I. เราต้องพัฒนาและสำเร็จความเชื่อที่เรามีในองค์พระผู้เป็นเจ้าและความรักที่เรามีต่อพระองค์ — ผู้ที่เรายังไม่ได้เห็น — 1ปต.1:8; ฮร.12:2ก; 1ยฮ.2:5; 4:12, 17–18:
1. พระเยซูคริสต์ “คือพระองค์ที่ท่านทั้งหลายยังไม่ได้เห็น แต่ท่านก็รักพระองค์ แม้ท่านไม่เห็นพระองค์เดี๋ยวนี้ แต่โดยการเชื่อเข้าสู่พระองค์ ท่านก็โลดเต้นด้วยความยินดีที่ไม่อาจบรรยายและเต็มด้วยสง่าราศี” — 1ปต.1:8:
(1) แม้เราไม่เคยเห็นองค์พระเยซูเจ้า แต่เราก็รักพระองค์; แม้เราจะไม่เห็นพระองค์เดี๋ยวนี้ แต่เราก็เชื่อในพระองค์ — ข้อ 8:
ก. ผู้เชื่อยังไม่เคยเห็นพระองค์แต่กลับรักพระองค์ นี่เป็นเรื่องที่อัศจรรย์และลับลึก.
ข. การที่เราสามารถรักพระองค์ได้ ทั้งที่เราไม่เคยเห็นพระองค์มาก่อนนั้น ก็เพราะความเชื่อซึ่งได้ซึมซาบเข้าสู่ภายในเราโดยการที่เราได้ยินพระคำที่มีชีวิต — ฆต.3:2.
(2) ผู้เชื่อ “ก็โลดเต้นด้วยความยินดีที่ไม่อาจบรรยายและเต็มด้วยสง่าราศี” —
1ปต.1:8:
ก. เราโลดเต้นด้วยความยินดีที่ชุ่มโชกอยู่ในสง่าราศี.
ข. ความยินดีนี้ชุ่มโชกอยู่ในองค์พระผู้เป็นเจ้าผู้เป็นสง่าราศี; ดังนั้นจึงเต็มไปด้วยองค์พระผู้เป็นเจ้าที่สำแดงออกมา — 2กธ.3:18.
(3) เราได้มาซึ่งความยินดีที่ยิ่งใหญ่โดยการเชื่อเข้าสู่องค์พระผู้เป็นเจ้าและรักพระองค์.
(4) สภาวะที่ปกติของคริสเตียนคือการ “โลดเต้นด้วยความยินดีที่ไม่อาจบรรยายและเต็มด้วยสง่าราศี” — 1ปต.1:8.
2. “ความเชื่อซึ่งดำเนินการโดยความรักต่างหากที่มีประสิทธิผล” — ฆต.5:6:
(1) ความเชื่อที่มีชีวิตย่อมมีการเคลื่อนไหว ความเชื่อนี้ได้ดำเนินการโดยความรัก
(2) ความเชื่อได้ต้อนรับเอาพระวิญญาณแห่งชีวิต ความเชื่อนี้จึงเต็มด้วยฤทธิ์เดช — 3:2.
(3) ความเชื่อดำเนินการโดยความรัก เพื่อทำให้พระประสงค์ของพระเจ้าสำเร็จเป็นจริง ซึ่งก็คือการกระทำให้ฐานะแห่งบุตรของพระเจ้าสำเร็จครบถ้วน เพื่อพระเจ้าจะได้รับการสำแดงแห่งกลุ่มชน — พระกายของพระคริสต์ — 4:3–5; รม.12:4–5.
(4) ความรักเกี่ยวข้องกับการชื่นชอบที่เรามีต่อพระคริสต์ — อฟ.3:8, 17–18; กซ.2:2:
ก. ถ้าไม่มีการชื่นชอบเช่นนี้ ความเชื่อก็ไม่อาจดำเนินการได้ — ฆต.5:6.
ข. การฟังหลักความเชื่อได้เร่งเร้าความชื่นชอบแห่งความรักของเรา — รม.10:17; ฆต.3:2, 5.
ค. เรายิ่งรักองค์พระผู้เป็นเจ้า ความเชื่อก็ยิ่งดำเนินการและนำเราเข้าสู่ความอุดมสมบูรณ์ของพระวิญญาณผู้ครอบคลุมสรรพสิ่ง — ข้อ 14; อฟ.3:8; ฟป.1:19.
