จากการเรียนรู้ในเรื่องของโดเมน รวมถึง ซับโดเมน และลำดับชั้นของไดเร็คทอรี่ ซึ่งจะส่งผลต่อการตั้งชื่อเว็บไซต์ ซึ่งรูปแบบการตั้งชื่อเว็บไซต์ทั่วๆไป มีอยู่ด้วยกัน 3 ลักษณะ
1.ตั้งชื่อด้วยตัวอักษรย่อ
จุดเด่น จะมีตัวอักษรไม่กี่ตัว จำได้ง่าย แต่คำย่อดังกล่าว คนเข้าถึงเว็บไซต์ อาจจะไม่รู้ความหมาย ของข้อความคำเต็มนั้นได้ ซึ่งเว็บไซต์ที่ใช้ชื่อย่อประเภทนี้ ต้องใช้เวลาเพื่อให้คนโดยทั่วไปคุ้นชิน พอสมควร อาทิ กระทรวงศึกษาธิการ (www.moe.go.th) กระทรวงสาธารณสุข (www.moph.go.th) มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ (www.cmu.ac.th)
การทรวงศึกษาธิการ
(www.moe.go.th)
กระทรวงสาธารณสุข
(www.moph.go.th)
มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
(www.cmu.ac.th)
2.ตั้งชื่อโดยใช้คำหรือข้อความสามัญ
จุดเด่น แม้รูปแบบนี้อาจจะใช้ตัวอักษรหลายตัว กลายเป็นคำที่มีความยาว แต่เนื่องจากเป็นคำสามัญพื้นฐานที่เป็นคำศัพท์จริงๆ ทำให้จดจำได้ง่าย อาทิ ธนาคารกรุงเทพ (www.bangkokbank.com), ไทยแลนด์ เยลโล่เพจเจส (www.yellowpages.co.th), มีเดียไทยแลนด์ (www.mediathailand.org)
ไทยแลนด์ เยลโล่เพจเจส (www.yellowpages.co.th)
yellow + pages
ธนาคารกรุงเทพ
(www.bangkokbank.com)
bangkok + bank
มีเดียไทยแลนด์ (www.mediathailand.org)
media + thailand
3.ตั้งชื่อแบบพ้องเสียง
จุดเด่น คาดเดาการเข้าถึงได้ง่าย เพราะเป็นการอิงหรือเลียนเสียงเรียกจากภาษาไทย อาทิ เว็บไซต์ประจำจังหวัดต่างๆ, ไทยรัฐ (www.thairath.co.th), หมอมี (www.mohmee.co.th)
ถือเป็นแนวทาง ในการที่ท่านจะนำหลักการดังกล่าวไปตั้งชื่อให้กับเว็บไซต์ชุมชนของท่าน ตามความเหมาะสม