เราเหลืออีกเพียง 4 ขั้นตอน ของการสร้างเว็บข้อมูลชุมชน นั่นคือ (10)เรียนรู้การสร้างเว็บด้วย Google Sites (11) ปฏิบัติการสร้างหน้าเว็บข้อมูลความรู้ชุมชน (12)ตรวจสอบ ตรวจทาน คำถูกผิด การลิ้งค์ การใช้สื่อประกอบต่างๆ และ ขั้นสุดท้าย (13) การทดสอบระบบ เพื่อตรวจสอบการแสดงผลในสภาพจริงเปรียบเทียบระหว่าง หน้าจอคอมพิวเตอร์และหน้าจอสมาร์ทโฟน ณ ตรงจุดนี้ ถือว่าท่านพร้อมที่จะก้าวไปสู่การสร้างหน้าเอกสารเว็บข้อมูลความรู้ชุมชน แต่ก่อนจะไปเดินตรงจุดนั้น mediathailand ขอทบทวนภาพรวม ตั้งแต่ต้น คือ การกำหนดกรอบของเรื่องราว (ซึ่งเนื้อหาบางส่วนได้กล่าวเน้นๆ ไปบ้างแล้ว) จนถึงขั้นตอนสุดท้ายการออนไลน์
การจะเขียนบทความหรือสารคดีได้ สิ่งสำคัญที่สุดท่านต้องมีข้อมูล ซึ่งข้อมูลในที่นี้ได้แก่ ข้อมูลเอกสาร ข้อมูลบุคคล ข้อมูลจากสถานที่หรือเหตุการณ์ การเขียนข้อมูลชุมชน อย่าเขียนบนความคาดเดา หรือเขาเล่าว่า หรือคำกล่าวอ้าง การเขียนบทความหรือสารคดีที่เป็นเรื่องราวหรือนำมาจากข้อมูลชุมชน ต้องอยู่บนพื้นฐานของความเป็นจริงมากที่สุด
ถ้าจะลงมือเขียนบทความหรือสารคดี เพื่อเผยแพร่เรื่องราวที่เป็นข้อมูลความรู้ของชุมชนจะเริ่มต้นอย่างไร มีสิ่งใดเป็นข้อควรระวัง ฐานการเรียนออนไลน์นี้ ในบทเรียนนี้ มีคำชี้แนะที่จะสรุปพร้อมไปกับไดอะแกรม 13 ขั้นตอน ดังนี้
1. กำหนดกรอบเรื่องราวที่จะเขียนก่อนเป็นลำดับแรก ซึ่งการเขียนเรื่องราวให้ประสบความสำเร็จนั้น ควรจะมาจาก
- เป็นเรื่องที่ผู้เขียนมีความรู้ มีประสบการณ์โดยตรงหรือเป็นส่วนหนึ่งของเหตุการณ์ในชุมชน
- เป็นเรื่องที่ผู้เขียนมีข้อมูลครบถ้วนหรือสามารถแสวงหาข้อมูล หรือแหล่งสืบค้นต่างๆมาประกอบหรืออ้างอิงในงานเขียนได้ครบถ้วน
- เป็นเรื่องที่ตนเองสนใจ เป็นที่น่าสนใจ มีแรงใจในการเขียนเรื่อง ซึ่งเรื่องเหล่านั้นอาจจะอยู่ในความสนใจ ทันสมัย ทันเหตุการณ์
- เป็นเรื่องที่เป็นเป้าหมายของชุมชน ที่ต้องการเก็บรักษา อนุรักษ์เรื่องราวไว้
- เป็นเรื่องที่สังคมภายนอก นำไปนำเสนอบนโลกอินเทอร์เน็ตแบบไม่ครบถ้วน หรือ ไม่ถูกต้อง
2. กำหนดจุดมุ่งหมาย ว่าจะเขียนเพื่ออะไร เพื่อที่จะได้วางเส้นเรื่องไปในทิศทาง ลักษณะการเดินเรื่องเน้นทางวิชาการ ที่ต้องใช้ภาษา ถ้อยคำ และศัพท์เฉพาะ หรือการนำเสนอกึ่งบันเทิง เช่น การเล่าเรื่องเกี่ยวกับแหล่งท่องเที่ยว หรือเทศกาล งานประเพณี อีกทั้งควบคุมการเบี่ยงเบนของเส้นเรื่อง นอกจากนี้ ในบางเรื่องราว ยังอาจจะต้องคำนึงถึงกลุ่มเป้าหมายด้วย