3. “ขอให้สันติสุขและความรักพร้อมด้วยความเชื่อมาจากพระเจ้าพระบิดาและมาจากองค์พระเยซูคริสต์เจ้า จงมีแด่พี่น้องทั้งหลาย” — อฟ.6:23:
(1) ความรักพร้อมด้วยความเชื่อเป็นสื่อกลางที่เราใช้รับส่วนและประสบการณ์พระคริสต์ — 1ตธ.1:14.
(2) เราต้องการความเชื่อเพื่อมาร่วมมือและค้ำชูความรักของเรา — ตต.3:15.
II. “หันมาเพ่งพินิจที่พระเยซู ซึ่งเป็นผู้ริเริ่มและผู้สำเร็จความเชื่อของเรา” — ฮร.12:2ก:
1. ความเชื่อและความรักเป็นคุณธรรมอันล้ำเลิศสองประการที่ไม่อาจแยกจากกันได้ของผู้เชื่อในพระคริสต์ — 1ตธ.1:14; 2ตธ.1:13; ฆต.5:6:
(1) โดยความเชื่อ เราจึงต้อนรับองค์พระผู้เป็นเจ้า และโดยความรักเราจึงรับสุของค์พระผู้เป็นเจ้าที่เราได้ต้อนรับ — ยฮ.1:12; 14:21; 21:15–17.
(2) โดยความเชื่อ เราได้ต้อนรับองค์พระผู้เป็นเจ้า เราจึงเป็นที่ชอบพระทัยพระเจ้า; โดยความรัก เราได้รับสุของค์พระผู้เป็นเจ้า เราจึงถือรักษาพระคำของพระองค์ — ฮร.11:6; ยฮ.14:23.
(3) โดยความเชื่อ เราได้ต้อนรับและรับสุขชีวิตอันศักดิ์สิทธิ์ที่ได้เปิดเผยและหล่อเลี้ยงแก่เราในกิตติคุณโยฮัน; โดยความรัก เรารักองค์พระผู้เป็นเจ้าและผู้ที่เป็นของพระองค์ — 3:16, 36; 20:31; 21:15–17; 13:34–35.
2. ความเชื่อก็คือการชื่นชอบ, การแปรสภาพให้เป็นแก่นสาร, และการต้อนรับความอุดมสมบูรณ์อันหาที่สุดไม่ได้ของพระเจ้าตรีเอกภาพ — 1:12; อฟ.3:16–17ก:
(1) ความเชื่อคือสิ่งที่พระเจ้าประทานแก่เรา และโดยความเชื่อนี้เราจึงได้ต้อนรับพระคริสต์ผู้เป็นการแปรสภาพเป็นรูปธรรมของพระเจ้าตรีเอกภาพ ทำให้เราเข้าสู่พระเจ้าตรีเอกภาพและเข้าสนิทเป็นหนึ่งกับพระองค์โดยมีพระองค์เป็นชีวิต, การหล่อเลี้ยงแห่งชีวิต, และทุกสิ่งของเรา — 2ปต.1:1.
(2) เราได้รับการอภัยบาปและชีวิตนิรันดร์โดยการเชื่อในองค์พระผู้เป็นเจ้า — กจ.10:43; ยฮ.3:16.
(3) เมื่อเราเชื่อในองค์พระผู้เป็นเจ้า เราก็ได้เชื่อ “เข้าสู่” พระองค์ — ข้อ 15:
ก. โดยการเชื่อเข้าสู่พระองค์ เราก็ได้เข้าสู่พระองค์เพื่อเป็นหนึ่งกับพระองค์, รับส่วนในพระองค์, และมีส่วนในทุกสิ่งที่พระองค์ได้กระทำสำเร็จเพื่อเรา.
ข. โดยการเชื่อเข้าสู่พระองค์ เราก็ได้ประสานสนิทกับพระองค์ในทุกสิ่งที่พระองค์ทรงเป็นและทุกสิ่งที่พระองค์ได้ทรงผ่าน, กระทำสำเร็จ, บรรลุถึง, และได้รับมา — 1กธ.1:30; อฟ.2:5–6; กซ.3:1.
