวิเคราะห์และวางแผนการทำงาน สามารถปรับปรุงและพัฒนางานมีวิสันทัศน์ที่กว้างไกล รักการทำงาน ซึ่งเป็นรากฐานของการดำรงชีพ สามารถพึ่งพาตนเองได้รวมทั้งมีคุณธรรมในการทำงาน สามารถทำงานร่วมกับผู้อื่นได้ เป็นต้น นักเรียนจะต้องศึกษาและฝึกปฏิบัติจริงเพิ่มเติม โดยอาศัยความรู้พื้นฐานจากรายวิชาอื่น ๆ ในหมวดวิชาการงานและอาชีพ นักเรียนมีสิทธิเสรีภาพอย่างเต็มที่ในการตัดสินใจเลือกอย่างฉลาด ที่จะดำเนินงานตามความถนัดและความสนใจของตน ในส่วนที่เกี่ยวกับโรงเรียนและครูอาจารย์นั้น จะได้ประโยชน์อย่างยิ่งจากการเปิดโอกาสให้นักเรียนได้ฝึกปฏิบัติจริงตามจุด หมายของหลักสูตรและการจัดกิจกรรมการเรียนการสอน ทั้งในห้องเรียนและนอกห้องเรียน ซึ่งจะก่อให้เกิดการประสานสัมพันธ์อย่างแน่นแฟ้น ระหว่างนักเรียนและครูอาจารย์ประจำวิชาต่าง ๆ รวมทั้งการใช้เครื่องมือและวัสดุอุปกรณ์ต่าง ๆ ให้เป็นประโยชน์อย่างคุ้มค่า นอกจากนี้ในสิ่งที่เกี่ยวกับท้องถิ่นและชุมชนย่อมจะได้ประโยชน์อย่างมากมาย ในแง่ของการให้นักเรียนได้มีโอกาสร่วมพัฒนาอาชีพต่าง ๆ ในท้องถิ่นซึ่งเป็นผลพลอยได้ที่ตามมาก็คือ ทำให้นักเรียนเกิดความรักความภาคภูมิใจในท้องถิ่นของตนเองด้วย
หลักการสำคัญของการเขียนโครงงาน
การปฏิบัติงานตามโครงงานอาชีพของนักเรียน เพื่อให้บรรลุตามจุดหมายของหลักสูตร และจุดมุ่งหมายการจัดทำโครงงาน จึงได้กำหนดหลักการที่สำคัญเกี่ยวกับโครงงานไว้ดังนี้
๑. ให้นักเรียนแต่ละกลุ่มมีสิทธิและเสรีภาพในการตัดสินใจเลือกทำโครงงานอาชีพใด ก็ได้ จำนวน ๑ โครงงาน หรือมากกว่าก็ได้ ตามความถนัด ความสนใจ และความพร้อมของนักเรียนในกรณีที่โครงงานมีปริมาณงานมากก็สามารถเลือกได้โดย ตัดแบ่งขั้นตอนการปฏิบัติงานออกเป็น ๒ ส่วนให้ปฏิบัติ ๒ ภาคเรียน หรือจะเลือกโครงงานอาชีพใหม่ โดยไม่ซ้ำกันในแต่ละภาคเรียนตลอดปีการศึกษาก็ได้
๒. นักเรียนในห้องเรียนเดียวกันควรเลือกโครงงานอาชีพแตกต่างกันได้ตามความถนัด ความพร้อมและความสนใจ ตลอดจนคำนึงถึงตามความจำเป็นในการใช้ประโยชน์ชิ้นงานหรือรายได้จากการ ปฏิบัติงาน
๓. ให้คำนึงถึงทรัพยากรในท้องถิ่น ทั้งทรัพยากรที่ใช้เป็นวัตถุดิบในการผลิตชิ้นงานและทรัพยากรบุคคลในท้องถิ่น ตลอดจนภูมิปัญญาชาวบ้านเพื่อการอนุรักษ์และพัฒนาเทคโนโลยีในท้องถิ่น
๔. นักเรียนสามารถนำทักษะการทำงานพื้นฐานหลายประเภทรวมไว้ในโครงงานเดียวได้ เช่นโครงงานปลูกกระเจี๊ยบ ใช้ทักษะการทำงานด้านเกษตรและคหกรรมเกี่ยวกับคุณค่าทางโภชนาการมาผสมผสานกัน ได้
๕. ในแต่ละโครงงานอาจกำหนดคาบเวลาแตกต่างกันได้ตามความยากง่ายของลักษณะงาน
๖. ครูอาจารย์ผู้สอนหรือที่ปรึกษา อาจจัดให้มีสื่อการสอนในลักษณะใบงานหรือใบความรู้หรือข้อมูลทางวิชาการ เพื่อช่วยให้นักเรียนสามารถปฏิบัติงานได้ด้วยตนเองก็ได้
๗. ในการประเมินโครงงาน ให้ครูอาจารย์ผู้สอนหรือที่ปรึกษาเป็นผู้ประเมิน โดยคำนึงถึงความรู้ ความเข้าใจ กระบวนการทำงาน เจตคติในการปฏิบัติงาน และการนำชิ้นงานไปใช้ประโยชน์ในชีวิตประจำวันและต้องประเมินผลการเรียนเป็น รายภาคเรียน สำหรับผู้เรียนที่เลือกหลายโครงงานใน ๑ ภาคเรียน ให้ประเมินผลโดยให้คะแนนแต่ละโครงงานก่อน แล้วนำมารวมกันเพื่อตัดสินให้ระดับคะแนนโดยคำนึงถึงคาบเวลาของแต่ละโครงงาน โดยจัดสัดส่วนน้ำหนักโครงงานต่างกันตามคาบเวลา