ศิลปวัฒนธรรมท้องถิ่นชนเผ่าประจำตำบล
ศิลปวัฒนธรรมท้องถิ่นชนเผ่าประจำตำบล
“ไทตาด” กลุ่มชนเล็กๆ ที่เรียกตัวเองคือพวก “ไทตาด” เป็นกลุ่มชนหรือที่เรียกกันว่าชาติพันธุ์เล็กๆ ชาติพันธุ์หนึ่ง ที่อาศัยดำรงอยู่ในปริมณฑลของนครพนม ที่มักจะไม่ค่อยมีใครให้ความสนใจและมองผ่านไปหรืออาจ ไม่เคยรับรู้มาก่อนด้วยซ้ำว่ามีกลุ่มชาติพันธุ์นี้ในจังหวัดนครพนม
“ไทตาด”จากการศึกษาของอาจารย์ธันวา ใจเที่ยง จากโครงการศึกษาเพื่อการพัฒนากลุ่มชน ๒ ฝั่งโขง และจากคำยืนยันของกลุ่มนักปราชญ์ประจำชุมชน ที่ได้คัดลอกประวัติของกลุ่มชาติพันธุ์ตนจากใบลาน พบว่าเป็นกลุ่มชนที่ถือว่าเป็นหนึ่งในกลุ่มชาติพันธุ์ไทสาขาหนึ่ง ที่มีถิ่นฐานดั้งเดิมอยู่อาณาบริเวณสิบสองปันนา ในแถบมณฑลยูนานของประเทศจีนในปัจจุบัน และได้อพยพแตกแยกหนีจากประเทศจีนเข้ามาอยู่ในประเทศพม่า อาศัยอยู่ในแถบลุ่มน้ำสาละวิน– อิระวดี จนกระทั่งเกิดความขัดแย้งกับกลุ่มชนพม่า จึงต้องอพยพโยกย้ายตามแม่น้ำโขงเข้าสู่บริเวณเมืองหลวงพระบางของลาว และอพยพเคลื่อนย้ายมาสู่เมืองท่าแขกหรือแขวงคำม่วน สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว และตั้งบ้านเรือน “ไทตาด” ที่บ้านผาตาด เมืองยมราช หลังจากนั้นได้ประมาณ๓๐ ปี (พ.ศ.ช่วงนี้ไม่แน่นอน บางครั้งก็ว่า พ.ศ. ๒๓๖๙) จึงได้พากันอพยพข้ามแม่น้ำโขงมาอาศัยอยู่บริเวณท่าวัดโอกาส เขตเมืองนครพนม หลังจากนั้นได้พากันโยกย้ายออกมาตั้งบ้านเรือนเพื่อประกอบอาชีพ โดยคนไทตาดกลุ่มใหญ่มาตั้งชุมชนอยู่บริเวณบ้านผึ้ง ตำบลบ้านผึ้ง ส่วนหนึ่งอยู่ชุมชนบ้านหนองบัว ตำบลนาราช ควาย และส่วนหนึ่งไปตั้งบ้านเรือนอยู่ที่บ้านนาคำกลาง ตำบลนาทราย อำเภอเมือง ในเขตจังหวัดนครพนม และส่วนหนึ่งไปอยู่ที่บ้านพระซอง อำเภอนาแก จังหวัดนครพนม
คำว่า “บ้านผึ้ง” แต่เดิมหมู่บ้านนี้ หลังการเคลื่อนย้ายออกจากบริเวณวัดโอกาส มาตั้งบ้านเรือนอยู่ริมห้วยผึ้ง อันเป็นที่ตั้งบ้านผึ้งปัจจุบัน แต่เดิมชื่อบ้านโคกคำ แล้วเปลี่ยนเป็นบ้านโคกดาวควัน(หลายปี) จนกระทั่งเกิดสงครามทุ่งไหหิน(ประเทศลาว) มีนายทหารไทยที่ชื่อ “หลวงมน” ได้รับบาดเจ็บจากศึกสงครามคราวนั้น ได้รับการช่วยเหลือจากชาวบ้านโคกดาวควัน และถูกนำมารักษาตัวที่บ้านโคกดาวควัน ต่อมาบ้านโคกดาวควันจึงเปลี่ยนเป็นบ้านพึ่ง(พา)(หมายถึงการพึ่งพาอาศัย) และกลายเป็นบ้านผึ้ง ในที่สุด
