📙มาตรา 352 ผู้ใดครอบครองทรัพย์ซึ่งเป็นของผู้อื่น หรือซึ่งผู้อื่นเป็นเจ้าของอยู่ด้วย เบียดบังเอาทรัพย์นั้นเป็นของตนหรือบุุคลที่สามโดยทุจริต ผู้นั้นกระทำความผิดฐานยักยอกทรัพย์ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ถ้าทรัพย์นั้นได้ตกมาอยู่ในความครอบครองของผู้กระทำความผิด เพราะผู้อื่นส่งมอบให้โดยสำคัญผิดไปด้วยประการใด หรือเป็นทรัพย์สินหายซึ่งผู้กระทำผิดเก็บได้ ผู้กระทำต้องระวางโทษแต่เพียงกึ่งหนึ่ง
คำอธิบาย ผู้กระทำจะได้การครอบครองโดยชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ชอบด้วยกฎหมายไม่สำคัญ ความสำคัญอยู่ที่จะต้องได้จครอบครองอยู่ในขณะยักยอก , ทรัพย์หมายถึงวัตถุอันมีรูปร่าง ดังนั้น การเบียดบังสิทธิเรียกร้องย่อมไม่ใช่ความผิดฐานยักยอก , การเบียดบัง หมายถึง การแสดงกิริยาออกมาภายนอกแสดงตนว่าเป็นเจ้าของทรัพย์นั้น , ผู้กระทำต้องมีเจตนาธรรมดาที่จะเบียดบังทรัพย์ของผู้อื่นหรือผู้อื่นเป็นเจ้าของรวมอยู่ด้วยมาเป็นของตนเองหรือบุคคลที่สาม ฉะนั้นผู้กระทำจะมีเจตนาได้ก็ต่อเมื่อทราบว่าทรัพย์นั้นเป็นทรัพย์ของผู้อื่นหรือที่ผู้อื่นเป็นเจ้าของรวมอยู้ด้วย ส่วนมูลเหตุชักจูงใจ คือ โดยทุจริต
มาตรา 175ผู้ใดเอาความเป็นเท็จฟ้องผู้อื่นต่อศาลว่ากระทำความผิดอาญาหรือว่ากระทำความผิดอาญาแรงกว่าที่เป็นจริงต้องระวังโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปีและปรับไม่เกิน 100,000 บาท
องค์ประกอบภายในคือเจตนาธรรมดาตามมาตรา 59รวมถึงผู้กระทำต้องรู้ข้อเท็จจริงอันเป็นองค์ประกอบความผิดตามมาตรา 59 วรรค 3คือรู้ว่าความที่นำมาฟ้องเป็นความเท็จหากไม่รู้ถือว่าไม่มีเจตนา
ความผิดฐานฟ้องเท็จความผิดสำเร็จทันทีเมื่อยื่นฟ้องต่อศาลไม่ว่าศาลจะรับฟ้องหรือไม่และไม่จำต้องรอให้คดีนั้นถึงที่สุดก่อน
มาตรา 341 ผู้ใดโดยทุจริตหลอกลวงผู้อื่นด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อความจริงซึ่งควรบอกให้แจ้งและโดยการหลอกลวงดังว่านั้นได้ไปซึ่งทรัพย์สินจากผู้ถูกหลอกลวงหรือบุคคลที่สามหรือทำให้ผู้ถูกหลอกลวงหรือบุคคลที่สามทำถอนหรือทำลายเอกสารสิทธิ์ผู้นั้นกระทำความผิดฐานฉ้อโกงต้องระวังโทษจำคุกไม่เกินสามปีหรือปรับไม่เกินหกหมื่นบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