การสร้างสัมพันธภาพในการสร้างสรรค์งานช่าง
1.ความสำคัญของสัมพันธภาพในการทำงานร่วมกัน
การสร้างสัมพันธภาพที่ดีเป็นสิ่งที่มีความสำคัญอย่างยิ่งในการทำงานร่วมกันเนื่องจากมนุษย์ต้องอยู่ร่วมกัน ไม่มีใครที่สามารถจะอยู่ได้อย่างโดดเดี่ยว และไม่มีใครที่จะทำงานอยู่เพียงลำพังคนเดี่ยวได้ ในระบบของกลุ่มงานองค์กร ทุกคนจะต้องมีความสัมพันธ์กัน ร่วมมือและพึ่งพาอาศัยกันตามบทบาทและหน้าทีที่กำหนดไว้ คนที่มีสัมพันธภาพที่ดีต่อเพื่อนร่วมงาน และเป็นที่รักใคร่ของบุคคลทั่วไป คนคนนั้นมักจะทำงานได้อย่างมีความสุขและมีประสิทธิ์ภาพ ในทางกลับกันถ้าคนใดไม่มีสัมพันธภาพที่ดีต่อเพื่อนร่วมงาน ไม่ให้ความร่วมมือในการทำงานไม่เห็นแก่ประโยชน์ส่วนร่วม ไม่สนใจที่จะผูกมิตรไม่ตรีกับใคร ก็ย่อมทำให้ไม่สามารถร่วมงานกับผู้อื่นได้อย่างมีความสุข ทำให้มีปัญหาในการทำงาน ส่งผลกระทบต่องาน ทำให้งานไม่บรรลุวัตถุประสงค์ที่ตั้งใจไว้ และทำให้ไม่ก้าวหน้าและไม่ประสพความสำเร็จในการงานอีกด้วย
สัมพันธภาพที่ดีในการทำงานมีผลโดยตรงต่อหน่วยงานดังนี้
1. ทำให้เกิดบรรยากาศที่ดีในการทำงาน สามารถทำงานร่วมกันได้อย่างมีความสุข
2. ก่อให้เกิดความสามัคคี มีความเอื้ออาทรและความร่วมมือร่วมใจในการทำงาน
3. ลดปัญหาความขัดแย้งระหว่างผู้ร่วมงาน
4.ทำให้เกิดการปรึกษา แลกเปลี่ยนความรู้และความคิดเห็นซึ่งกันและกัน ส่งผลให้เกิดการพัฒนาตนเองและงานที่รับผิดชอบ
5. ทำให้การทำงานเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและบรรลุประสงค์ที่ตั้งไว้
6. ก่อให้เกิดผลดีและสร้างความภาคภูมิใจให้กับตนเองและผู้ร่วมถึงหน่วยงานด้วยเมื่อผลงานสำเร็จได้ตามเป้าหมาย
2. กระบวนการสร้างสัมพันธภาพในการทำงานช่าง
การสร้างสัมพันธภาพอันดีระหว่างเพื่อนร่วมงานนั้นต้องอาศัยความเอื้อเฟื้ ความช่วยเหลือและให้เกียรติซึ่งกันและกัน โดยยึดหลักการที่ว่า “เอาใจเขามาใส่ใจเรา” ซึ่งเป็นพื้นฐานของการอยู่ร่วมกันเป็นกลุ่มหรือหมูคณะการสร้างความสัมพันธภาพที่ดีต่อกันระหว่างเพื่อนร่วมงานนั้นยังนำมาซึ้งความสำเร็จในการทำงานอีกด้วย ฉะนั้นแนวทางการสร้างความสัมพันธ์ภาพอันดีระหว่างผู้ร่วมงาน ควรยึดหลัก ดังนี้
1.รู้จักเข้าใจและยอมรับตนเอง
การเข้าใจความเป็นตัวเอง เช่น รู้ว่าตนเองเป็นอย่างไรมีบุคลิกภาพและมีนิสัยอย่างไร มีจุดเด่นจุดด้อยอะไรบ้างซึ่งเมื่อรู้และเข้าใจว่า ตนเองมีข้อเสียอย่างไรแล้ว ทำให้สามารถนำมาประยุกต์ใช้ในการพัฒนาหรือปรับปรุงตนเองให้เข้ากับผู้อื่นได้และอยู่ร่วมกันอย่างเป็นหมู่คณะได้อย่างมีความสุข
วิธีรู้จักเข้าใจและยอมรับตนเอง มีแนวทางปฏิบัติดังนี้
