การศึกษาองค์ประกอบภาวะผู้นำเชิงนวัตกรรมของผู้บริหารสถานศึกษาสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาอุบลราชธานีเขต 4
Title Alternative
A study of innovative leadership of school administrators in the office primary educational service area, ubonratchathanee 4
Creator
Name: ปาริฉัตร พรสุวรรณ
Subject
keyword: ภาวะผู้นำเชิงนวัตกรรม
Description
งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์วิจัยเพื่อศึกษาระดับภาวะผู้นำเชิงนวัตกรรมของผู้บริหารสถานศึกษาสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาอุบลราชธานีเขต 4 และการเปรียบเทียบความแตกต่างของค่าเฉลี่ย จำแนกตามปัจจัยส่วนบุคคล โดยใช้แบบสอบถามจำนวน 20 ข้อที่ได้พัฒนาและตรวจสอบคุณภาพมาแล้วไปเก็บข้อมูลจากผู้อำนวยการ หัวหน้างาน และอาจารย์ของโรงเรียน จำนวน 198 คนมาวิเคราะห์ผลด้วยสถิติวิเคราะห์ความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และการทดสอบความแตกต่างของค่าเฉลี่ย t-test F-test แล้วพบว่า ภาวะผู้นำเชิงนวัตกรรมของผู้บริหารสถานศึกษาสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาอุบลราชธานีเขต 4 มีค่าเฉลี่ยอยู่ในระดับมากทั้งภาพรวมและองค์ประกอบรายด้าน รวมถึงพบว่ามีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 จำแนกตามวุฒิการศึกษา ด้านตำแหน่งงานปัจจุบัน และเงินเดือนที่ได้รับในปัจจุบัน ซึ่งด้วยข้อค้นพบนี้ ผู้อำนวยการ รองผู้อำนวยการ และอาจารย์สามารถนำไปใช้ในการกำหนดเป็นหัวข้อด้านการพัฒนาภาวะผู้นำเชิงนวัตกรรมของตนเองที่เน้นด้านการนำสู่การเรียนรู้ โดยเฉพาะการให้ความสำคัญต่อความต้องการเป็นรายบุคคล
ปาริฉัตร พรสุวรรณ . (2563). การศึกษาองค์ประกอบภาวะผู้นำเชิงนวัตกรรมของผู้บริหารสถานศึกษาสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาอุบลราชธานีเขต 4. มหาวิทยาลัยการจัดการและเทคโนโลยีอีสเทิร์น
การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษา เปรียบเทียบสภาพที่เป็นจริง สภาพที่พึงประสงค์ความต้องการจำเป็น และแนวทางในการพัฒนาภาวะผู้นำเชิงนวัตกรรมของผู้บริหารสถานศึกษา กลุ่มตัวอย่าง ได้แก่ ผู้บริหารสถานศึกษา และครูผู้สอน สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสกลนคร เขต 2 ปีการศึกษา 2566 จำนวน 366 คน โดยใช้การสุ่มตัวอย่างแบบแบ่งชั้น เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูลเป็นแบบสอบถามสภาพที่เป็นจริง มีค่าความเชื่อมั่นเท่ากับ .988 และแบบสอบถามสภาพที่พึงประสงค์ มีค่าความเชื่อมั่นเท่ากับ .990 สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน การทดสอบค่าสถิติที การวิเคราะห์ความแปรปรวนทางเดียว และการหาค่าความต้องการจำเป็น ผลการวิจัยพบว่า 1) ภาวะผู้นำเชิงนวัตกรรมของผู้บริหารสถานศึกษา สภาพที่เป็นจริง โดยรวมอยู่ในระดับมาก ส่วนสภาพที่พึงประสงค์ อยู่ในระดับมากที่สุด 2) ภาวะผู้นำเชิงนวัตกรรมของผู้บริหารสถานศึกษา จำแนกตามสถานภาพการดำรงตำแหน่ง พบว่า สภาพที่เป็นจริง โดยรวมแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 ส่วนสภาพที่พึงประสงค์ โดยรวมและรายด้านไม่แตกต่างกัน เมื่อจำแนกตามขนาดโรงเรียน และประสบการณ์ในการปฏิบัติงาน พบว่า โดยรวมและรายด้านไม่แตกต่างกัน 3) ลำดับความต้องการจำเป็นในการพัฒนาภาวะผู้นำเชิงนวัตกรรม เรียงจากมากไปน้อย ดังนี้ ด้านการบริหารความเสี่ยง ด้านการมีวิสัยทัศน์สู่การเปลี่ยนแปลง ด้านการสร้างบรรยากาศองค์กรนวัตกรรม ด้านการมีส่วนร่วมและทำงานเป็นทีม และด้านการมีความคิดสร้างสรรค์ 4) แนวทางการพัฒนาภาวะผู้นำเชิงนวัตกรรมจากการศึกษาโรงเรียนที่มีความเป็นเลิศ (Best Practice) ด้านการบริหารจัดการนวัตกรรม จนประสบผลสำเร็จเป็นที่ประจักษ์ พบว่าควรพัฒนาทั้ง 5 ด้าน
นภัสมน สุขจร ,สุมัทนา หาญสุริย์ และฤทัยทรัพย์ ดอกคำ . (2024). ความต้องการจำเป็นและแนวทางในการพัฒนาภาวะผู้นำเชิงนวัตกรรมของผู้บริหารสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสกลนคร เขต 2. วารสารสมาคมพัฒนาวิชาชีพการบริหารการศึกษาแห่งประเทศไทย (สพบท.). ปีที่ 6. ฉบับที่ 4 : หน้า 306–324.