3. ความรักนั้นคือการที่เรามาประสบการณ์, รับสุข, และดำเนินชีวิตออกซึ่งพระเจ้าตรีเอกภาพซึ่งอุดมสมบูรณ์ไม่อาจหยั่งวัดได้ถี่ถ้วน — มก.12:30; 2กธ.13:14:
(1) ความรักเป็นผลลัพธ์ที่ออกมาจากความเชื่อ และทำให้เราสามารถดำเนินชีวิตออกซึ่งความอุดมสมบูรณ์ทั้งสิ้นของพระเจ้าตรีเอกภาพด้วยกันกับบรรดาผู้ที่เชื่อเข้าสู่พระคริสต์เหมือนกับเรา เพื่อพระเจ้าตรีเอกภาพจะได้มาซึ่งการสำแดงแห่งกลุ่มชนที่มีสง่าราศี — อฟ.3:19–21
(2) ความรักทำให้ผู้เชื่อนำเอาพระเจ้าตรีเอกภาพไปหล่อเลี้ยงและส่งถ่ายให้แก่ผู้เชื่อด้วยกัน เพื่อผู้เชื่อทั้งหลายจะได้รักซึ่งกันและกันด้วยความรักอันศักดิ์สิทธิ์ที่สูงล้ำและดำเนินชีวิตแห่งกลุ่มชนในพระคริสต์ — รม.12:4–5, 10.
(3) ความรักที่เรามีต่อองค์พระผู้เป็นเจ้าจะต้องเด็ดขาด — มธ.10:37; 1ยฮ.2:15; วว.12:11.
(4) การให้องค์พระผู้เป็นเจ้าเป็นอันดับแรกในทุกสิ่งคือการรักพระองค์ด้วยความรักดั้งเดิม, ความรักที่ดีที่สุด — กซ.1:18; วว.2:4.
(5) “ความหมายของการรักพระเจ้าก็คือการทุ่มเททั้งตัวของเรา คือวิญญาณ, จิต, และกาย, รวมทั้งใจ, ความคิด, และกำลัง (มก.12:30) ลงไปบนตัวของพระองค์อย่างสิ้นเชิง นั่นก็คือการยอมให้พระองค์ยึดครองทั่วทั้งตัวของเรา และตัวเราสูญสลายไปในพระองค์ จนพระองค์ได้กลายเป็นทุกสิ่งของเราและเราได้ร่วมเป็นหนึ่งกับพระองค์ในภาคปฏิบัติของการดำเนินชีวิตประจำวันของเรา” — 1กธ.2:9 คำอธิบาย 3.
III. “ความรักของพระเจ้าได้เทลงในใจของเรา โดยพระวิญญาณบริสุทธิ์ซึ่งพระองค์ได้ทรงประทานให้แก่เราแล้ว” — รม.5:5:
1. พระเจ้าได้ทรงเทความรักของพระองค์พร้อมด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์ที่ทรงประทานแก่เราลงไปในใจของเราแล้ว เพื่อเป็นแรงกระตุ้นอยู่ภายในเรา เพื่อเราจะได้มีชัยอย่างเหลือล้นในความยากลำบากทุกอย่างของเรา — ข้อ 5; 8:39.
2. ความรักของพระเจ้าคือตัวของพระเจ้าเอง — 1ยฮ.4:8, 16.
3. พระเจ้าผู้ทรงเป็นความรักนั้นก็คือธาตุแท้อันศักดิ์สิทธิ์ที่ได้เทลงในใจของเรา — รม.5:5:
(1) การเทออกซึ่งความรักของพระเจ้าในใจของเรานั้นเป็นเรื่องของธาตุแท้ของพระเจ้า.
(2) เนื่องจากเราได้รับการบังเกิดใหม่ เราจึงมีความรักเป็นเนื้อแท้แห่งธาตุแท้ของพระเจ้าอยู่ภายในเรา.
(3) ในฐานะที่เป็นผู้เชื่อ ส่วนลึกในใจของเรามีบางสิ่งที่เป็นธาตุแท้อันศักดิ์สิทธิ์ และนี่ก็คือพระเจ้าพระบิดาในความรักของพระองค์.
4. เนื่องจากความรักของพระเจ้าได้ถูกเทลงในใจของเรา ใจของผู้เชื่อทุกคนในพระคริสต์จึงเป็นใจแห่งรัก — อฟ.3:17.
5. ในประสบการณ์และการรับสุขที่เรามีต่อพระเจ้าผู้เป็นพระบิดาในความรักของพระองค์นั้น เราได้ประสบการณ์และรับสุขการแจกจ่ายความรักอันเป็นเนื้อแท้แห่งธาตุแท้ของพระเจ้าเข้าสู่ในใจของเรา — รม.5:5, 8; 8:35, 39; 15:30; 2กธ.13:14.