1. หมั่นพิจารณาวิเคราะห์ตนเองอยู่เสมอ เพื่อให้ทราบถึงข้อดีขอเสียของตนเองในเรื่องต่างๆเช่นบุคลิกภาพ ลักษณะนิสัย การพูดจา การแสดงออกในเรื่องของอารมณ์และกิริยามารยาทต่อผู้อื่น
2. เปิดใจยอมรับการวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับตนเองจากบุคคลอื่น
3. ต้องรู้จักการสำรวมกิริยามารยาท ควบคุมอารมณ์และความรู้สึกเมื่อเผชิญกับเหตุการณ์ต่างๆได้อย่างดี เช่นการไม่แสดงความดีใจมากเกินไปเมื่อได้รับรางวัลหรือการชมเชย ไม่แสดงอารมณ์โกรธอย่างรุนแรงต่อเพื่อนร่วมงานกล่าวตำหนิ และไม่คิดว่าตนเองเหนือกว่าเพื่อนร่วมงานเมื่อมีโอกาสได้ตำแหน่งงานสูงกว่าเป็นตน
ประโยชน์ของการรู้จักเข้าใจและยอมรับตนเอง
1. ทำให้มีความสุขุมรอบครอบมากขึ้น มีสติสัมปชัญญะในการทำงานและสามารถแก้ไขปัญหาต่างๆได้เป็นอย่างดี
2. มำให้รู้จักสร้างคุณค่าให้ตนเอง
3. ทำให้เป็นผู้รู้จักกาลเทศะในการอยู่ร่วมกัน
4. ทำให้เข้าใจผู้อื่นได้ดียิ่งขึ้น
5. ทำให้เป็นที่รักใครและได้รับการยอมรับจากเพื่อนร่วมงาน
6. ทำให้ประสบความสำเร็จในหน้าที่การงานและอยู่ร่วมกับผู๔อื่นได้อย่างมีความสุข
2. การรู้จักเข้าใจและยอมรับเพื่อนร่วมงาน
การที่จะอยู่ร่วมกันกับผู้อื่นได้อย่างมีความสุขนั้นต้องรู้จักเข้าใจและยอมรับเกี่ยวกับธรรมชาติของ เพื่อนร่วมงานแต่ละคนถึงบุคลิกภาพ ลักษณะนิสัยทัศนคติ รวมถึงประสบการณ์และความสามารถในด้านต่างๆเพราะเมือทราบและเข้าใจในธรรมชาติของเพื่อนร่วมงานแล้ว ก็จะทำให้สามารถปรับตัวและทำงานร่วมกับบุคคลนั้นได้ดี ลดปัญหาอื่นๆในการทำงานร่วมกันได้
วิธีการรู้จักข้าใจและยอมรับเพื่อนร่วมงาน มีข้อปฏิบัติดังนี้
1. การศึกษาและทำความเข้าใจเกี่ยวกับลักษณะนิสัยและพฤติกรรมของเพื่อนร่วมงาน
2. มีเจตคติที่ดีต่องานและเพื่อนร่วมงาน
3. แสดงความชื่นชมหรือความยินดีอย่างจริงใจต่อเพื่อนร่วมงานเมื่อมีโอกาสทุกครั้ง
4. รู้จักให้อภัยเมื่อเพื่อนร่วมงานทำผิดพลาดและให้ความช่วยเหลือเสมอ
ประโยชน์จากการรู้จักเข้าใจละยอมรับเพื่อนร่วมงาน
1. ช่วยให้เกิดสัมพันธภาพที่ดีต่อกัน มีความเอื้ออาทรเห็นอกเห็นใจซึ่งกันและกัน ทำให้การทำงานบรรลุวัตถุประสงค์เป็นอย่างดี
2. ช่วยให้บุคคลเกิดเข้าใจเมื่อเห็นข้อบกพร่องของผู้อื่น รู้จักยอมรับ และให้อภัย
3. ช่วยเสริมสร้างความอบอุ่นของการอยู่ร่วมกันในสังคมอย่างมีความสุข
4. ช่วยเสริมประสิทธิภาพ และประสิทธิผลของการทงานของสมาชิกในกลุ่ม
3.ปัจจัยที่อิทธิพลต่อการทำงานร่วมกัน
ปัจจัยที่อิทธิพลต่อการทำงานร่วมกัน มีดังนี้
1. การเลือกสมาชิกร่วมกลุ่มทำงาน ควรเลือกบุคคลที่มีแนวความคิด ค่านิยมและลักษณะนิสัยคล้ายคลึงกัน ซึ่งจะลดการขัดแย้งใจการทำงาน ช่วยให้งานสำเร็จได้อย่างรวดเร็วและง่ายขึ้น
