เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับหญ้าแพรก
หญ้าแพรก (Yaa phrack) (ไทย) หญ้าแผด (พายัพ) ทิซั่วเช่า (จีน)
เป็นพืชจำพวกหญ้า มีอายุข้ามปี (perennial) ต้นเล็กแผ่ราบมีไหล(stolon)แตกไปตามพื้น ลำต้นอาจยาวได้ถึง 1 เมตร ชูตั้งขึ้นสูง 5-45 ซม. ข้อที่แตะดินจะมีรากงอกออกมา แตกกิ่งก้านสาขาลามไปทั่ว ลำต้นบางครั้งมีสีม่วงแดง แต่ละข้อมีใบอยู่ 2 ใบ กาบใบยาวถึง 15 มม. แต่สั้นกว่าปล้อง
ใบเรียบมีขน (ligule) สีขาวออกเบ็นวงรอบรอยต่อระหว่างกาบใบกับแผ่นใบเห็นได้ชัด แผ่นใบยาว 2-16 ซม. กว้าง 3-5 มม. อาจเรียบหรือมีขนบนหลังใบ
ดอก ออกเป็นช่อ (spike) ที่ยอดช่อหนึ่งมี 3-6 ช่อดอกย่อย ก้านช่อดอกร่วมยาว 1.5-5 ซม. ช่อดอกย่อยเป็นเส้นสีเขียวเทาถึงม่วง ยาว 2-5 ซม. มีดอกย่อยเรียงกันเป็น 2 แถว ดอกย่อยยาวประมาณ 1-5-3 มม. อัดแน่นอยู่บนด้านหนึ่งของก้านดอกย่อย เกสรตัวผู้มี 3 อัน มีอับเรณูสีม่วงยาว 1-1.5 มม. รังไข่มีก้านเกสรตัวเมีย 2 เส้น ส่วนปลายเป็นฝอยคล้ายขนนก
ผล (caryopsis) หรือเมล็ดมีขนาดเล็กมาก ยาว 1-1.5 มม. รูปไข่ สีน้ำตาลไปจนถึงแดง
ขยายพันธุ์ โดยอาศัยเมล็ด ไหล และลำต้นใต้ดิน (rhizomes) พบขึ้นเองตามที่ว่างริมถนน สนามหญ้า ทนต่อสภาพดินเลว และสภาพแห้งแล้งได้ดี ออกดอกตลอดปี
ข้อสังเกตของหญ้าแพรกคือ มีขน (ligule) สีขาวขนเป็นวงที่รอยต่อระหว่างกาบใบและแผ่นใบ และมีขนขึ้นเป็นแถวอยู่ที่สันขอบกาบนอกของดอก
ประโยชน์ของหญ้าแพรก
1) ช่วยห้ามเลือด
มีฤทธิ์ช่วยห้ามเลือดได้ดี มีการทดลองฉีดอัลคาลอยด์ ของหญ้าแพรก ในปริมาณ 2.5 มก. ต่อน้ำหนักตัว 1 กก. ฉีดเข้าในหลอดโลหิตดำ ของกระต่าย ผลปรากฏว่าเลือดจากบาดแผลของกระต่ายเกิดการแข็งตัวขึ้น และเลือดหยุดไหลได้เร็วขึ้น
2) ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด
สามารถช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดของผู้ป่วยเบาหวานได้ ด้วยค่าดัชนีน้ำตาลของหญ้าแพรกมีการศึกษาพบว่า สามารถลดความเสี่ยงอาการช็อกเพราะขาดน้ำตาลในเลือด (Hypoglycaemic)
3) บำรุงระบบภูมิคุ้มกัน
หญ้าแพรกมี CDPF (cynodon dactylon protein fractions) ซึ่งเป็นโปรตีนชนิดหนึ่งช่วยบำรุงระบบภูมิคุ้มกันให้มีความแข็งแรงขึ้น อีกทั้งสรรพคุณในการต้านเชื้อโรคและต้านไวรัสของหญ้าแพรกยังช่วยปกป้องเราจากสาเหตุของโรคต่างๆ หลายโรค อย่างเช่น โรคหวัด โรคติดเชื้อ รวมถึงอาการอักเสบอื่นๆ
4) รักษาและป้องกันท้องผูก
อุดมด้วยไฟเบอร์และยังมีสรรพคุณในการย่อยอาหาร รับประทานหญ้าแพรกช่วยแก้อาการท้องอืด ท้องเฟ้อ เป็นยาลดกรดในกระเพาะอาหาร แก้อาหารไม่ย่อย ป้องกันท้องผูกและที่สำคัญหญ้าแพรกยังช่วยล้างสารพิษได้อีกด้วย
