เหล่าตำนานยกย่อง กรีซมันส์ ฟอร์มปังในบอลโลก

ตำนานนักเตะอย่าง อลัน เชียเรอร์ อดีตกองหน้าทีมชาติอังกฤษ รวมถึง ริโอ เฟอร์ดินานด์ และตำนานกองหน้าอย่าง ดิดิเยร์ ดร็อกบา ต่างออกมาชื่นชม อองตวน กรีซมันส์ ที่โชว์ผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม

อองตวน กรีซมันส์ เป็นกำลังสำคัญของทีมชาติฝรั่งเศส ในฟุตบอลโลกหนนี้ เขาทำผลงานได้ดีตั้งแต่นัดแรก จนมาถึงรอบรองชนะเลิศ ก็ยังรักษาผลงานนั้นเอาไว้ได้ โดยในทัวร์นาเมนต์นี้ นอกจากเขาจะเล่นเกมรุกได้หวือหวาแล้ว การลงมาช่วยเกมรับ เขาก็ทำหน้าที่ได้อย่างแข็งแกร่ง

“เขาเป็นแมนออฟเดอะแมตช์ในความคิดของผม” อลัน เชียเรอร์ ให้สัมภาษณ์

“แต่ก็ต้องให้เครดิตกับ ดิดิเยร์ เดส์ช็องส์ ด้วยเช่นกัน เพราะเขามีคู่มือที่ถูกต้องในการใช้งาน”

“เขาเป็นนักเตะที่เล่นบอลฉลาด มีพรสวรรค์สูง อ่านเกมดี เขาประสานงานกับ ออเรเลียง ชูอาเมนี่ ช่วยกันเล่นเกมรับได้อย่างแข็งแกร่ง ”


ริโอ เฟอร์ดินานด์ อดีตกองหลังค่าตัวแพงของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เป็นอีกหนึ่งคน ที่ออกมาชื่นชมผลงานของสตาร์วัย 31 ปี บอกว่าเป็นแนวรุกที่เล่นเกมรับได้เยี่ยมเหลือเกิน

“ทัวร์นาเมนต์นี้ ผมว่าเขานี่แหละ เล่นกับเราได้เยี่ยมที่สุด คุณอาจจะเคยเห็นคลิปการเล่นเกมรุกของเขามามากมาย เราสร้างเพลย์ระดับเวิร์ลคลาสให้เห็อยู่ตลอด แต่เราก็ได้เห็นคลิปการเล่นเกมป้องกันเจ๋งๆของเขาเช่นกัน”


ดิดิเยร์ ดร็อกบา อดีตกองหน้าจอมถล่มประตูของ เชลซี ออกมาชื่นชมการเล่นเกมรับของ กรีซมันส์ โดยนำไปเปรียบเทียบกับ เอ็นโกโล่ ก็องเต้ มิดฟิลด์ตัวรับเบอร์ 1 ของทีมชาติฝรั่งเศส ที่พลาดฟุตบอลโลกหนนี้ เนื่องจากได้รับบาดเจ็บ

“เขาเล่นเหมือน เอ็นโกโล่ ก็องเต้ แต่ก็ยังไม่ลืมวิธีการเล่นเกมรุก มันก็เหมือนกันปั่นจักรยาน ไม่ว่าจะยังไงคุณจะไม่มีวันลืมมันแน่นอน”


อองตวน กรีซมันส์ เริ่มต้นฤดูกาลนี้ด้วยความยากลำบาก เมื่อเขาถูกจำกัดเวลาลงสนาม ไม่เกิน 30 นาที เพื่อเลี่ยงการจ่ายเงินกว่า 20 ล้านยูโรให้กับ บาร์เซโลน่า ตามสัญญาที่ตกลงกันไว้ แต่เขาก็ทำผลงานได้ยอดเยี่ยมกับเวลาที่มีอย่างจำกัด 

ในรอบชิงชนะเลิศฟุตบอลโลก 2022 อองตวน กรีซมันส์ จะยืนทำหน้าที่อยู่ด้านหลังแนวรุก 3 คน เพื่อรับเมื่อ ลีโอเนล เมสซี่ และผองเพื่อนฟ้าขาว ที่กำลังมั่นใจสุดขีด และหวังปิดฉากเส้นทางทีมชาติของ “LM10” ด้วยแชมป์ฟุตบอลโลก อย่างไรก็ตามทางฝั่ง “เลอเบลอส์” ก็คงไม่ปล่อยโอกาสในการเป็นทีมที่ 2 ในประวัติศาสตร์ฟุตบอลโลก ที่สามารถป้องกันแชมป์โลกเอาไว้ได้ โดยทีมเดียวที่ทำได้คือบราซิล ในปี 1962