ภาษา “ไทตาด”
ภาษาของกลุ่มไทตาด จัดว่าอยู่ในกลุ่มภาษาไท-กะได(Tai-Kadai) ซึ่งเป็นภาษาไทยตระกูลหนึ่ง ลักษณะทางภาษา ถือว่าเป็นกลุ่มคนที่ใช้ภาษาที่มีรากศัพท์เช่นเดียวกับคำในภาษาถิ่นอื่นๆ ทั่วๆ ไป มีสำเนียงคล้ายๆ ไทญ้อ ไทลาว ไทผู้ไท แต่มีเอกลักษณ์พิเศษตรงคำลงท้ายที่มักมีคำว่า “เห้อ” ตามหลัง เช่น “ไปไสเห้อ” “มาแต่ได๋เฮ้อ” และคำว่า “นะ” เช่น “บ่ไปนะ” มักออกเสียงภาษาไทยชัดเจ เช่น ควาย เกลือ ผีเสื้อ นอกจากนี้ในภาษาของกลุ่มไทตาดดั้งเดิม ยังใช้อักษรควบ เช่น ควขว เหมือนในภาษาราชการในปัจจุบัน
อย่างคำว่าขวา ที่ภาษาอิสานกลุ่มอื่นๆ เช่น ลาว มักใช้คำว่าขัว แต่ภาษาไทตาด ใช้คำว่า ขวาอย่างคำว่าควาย ที่ภาษาอิสานกลุ่มอื่นๆ เช่น ลาว มักใช้คำว่าควย แต่ภาษาไทตาด ใช้คำว่า ควาย
การละเล่นของชาว “ไทตาด”
เดิมในชุมชนของชาว “ไทตาด” ยังไม่ปรากฏที่จะนิยมการร้องรำ เหมือนผู้คนในภาคอีสานทั่วไป การรับวัฒนธรรมการพูดผญา เป่าแคน สีซอ เข้ามาภายหลังการเข้ามาอยู่ในสังคมวัฒนธรรมลาวลุ่มแม่น้ำโขง ในช่วงเข้ามาอยู่หลวงพระบาง มากกว่าจะติดตัวอันเป็นประเพณีดั้งเดิม และเป็นอัตลักษณ์ทางวัฒนธรรมของชาว“ไทตาด” เองในประเพณีการละเล่นที่สำคัญอย่างหนึ่งของชาว “ไทตาด” คือ “การลงข่วง” ที่ฝ่ายหญิงจะเป็นฝ่ายเข็นฝ้าย และฝ่ายชายจะเข้ามาพูดคุยในยามกลางคืน เป็นการเปิดโอกาสให้ชายหนุ่มและหญิงสาวได้พูด
เกี้ยว เป็นผญาเกี้ยวสาว อันเป็นถ้อยคำและกิจกรรมคนหนุ่มสาวของชาวอีสาน และชาวลาวลุ่มน้ำโขงทั่วไปกระทำกัน ชาวบ้านกล่าวว่าเป็นประเพณีดั้งเดิมประจำหมู่บ้านหลังการมาตั้งบ้านเรือนในแถบ นครพนมแล้ว
การละเล่น “ตาดกินดอง” เป็นการละเล่นของชาว “ไทตาด” ซึ่งจะละเล่นกันในงานพิธี “กินดอง” (งานแต่งงาน) ของชาว “ไทตาด” เป็นการละเล่นที่สนุกสนาน โดยชายและหญิงจะเต้นประกอบจังหวะดนตรีที่คึกครื้น มีอุปกรณ์ประกอบการละเล่น เช่น สาก ครก และอุปกรณ์เครื่องครัวต่างๆ ซึ่งประยุกต์มาจากประเพณีการกินดองของไทตาด ซึ่งก่อนวันกินดอง ชาวไทตาดผู้ชาย จะช่วยกันเตรียมสถานที่ หาเขียง หาฟื้น หาครก หาสาก หาหวด หาอาหาร ส่วนผู้หญิงก็จะช่วยจัดจัดเตรียมอาหารเพื่อใช้ในวันกินดอง
ข้อมูล TKP : Facebook : อบต.บ้านผึ้ง