5) ลดปัญหาในช่องปาก
หญ้าแพรกมีสารฟลาโวนอยด์ ช่วยต้านอาการแผลเปื่อย ช่วยต้านเชื้อหวัด ลดเสมหะ บรรเทาอาการคัดจมูก และที่สำคัญคือช่วยกำจัดกลิ่นปากได้ดี
6) ลดปัญหาโรคผิวหนัง
ด้วยคุณสมบัติต้านการอักเสบและฆ่าเชื้อโรคของหญ้าแพรก มีการนำไปใช้รักษาปัญหาผิวพรรณ อย่างเช่น อาการคัน, ลดผื่นคัน, รักษาโรคผิวหนังอักเสบ, โรคเรื้อน, โรดหิด และโรคผิวหนังชนิดอื่นๆ วิธีการคือนำหญ้าแพรกบดละเอียดไปผสมกับผงขมิ้นชัน แล้วนำมาทาบริเวณที่มีอาการ
7) ล้างสารพิษในระบบเลือด
มีคุณสมบัติรักษาความเป็นด่างในเลือดได้ ช่วยสร้างเม็ดเลือดแดง เนื่องจากสามารถช่วยสร้างฮีโมโกลบินในร่างกาย ป้องกันภาวะโลหิตจางและมีส่วนช่วยชะลอการหลั่งของเลือด ป้องกันการเสียเลือดมากเกินไป ลดการเสียเลือดประจำเดือนของผู้หญิง
8) ช่วยในการทำงานของหัวใจ
ด้วยหญ้าแพรกนั้นช่วยลดคอเลสเตอรอลในเลือด ช่วยบำรุงและส่งเสริมการทำงานของหลอดเลือดหัวใจ และที่สำคัญ หญ้าแพรกยังมีสรรพคุณคล้ายตัวยาต้านอาการโรคหัวใจเต้นผิดจังหวะ
9) ดีสำหรับผู้หญิง
ช่วยรักษาอาการติดเชื้อในกระเพาะปัสสาวะ ลดอาการตกขาวได้โดยกินหญ้าแพรกคู่กับโยเกิร์ต รักษากลุ่มอาการที่รังไข่มีถุงน้ำหลายใบ รวมถึงดีต่อคุณแม่ที่ต้องการเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิตน้ำนม
10) ช่วยลดความอ้วน
นำหญ้าแพรกมาคั้นน้ำผสมกับเมล็ดพริกไทยดำ หรือผงขมิ้นชัน แล้วดื่มวันละ 2 ครั้ง เพื่อลดไขมันและช่วยลดน้ำหนักได้
พุทธประวัติของหน้าแพรก
หญ้าแพรก ในพุทธประวัติกล่าวว่าพระสิทธัตถะได้ทรงพระสุบิน ก่อนที่จะสำเร็จพระสัมมาสัมโพธิญาณคำรบสองว่า ต้นหญ้าแพรกต้นหนึ่ง ได้ขึ้นแต่พื้นพระนาภี และเจริญสูงขึ้นไปจนจดคัดนาดลนภากาศ ซึ่งทำนายว่าการที่หญ้าแพรกงอกจากพระนาภี สูงไปจดอากาศนั้น เป็นบรรพนิมิตที่ได้ตรัสเทศนาพระอริยมรรคมีองค์ 8 (อัฏฐังคิกมรรค) แก่เทพยดาและมนุษย์ทั้งปวง
หญ้าแพรก เป็นหญ้าชนิดหนึ่งในสกุล " Cynodon " และอยู่ในวงศ์เดียวกับอ้อย ไผ่ คือวงศ์ "Gramineae " หรือ "Poaceae"
ลักษณะ เป็นต้นหญ้าขนาดเล็ก ชอบเลื้อยแผ่ไปตามดิน แตกแขนงออก และมีรากงอก ใบ เดี่ยว ขนาดเล็กออกสลับ ดอก ช่อ ขนาดเล็กสีเขียวหรือสีม่วง ก้านช่อดอกออกตรงข้อ
การขยายพันธุ์ของหญ้าแพรก
การขยายพันธุ์ : เป็นพรรณไม้ที่มักพบขึ้นเอง ตามที่ว่างริมถนน หรือบริเวณสนามหญ้า ขึ้นได้ดีในดินเกือบทุกชนิด ต้องการความชื้นในปริมาณค่อนข้างมาก ขยายพันธุ์ด้วยการใช้เมล็ด กิ่ง และราก