ผ้ามุกไหมงามตา
ชุมชน หมู่ 4 ตำบลนาหว้า อำเภอนาหว้า จังหวัดนครพนม
ที่มารูปภาพ http://www.m-culture.in.th/album/183457/
ผ้ามุก เป็นผ้าพื้นเมืองของชาวอีสาน โดยเฉพาะอีสานตอนบน ที่เรียกว่าผ้ามุกนั้น ผู้รู้กล่าวไว้ว่า “ผ้าลายมุก” เป็นของสูง และนิยมใช้เฉพาะในโอกาสที่สำคัญๆ ทางพระพุทธศาสนา และงานรัฐพิธี และบุคคลที่สำคัญ เช่น พระภิกษุสงฆ์ ผู้ใหญ่ที่เคารพนับถือ แต่ปัจจุบันได้ทอขึ้นเพื่อประโยชน์ใช้สอยในเทศกาลต่าง ๆ เป็นการทอที่ต้องยกดอก ในระหว่างการทอดอก มักจะเป็นด้ายสีขาว ซึ่งจะติดกับสีพื้นของผ้า ทำให้ดูคล้ายการฝังมุก เพราะดอกจะดูเด่นสวยงาม เมื่อปี ๒๕๔๑ จังหวัดนครพนม ได้ประกาศให้ ผ้ามุก เป็นผ้าประจำจังหวัดนครพนม แหล่งทอผ้าที่สำคัญก็คือที่ศูนย์หัตถกรรมพื้นบ้านวัดธาตุประสิทธิ์ และถือได้ว่าเป็นแหล่งผลิตผ้ามุกที่มากที่สุดในจังหวัดนครพนม มีการผลิตในลักษณะที่เป็นผ้าฝ้ายและผ้าไหม
รายละเอียดการผลิต ผลิตภัณฑ์ทางวัฒนธรรมที่โดดเด่น (ในปัจจุบัน) ของแต่ละชนิด
๑ กรรมวิธีการผลิตผ้าไหมและผ้ามุกไหม
๑.๑การค้นหูกคือกรรมวิธีนำไหมที่เตรียมไว้สำหรับเป็นไหมเครือ (ไหมเส้นยืน) ไปค้น
(กรอ) ให้ได้ความยาวตามจำนวนผืนของผ้าไหมตามต้องการ ไหมหนึ่งเครือจะทำเป็นผ้าไหมได้ประมาณ ๒๐ - ๓๐ ผืน (ผ้าไหม ๑ ผืน ยาวประมาณ ๑๘๐ - ๒๐๐ เซนติเมตรโดยใช้เครื่องมือในการ "ค้นหูก" เรียกว่า "หลักเผือ"
๑.๒ การย้อมไหมเครือ(ไหมเส้นยืน)คือกรรมวิธีนำไหมเครือที่ค้นเสร็จเรียบร้อยแล้วไป
ย้อมสีในน้ำเดือด โดยเติมสีสังเคราะห์ที่ต้องการและผงกันด่างคล้ายกรรมวิธี "การด่องไหม" เมื่อต้มน้ำร้อนผสมสีที่ต้องการย้อมพร้อมกับผงกันด่างจนเข้าที่เดือดแล้วให้นำลงมาพักให้อุ่นๆแล้วนำไหมมาคันให้สีเข้ากันให้หมดทุกปอยแล้วจึงนำไปต้มอีกจนได้ที่ สีที่นำมาย้อมนั้นจะต้องใช้สีให้กลมกลืนกับสีของหมี่ที่ใช้สำหรับทอ หรือย้อมให้เป็นสีเดียวกันก็ได้ หลังจากย้อมเสร็จแล้วก็จะนำมาคันผสมน้ำเปล่าล้างให้สีย้อมออกจากไหมอีกครั้งหนึ่งแล้วนำไปตากผึ่งลมให้แห้ง
๑.๓ การสืบหูกคือกรรมวิธีนำเอาไหมเครือ (ไหมเส้นยืน) ที่ย้อมสีแล้วไปต่อกับ "กกหูก"คือส่วนที่ติดอยู่กับ "ฟืม" ซึ่งเป็นเครื่องมือที่ใช้สำหรับการทอผ้าไหม "ฟืม" มีอยู่ ๒ ชนิด คือ "ฟืมฟันไม้" (ฟันทำด้วยไม้) และ "ฟืมฟันเหล็ก" สมัยก่อนจะใช้ฟืมฟันไม้ทอผ้าไหมเท่านั้น เพราะยังไม่มีฟืมฟันเหล็ก ปัจจุบันมีผู้คิดค้นประดิษฐ์ฟืมฟันเหล็กขึ้นมาใช้ ส่วนประกอบที่สำคัญของฟืมอีกอย่างหนึ่ง คือ "เขา" หรือ "ตะกอ" มี ๒ ชนิด คือ ๒ เขา (สองตะกอ) และ ๒ เขา (สามตะกอ) เขาหรือตะกอจะทำด้วยด้ายถักเรียงกับไม้ไผ่ที่เหลาเป็นเรียวให้ขนานกับฟืม ยาวเท่ากับความยาวของฟืมพอดี ถ้าฟืมมี ๒ เขา (ตะกอ) จะเรียกกันว่า ฟืมสองเขาหรือสองตะกอ ถ้าฟืมมี ๒ เขา (ตะกอ) จะเรียกกันว่า ฟืมสามเขาหรือสามตะกอ ส่วนของฟืมที่อยู่ด้านตรงข้ามกับเขาหรือตะกอ จะมีด้ายหรือไหมทำเป็น "กกหูก" หมายถึงส่วนที่จะนำไปต่อกับไหมเครือ (ไหมเส้นยืน) วิธีการต่อเส้นไหมทั้งสงชนิดให้เป็นเส้นเดียวกันนี้เรียกว่า "การสืบหูก"