2. การำหนดเป้าหมายการทำงานร่วมกัน เมื่อสมาชิกทุกคนได้มีส่วนร่วมในการกำหนดเป้าหมายและวิธีการทำงานร่วมกันจะทำให้เกิดความเข้าใจและมีกระบวนการคิดที่ตรงกัน ทำให้การทำงานเป็นไปอย่างราบรื่นและมีประสิมธิภาพบรรลุวัตถุประสงค์ได้อย่างรวดเร็ว
3. การให้ความไว้วางใจซึ่งกันและกัน สมาชิกทุกคนในกลุ่มควรมีความไว้ว่างใจ ให้เกียรติ์และมีความซื่อสัตย์ต่อกัน แล้วจะทำให้บรรยากาศในการทำงานไม่มีความอึดอัด และไม่มีผลกระทบต่อการทำงานด้วย
4. การแบ่งบทบาทหน้าที่ในการทำงานด้วยความยุติธรรม เมื่อสมาชิกทุกคนได้รับความยุติธรรมไม่มีอคติต่อกัน ทุกคนสามารถเข้าใจและยอมรับบทบาทหน้าที่ของตนเองและเพื่อนร่วมงานได้ ย่อมส่งผลให้การทำงานนั้นมีความขัดแย้งน้อยลง
5. การให้รางวัลตอบแทนสมาชิกผู้ร่วมงาน การาให้รางวัลตอบแทนในการทำงานนั้น ควรให้ด้วยความเป็นธรรม มีกฎเกณฑ์ที่แน่นอน ไม่ควรให้รางวัลที่มุ่งเน้นตัวบุคคลหรือพรรคพวก ซึ่งอาจเป็นสาเหตุที่ทำให้ขาดความสามัคคีในการทำงานได้
6. การสร้างบรรยากาศในการทำงาน บรรยากาศในการทำงานถือเป็นปัจจัยหนึ่งที่มีอิทธิพลต่อการทำงานมาก การจัดบรรยากาศในการทำงานที่ดีส่งผลให้การทำงานราบรื่น ไม่ตึงเครียด บรรยากาศที่อบอุ่นและสัมพันธภาพที่ดีระหว่างสมาชิกภายในหน่วยงานจะช่วยทำให้การทำงานมีประสิทธิภาพและมีประสิทธิผลมากขึ้น
3.คุณลักษณะที่ดีของการทำงานร่วมกัน
การทำงานร่วมกันทุกคนเป็นส่วนหนึ่งของสมาชิกในกลุ่มซึ่งจะต้องมีความสัมพันธ์ มีความร่วมมือในการสร้างสรรค์ผลงาน และทำงานให้ได้บรรลุตามเป้าหมายที่วางไว้ ดังนั้น จึงควรรู้ถึงคุณลักษณะที่ดีในการทำงานร่วมกัน เพื่อใช้เป็นแนวทางในการทำงานตังต่อไปนี้
1. สมาชิกทุกคนอุทิศตน ทั้งกำลังกาย กำลังใจ และกำลังความคิด เพื่อให้งานประสบผลสำเร็จ
2. สมาชิกทุกคนร่วมกันแสดงความคิดเห็นและข้อเสนอแนะ เพื่อสร้างสรรค์ผลงาน
3. สมาชิกทุกคนร่วมมือกันแก้ไขปัญหา และข้อผิดพลาดต่างๆ ที่เป็นอุปสรรค์ต่อการทำงานไม่ปัดความรับผิดชอบให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง
4. สมาชิกทุกคนควรสร้างบรรยากาศในการทำงานที่อบอุ่น เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่และเอื้ออาทรต่อกันเสมอ
5. สมาชิกทุกคนมีความเชื่อมันและมีความไว้วางใจซึ่งกันและกันเสมอ
6. สมาชิกทุกคนยึดความสำเร็จของงานเป็นหลัก และเปิดโอกาสให้มีการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นซึ่งกันและกัน เผือพัฒนาผลงานให้ก้าวหน้าต่อไป
4.เทคนิคเกี่ยวกับการทำงานร่วมกับผู้อื่น
การทำงานกับผู้อื่นในการสร้างสรรค์งานช่างให้ประสบความสำเร็จได้อย่างมีความสุขนั้นต้องมีเทคนิค วิธีดังต่อไปนี้
1. การพูด รู้จักการใช้คำถามเพื่อให้ได้มาซึ่งความร่วมมือ เช่น ถามความเห็นเขา ทำให้เขาพึงพอใจ ฟังความคิดเห็นเขาทำให้เขาร่วมมือ หรือตั้งคำถามในลักษณะที่กระตุ้นให้ผู้ถูกถามอยากแสดงความคิดเห็นของเขาออกมา เป็นต้น