บทคัดย่อ
การพัฒนาภาวะผู้นำด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารของผู้บริหารสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ พบว่าผู้เข้ารับการพัฒนามีความรู้หลังการพัฒนาสูงกว่าก่อนการพัฒนาอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 มีพฤติกรรมระหว่างการพัฒนาอยู่ในระดับดีมากทุกข้อ ความพึงพอใจต่อการพัฒนาอยู่ในระดับ มากที่สุด ( = 4.56, S.D. = 0.41) ผลการติดตามการนำความรู้ไปพัฒนาการปฏิบัติงานหลังการพัฒนา 1 เดือน โดยการสนทนากลุ่มและตอบแบบสอบถามเพื่อสำรวจระดับความสามารถในการเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารของผู้บริหารสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน พบว่า ความรู้ที่ได้จากการพัฒนาส่งผลต่อการพัฒนาความสามารถในการเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารของผู้เข้ารับการพัฒนาในระดับมากที่สุด ( = 4.61, S.D. = 0.21) ซึ่งสูงกว่าก่อนการพัฒนา ( =2.43, S.D. = 0.37)
นางสาวสุธาสินี สว่างศรี . (2553). การพัฒนาภาวะผู้นำด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารของผู้บริหารสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
Does Principals' Gender Matter in Their Leadership Performance and Leadership Style the Case in Governmental Primary Schools of Addis Ababa
บทคัดย่อ
The purpose of the study was to compare the leadership performance and leadership style of male and female principals in Addis Ababa governmental primary schools. A QUAN-qual research approach with a causal-comparative design was employed. 29 schools led by male principals and 29 schools led by female principals were randomly selected. From these schools, 919 teachers and 113 vice-principals were randomly selected to rate-their principals' leadership performance and leadership style. Besides, 5 Woreda Education Office Heads were purposely selected as key informants. Both descriptive and inferential statistics were employed for data analysis. The study revealed that female principals significantly show superior performance than their male counterparts in four of the five major tasks of principals. No statistically significant difference was observed between the leadership styles that male and female principals dominantly used. However, the democratic leadership style was the most commonly used leadership style by principals.
จุดประสงค์ของการศึกษานี้คือการเปรียบเทียบประสิทธิภาพความเป็นผู้นำและรูปแบบความเป็นผู้นำของผู้อำนวยการโรงเรียนชายและหญิงในโรงเรียนประถมศึกษาของรัฐบาลในกรุงแอดดิสอาบาบา โดยใช้แนวทางการวิจัยเชิงคุณภาพ QUAN ที่มีการออกแบบเชิงเปรียบเทียบเชิงสาเหตุ โดยเลือกโรงเรียน 29 แห่งที่นำโดยผู้อำนวยการโรงเรียนชายและ 29 แห่งที่นำโดยผู้อำนวยการโรงเรียนหญิงแบบสุ่ม จากโรงเรียนเหล่านี้ ครู 919 คนและรองผู้อำนวยการโรงเรียน 113 คนถูกเลือกแบบสุ่มเพื่อประเมินประสิทธิภาพความเป็นผู้นำและรูปแบบความเป็นผู้นำของผู้อำนวยการโรงเรียน นอกจากนี้ หัวหน้าสำนักงานการศึกษา Woreda จำนวน 5 คนได้รับการคัดเลือกโดยเจตนาให้เป็นผู้ให้ข้อมูลสำคัญ โดยใช้ทั้งสถิติเชิงพรรณนาและเชิงอนุมานในการวิเคราะห์ข้อมูล การศึกษานี้เผยให้เห็นว่าผู้อำนวยการโรงเรียนหญิงแสดงประสิทธิภาพที่เหนือกว่าผู้อำนวยการโรงเรียนชายอย่างมีนัยสำคัญใน 4 ใน 5 งานหลักของผู้อำนวยการโรงเรียน ไม่พบความแตกต่างที่มีนัยสำคัญทางสถิติระหว่างรูปแบบความเป็นผู้นำที่ผู้อำนวยการโรงเรียนชายและผู้อำนวยการโรงเรียนหญิงใช้เป็นหลัก อย่างไรก็ตาม รูปแบบความเป็นผู้นำแบบประชาธิปไตยเป็นรูปแบบความเป็นผู้นำที่ผู้อำนวยการโรงเรียนใช้กันมากที่สุด
Getu Shiferaw Wolle . (2025). Does Principals' Gender Matter in Their Leadership Performance and Leadership Style the Case in Governmental Primary Schools of Addis Ababa .Education : Page 3-13, v53 n1 p51-64