๑.๔ การพันหูกคือกรรมวิธีนำเอาฟืมที่ผ่านการสืบหูกเรียบร้อยแล้วมาพันไหมเครือ (ไหมเส้นยืน) ใหม่ให้เป็นระเบียบเพื่อนำไปทอเป็นผ้าไหมต่อไปอุปกรณ์ที่ใช้สำหรับฟันหูก คือไม้กระดานยาวเท่ากับขนาดของฟืมหรือยาวกว่าเล็กน้อย และจะต้องใส่ไม้ให้เรียบที่สุดเพื่อสะดวกในการพัน ในการพันหูกนี้จะต้องใช้ความละเอียดถี่ถ้วนและใจเย็นพอสมควร ถ้าเส้นไหมเครือขาดจะต้องทำการต่อเส้นไหมให้เรียบร้อยทุก ๆ เส้น
๑.๕ การทอผ้ามุกไหมการทอผ้าไหมเป็นขั้นตอนสุดท้ายของการผลิตผ้าไหม โดยจะต้องอาศัยช่างผู้มีฝีมือในการทอ เครื่องมือที่ใช้ในการทอผ้าไหม คือ "กี่" มี ๒ ชนิด คือ "กี่ธรรมดา" และ "กี่กระตุก " แต่ชาวบ้านจะนิยมทอด้วย "กี่ธรรมดา" เป็นส่วนมาก ปริมาณในการผลิตผ้าไหมแต่ละวันนั้นช่างทอหนึ่งคน จะทอผ้าไหมได้ประมาณ ๑- ๓ เมตรต่อวัน จึงทำให้ปริมาณในการผลิตไม่เพียงพอกับความต้องการของผู้ใช้ นอกจากนี้ถ้าถึงฤดูกาลทำนา การผลิตผ้าไหมต้องหยุดชะงักลง แต่ถ้าหากสามารถนำเครื่องจักรหรือเทคโนโลยีใหม่ ๆ มาใช้ในการทอผ้าไหมแล้ว จะช่วยให้สามารถผลิตผ้าไหมได้วันละมาก ๆ และเพียงพอกับความต้องการของผู้ใช้
ขั้นตอนในการทอผ้าไหมหรือผ้ามุกไหม จะมีขั้นตอนในการผลิตที่คล้ายกัน แตกต่างกันที่ลวดลายในการผลิต ที่มีหลากหลายลวดลาย โดยเฉพาะผ้ามุก เป็น ผ้าที่มีลวดลายเอกลักษณ์ที่ได้จากการเพิ่มเส้นด้ายยืนพิเศษด้วยเทคนิคการทอ โดยใช้เส้นด้ายยืน ๒ ชุด ชุดแรกใช้เส้นด้ายยืนสีเดียวหรือหลายสีทอเป็นพื้นลายขัดธรรมดาชุดที่สองใช้เส้นด้ายยืนที่เพิ่มจากเส้นด้ายยืนธรรมดา มีสีเดียวหรือหลายสี อาจสอดแทรกด้วยเส้นไหมหรือดิ้นสีต่าง ๆ ลักษณะลวดลายผ้ายกมุกเป็นรูปลายซ้ำยาวติดต่อกันเป็นเส้นริ้วหรือแถบตามทิศทางของเส้นด้ายยืน ลวดลายเรียงชิดติดกันหรือเว้นระยะห่างกันจนเต็มหน้าผ้า
สำหรับผ้าไหม จะประกอบด้วยไหมพื้นเรียบและไหมมัดหมี่ ที่ต้องใช้ความละเอียดอ่อนในการผลิต ตั้งแต่การมัดหมี่ที่เป็นลวดลายต่าง ตามที่ลูกค้าต้องการ หรือสินค้าสั่งจากหน่วยงานต่างๆ
สถานที่ตั้ง
ศูนย์ศิลปาชีพวัดธาตุประสิทธิ์(ศูนย์หัตถกรรมพื้นเมือง)
เลขที่ ๑๘๗ หมู่ที่/หมู่บ้าน ๔ บ้านนาหว้า ถนน ร่มโพธิ์
ตำบล นาหว้า อำเภอ นาหว้า จังหวัด นครพนม
อ้างอิงข้อมูล http://www.m-culture.in.th/album/183457/ประวัติผ้ามุกไหม_อำเภอนาหว้า
เครื่องบิน
อธิบายเส้นทางสำหรับผู้ที่เดินทางมายังสถานที่จัดงานด้วยเครื่องบิน
รถโดยสาร
อธิบายเส้นทางสำหรับผู้ที่เดินทางมายังสถานที่จัดงานด้วยรถโดยสาร