2. การฟัง พยายามเป็นผู้ฟังมากกว่าผู้พูด เพราะการพูดน้อยฟังมาก ทำให้ผู้พูดรู้สึกถึงความสำคัญของผู้ฟัง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อบรรยากาศเครงเครียด เช่นเพื่อนร่วมงานกำลังโกรธหรือไม่สบายใจ พยายามพูดให้น้อยที่สุด ฟังเขาพูดให้มากและหลีกเลี่ยงการโต้แย้ง บรรยากาศความเครงเครียดจะเบาบางลง
3. แสดงกิริยาที่น่าเชื่อถือ โดยแสดงให้เห็นว่าการพูดตรงกับจิตใจ เวลาพูดมองหน้าผู้ร่วมสนทนาด้วย เพื่อให้เขารู้สึกว่าเรามีความสนในในสิ่งที่เขาพูด และอย่ามองข้ามศรีษะเขาให้มองแค่ปลายคางหรือปลายจมูก
4. แสดงอัธยาศัยไมตรีต่อผู้อื่นก่อนเสมอ ด้วยการยิ้มแย้มฉันมิตรกับทุกคนด้วยความบริสุทธิ์ใจ และจงสันนิฐานว่าทุกคนชอบเราและเราควรชอบทุกคนด้วย
5. พยายามมองคนอื่นในส่วนที่ดี หลีกเลี่ยงการคอยจับผิด เน้นความสำเร็จของผู้อื่นหลีกเลี่ยงการวิจารณ์ความผิดของเขา
6. ฝึกการพูดด้วยน้ำเสียงสุภาพอ่อนโยน หลีกเลี่ยงน้ำเสียงกระแทกกระทั้น ประชดประชันและกระด้างไม่รื่นหู
7. รู้เทคนิคการวิพากษ์วิจารณ์ให้เกิดประโยชน์ การวิพากษ์วิจารณ์ควรกะทำในกรณีที่จำเป็นจริงๆและควรเป็นการภายในที่ลับตาคน และควรสร้างบรรยากาศที่เป็นมิตรโดยการเริ่มส่วนที่ดีของเขาเสียก่อนและจบลงด้วยการชมเชยส่วนดีของเขา ทั้งยังส่งเสริมให้คนใช้ความคิดแก้ปัญหาด้วยตนเอง ให้ข้อคิดในทางแนะนำ มิใช่คอยแต่จับผิด และหลีกเลี่ยงเรื่องส่วนตัว
8. ส่งเสริมศักดิ์ศรีของคน เพื่อเสริมสร้างความจงรักภัคดี โดยการหลีกเลี่ยงการกระทำใดๆที่ทำให้รู้สึกถึงศักดิ์ศรีของตนด้อยลง พยายามให้ความเชื่อถือเขาและแสดงความยินดีในความสำเร็จของเขา
9. ให้การยกย่องเพื่อให้ได้มาซึ่งเพื่อนร่วมงานที่ดี เพราะทุกคนต้องการการยอมรับจากเพื่อนร่วมงานและยินดีกับคำชมเชยยกย่องตนเองเสมอ
10. ให้ความคุ้นเคยสนิทสนมกับเพื่อนร่วมงาน เพื่อสร้างเสริมความร่วมมือที่ดีในการทำงาน
5.การสร้างสัมพันธภาพในหน่วยงาน
เป็นกระบวนการในการสร้างบรรยากาศที่ดีในการทำงานช่างเพื่อให้เกิดความรักความสามัคคี ที่ดีในหมู่คณะ มีการแลกเปลี่ยนความรู้ ความคิดและวิสัยทัศน์ซึ่งกันและกันด้วยความเข้าใจ เห็นอกเห็นใจและสามารถยอมรับความคิดเห็นหรือข้อแตกต่างระหว่างตนเองและผู้อื่น รวมถึงการรู้บทบาทหน้าที่ของตนเองและผู้อื่น ซึ่งถือได้ว่าเป็นปัจจัยสำคัญประกาศหนึ่งที่ทำให้งานเกิดความราบรื่น ก่อให้เกิดความรักสามัคคีของสมาชิกในกลุ่ม เกิดพลังที่จะร่วมกันผลิตและสร้างผลงานทางช่วยอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้เกิดการพัฒนาตนเองและยังพัฒนาผลงานได้อย่างมีคุณค่ามากยิ่งขึ้น