3. กำหนดหรือวางคำสำคัญ (Key word) แนวคิดสำคัญ หรือประเด็นสำคัญ (Key point) หรือแก่นเรื่อง ซึ่งผู้เขียนเรื่องต้องกำหนดว่าบทความหรือสารคดีเรื่องนี้จะนำเสนอเรื่องราว หรือแนวคิด หรือส่วนที่เป็นแก่นของเรื่องมีอะไรบ้าง ซึ่งควรวางกรอบ หรือประโยค หรือคำสำคัญนี้ไว้ เพื่อจะได้เขียนเรื่องราว หรือถ่ายทอดเรื่องราว ไปตามคำสำคัญที่กำหนดไว้
4. เตรียมข้อมูลที่จะใช้ในงานเขียน ก่อนจะลงมือเขียนให้นำคำสำคัญ (Key word) ที่มี นำมาวาง แล้วลองประมวลความรู้ที่เรามี ตลอดจนหลักฐาน ข้อเท็จจริง ที่จำเป็นต้องใช้ในงานเขียน ว่ามีเพียงพอ ครบถ้วนหรือไม่ หากมีไม่เพียงพอ หรือรู้สึกว่า ยังไม่ชัดเจน ผู้เขียนจะต้องทำการเพิ่มเติม โดยการค้นคว้าข้อมูลจากแหล่งความรู้ต่างๆ ตลอดจนสัมภาษณ์ ผู้รู้ ภูมิปัญญา หรือผู้เกี่ยวข้อง ที่อยู่ในชุมชนเพิ่มเติม และที่สำคัญข้อมูลที่เราจะนำไปใช้นั้นจะต้องเป็นข้อมูลที่ถูกต้อง เชื่อถือได้ เมื่อได้ครบถ้วนก็ นำมาประมวลข้อมูล เพื่อดำเนินงานในขั้นต่อไป
5. วางโครงเรื่อง นำคำสำคัญมาเรียงลำดับว่าหัวข้อใดควรอยู่ก่อน หัวข้อใดควรอยู่หลัง เพื่อกำหนดเส้นเรื่องราวในการนำเสนอให้ต่อเนื่องสัมพันธ์กัน การนำเสนอเรื่องจะเดินในลักษณะใด จะเดินเรื่องไปในทิศทางใด ตรงส่วนไหน คือหัวใจสำคัญ ตรงส่วนไหนต้องขยายรายละเอียดด้วยสื่อภาพ หรือข้อความเพิ่มเติม ถ้าพบว่ายังมีจุดบกพร่องส่วนไหนให้แก้ไขก่อน ซึ่งสิ่งต่างๆที่พิจารณาในขั้นตอนนี้ ผู้เขียนเรื่องราว ต้องทำการจดบันทึกไว้ การวางโครงเรื่องที่ดี จะทำให้การเดินเรื่องไม่สับสน ไม่หลงทิศทาง และสามารถจบเรื่องได้ รวดเร็ว ครบถ้วน ตรงขั้นตอนนี้อาจ ตั้งชื่อเรื่อง เตรียมไว้ก่อน ก็ได้
6. เริ่มสร้างเรื่อง นำโครงเรื่องที่วางไว้ในข้อ 5 มาเขียนส่วนขยายความในแต่ละหัวข้อของคำสำคัญให้ครบ โดยคำนึงถึงการเดินเรื่องที่ต่อเนื่องกัน ไม่วกวนไปมา หาคำเชื่อมประโยคที่สละสลวย ระมัดระวังคำฟุ่มเฟือย คำที่ใช้ซ้ำๆ
ประการสำคัญการเขียนเรื่องราวที่นำเสนอ ในเรื่องหนึ่งๆ ไม่ควรยาวจนเกินไป ขนาดความยาวไม่ควรเกิน 30 บรรทัด บนหน้ากระดาษ A4 ไม่ควรลากเรื่องยาวโดยไม่ตัดคำ หรือเว้นวรรค เพื่อช่วยในการแสดงผลข้อความที่ถูกต้องบนหน้าเว็บ (พบว่าบางครั้งเว็บตัดคำเองอัตโนมัติแบบไม่สมบูรณ์) ประการสำคัญควรหาทางขึ้น ย่อหน้าใหม่ ทุกๆ ระยะ 4-5 บรรทัด
เมื่อสร้างเรื่องเสร็จเรียบร้อย เนื้อเรื่องจะเป็นข้อมูลสำคัญของการตั้งชื่อบทความนี้ ซึ่งท่านก็ควรตั้ง เตรียมไว้ได้เลย
7.ทบทวนและแก้ไข แม้ว่าขั้นตอนการเขียนเรื่องราวจะเรียบร้อยตามโครงเรื่องที่กำหนดไว้แล้ว แต่เรื่องราวดังกล่าว ผู้เขียน ควรทบทวนอ่านเรื่องราวนั้นซ้ำใหม่ ว่าโทนเรื่องนั้นเป็นเช่นใด มีความกระชับ น่าอ่าน เนื้อเรื่อง ลื่นไหล สมเหตุสมผล น่าเชื่อถือ ได้ผลตามจุดมุ่งหมายหรือไม่ นอกจากนี้ควรตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลที่นำไปใช้ หากยังไม่ครบถ้วนหรือไม่ถูกต้องให้ดำเนินการแก้ไข ปรับปรุงให้ถูกต้อง
8. สร้างภาพ นำเรื่องที่แก้ไขแล้วมาพิจารณาเพื่อหาภาพประกอบเรื่อง ในการดำเนินเรื่องให้น่าสนใจ ภาพเป็นอีกหัวใจสำคัญ ที่จะส่งเสริมให้ เรื่องราวที่ท่านเขียน หรือนำเสนอนั้น มีพลัง ทรงคุณค่า ซึ่งภาพที่ใช้ร่วมในการเดินเรื่อง ต้องเป็นภาพที่มีลักษณะเล่าเรื่องได้ หรือ อธิบายเรื่องราว หรือประกอบขยายความของเรื่องราวที่ท่านเขียนได้ เป็นอย่างดี
9.เรียนรู้หลักวิธีการสร้างหน้าเว็บ ขั้นตอนนี้ จะเป็นการปูพื้นฐาน เรื่องราวต่างๆ รวมถึงหลักการพัฒนาเว็บ ซึ่งจะได้ เรียนรู้ ในบทเรียนที่ 4 และ 5
10.เรียนรู้(ฝึกปฏิบัติ)การสร้างหน้าเอกสารเว็บ ขั้นตอนนี้เป็นการฝึกการใช้เครื่องมือบน Web Application เพื่อการสร้างหน้าเว็บตามที่ได้ออกแบบไว้
11.สร้างหน้าเว็บตามเนื้อหา หลังจากได้เรียนรู้หลักการของเว็บ รวมถึงท่านได้เตรียมบทความ เสร็จร้อยในขั้นตอนที่ 6 และ 7 รวมถึงการถ่ายภาพเสร็จเรียบร้อยในขั้นตอนที่ 8 ถึงตอนนี้ ท่านมีพื้นความรู้การสร้างเว็บจากการศึกษาในขั้นตอนที่ 9 และ 10 ก็ก้าวเข้าสู่การสร้างหน้างานจริง
12.ตรวจสอบ ตรวจทาน พิจารณาชื่อเรื่องว่า ชื่อที่ตั้งยังคงเสน่ห์ มีพลัง และอยู่ใน อารมณ์ของเส้นเรื่องเดียวกันหรือไม่ หากชื่อเรื่องที่ตั้งนั้น ยังไม่ไปในทิศทางเดียวกัน หากหาทางออกไม่ได้ ก็กลับคืนสู่สามัญด้วยการใช้ชื่อที่เกี่ยวข้องกับเนื้อหาแทน ทำการตรวจทานคำถูกผิด ตรวจสอบภาพและสื่ออื่นๆที่นำมาประกอบในเรื่อง มีความโดดเด่น ดูมีพลัง หรือไม่ ถ้าลงตัว ไปขั้นตอนสุดท้ายเลย
13.ทดลอง Publish เพื่อตรวจสอบการแสดงผล ความสมดุลย์ของภาพและข้อความในมุมมองของ Device ต่างๆ ซึ่งขอให้พิจารณาในมุมมอง ทั้งบนหน้าจอคอมพิวเตอร์ และหน้าจอของ Smartphone เป็นหลัก