I. การดำเนินชีวิตตลอดชีวิตของเราไม่ว่าจะยุ่งกับงานหรือจะปล่อยปละหละหลวม ก็ล้วนขึ้นอยู่กับตัวเราทั้งสิ้น:
1. มนุษย์เกิดอยู่ในกาลเวลา “ดำเนินชีวิต” ในกาลเวลา และ “ตาย” ในกาลเวลา:
(1) พระเจ้าได้ทรงเนรมิตสร้างมนุษย์ขึ้นตามพระฉายาของพระองค์ ให้เป็นชายและหญิง และให้พวกเขา “บังเกิด” ทวีมากขึ้น — ยนซ.1:27-28.
(2) ในสวนนั้นก็มีต้นไม้แห่งชีวิต กินผลนี้ก็จะมี “ชีวิต” นิรันดร์ (ยนซ.2:9ข; 3:22ข)และก็มีต้นไม้แห่งความรู้ดีและชั่ว กินผลของต้นนั้นก็จะต้องตายเป็นแน่ (ยนซ.2:17).
(3) อาดามได้กินผลของต้นไม้แห่งความรู้ดีและชั่ว (ยนซ.3:6) ความบาปก็ได้เข้ามาในโลกโดยคนผู้เดียว “ความตาย” ก็ได้เข้ามาโดยความบาปนั้น ความตายจึงได้ลามไปสู่คนทั้งปวง (รม.5:12).
(4) อายุชีวิตของมนุษย์คือเจ็ดสิบปี ถ้าแข็งแรงก็แปดสิบปี สิ่งที่ภาคภูมิใจก็มีเพียงความทุกข์ลำบากและโศกเศร้า ยาโคบได้พูดว่าเขามีชีวิตเป็นคนต่างแดนนับได้ร้อยสามสิบปี มีชีวิตอยู่นั้นก็น้อยและลำเค็ญ — ยนซ.47:9.
2. กาลเวลานั้นก็ได้กำหนดนิรันดร์กาลและยุคหน้าของเรา:
(1) ในนิรันดร์กาลเป็นอย่างไร ก็ขึ้นอยู่กับวันนี้เราได้เชื่อเข้าสู่ในพระบุตรของพระเจ้าหรือไม่; ผู้ที่เชื่อเข้าสู่พระองค์นั้น จะไม่พินาศ แต่ได้รับชีวิตนิรันดร์; ผู้ที่ไม่เชื่อนั้น ความบาปก็ได้ตัดสินเขาแล้ว เนื่องจากเขาไม่เชื่อเข้าสู่พระนามของพระบุตรองค์เดียว — ยฮ.3:16, 18.
(2) ในยุคหน้าจะเป็นเช่นไร ก็ขึ้นอยู่กับเราได้เอาวัสดุอะไรมาก่อสร้างคริสตจักร. ในยุคหน้านั้น ก็ยังคงอยู่ในกาลเวลา ซึ่งก็คือยุคอาณาจักรพันปี ผู้ที่เชื่อพระเจ้า ที่ได้ตายแล้วจะต้องเป็นขึ้น ผู้ที่มีชีวิตอยู่จะต้องถูกรับขึ้นไป จะต้องได้รับการพิพากษาหน้าบัลลังก์แห่งการพิพากษาของพระคริสต์ จะมีไฟมาทดสอบดูการงานของแต่ละคน — 1กธ.3:10–15, 12.
II. คริสตจักรซึ่งเป็นเรื่องราวของการดำเนินชีวิตสำหรับเรา:
1. การดำเนินชีวิตก็คือการปรากฏออกและการสำแดงออกมาของชีวิต ชีวิตชนิดไหน ก็จะสำแดงชีวิตประเภทนั้นออกมา.
2. การดำเนินชีวิตคริสตจักรเน้นที่ “ความเป็นหนึ่ง”:
(3) ต้องเพียรพยายามรักษา “ความเป็นหนึ่งของพระวิญญาณนั้น” (อฟ.4:3) คงอยู่ในพระวิญญาณผู้ประทานชีวิต ก็จะรักษาความเป็นหนึ่งของพระวิญญาณนั้น;แก่นสารแห่งความเป็นหนึ่งของพระวิญญาณนั้นที่อยู่ในผู้เชื่อ กระทำให้เราทั้งปวงกลายเป็นหนึ่ง.
(4) แม้เราเป็นบุคคลหลายคน แต่ก็เป็นกายเดียว (1กธ.10:17) เราได้มีส่วนร่วมในขนมปังก้อนเดียวนี้ ทำให้เราทั้งหลายกลายเป็นหนึ่ง พระคริสต์ที่เราทั้งหลายได้รับส่วนแบ่งมานั้น ทำให้เราก่อรูปเป็นพระกายของพระองค์.
(5) เมื่ออยู่ในความเป็นหนึ่งก็จะไม่เป็น “เอกเทศ” และไม่สามารถเป็นเอกเทศได้ ไม่อาจแยกออกจากกันได้.
3. การดำเนินชีวิตคริสตจักรก็เป็นเรื่องที่อยู่ในความรักเช่นกัน — อฟ.4:15, 16; ยฮ.13:34, 35:
(6) ความรักนี้คือ “ความรักของพระเจ้าในพระคริสต์” กลายเป็น “ความรักของพระคริสต์ที่อาศัยอยู่ภายในเรา.”
(7) เราทั้งหลายอยู่ในความรักของพระเจ้าได้ดำเนินชีวิตที่รักซึ่งกันและกัน.
III. ต้องรู้จักว่าการดำเนินชีวิตคริสตจักรนั้นเป็นเรื่องที่อินทรียภาพและบังเกิดทวีมากขึ้น:
1. พระเจ้าได้ประทานเวลาเย็นและเวลาเช้าให้กับเรา:
(1) ในเวลาเช้า “ข้าพเจ้าตื่นขึ้นก่อนรุ่งสาง ก็ร้องเรียกพระองค์: ข้าพเจ้าได้หวังใจในพระคำของพระองค์; ตาของข้าพเจ้าตื่นคอยเมื่อยามดึกเพื่อจะได้คิดรำพึงพระคำของพระองค์” (บพส.119:147–148); พระองค์ทรงเป็นอาหารแห่งชีวิต (ยฮ.6:48, 63) พระคำของพระองค์ก็คือชีวิต; ให้เราทั้งหลายกระทำสิ่งแรกในทุกๆ เช้านั้น ก็คือการมากินองค์พระผู้เป็นเจ้า ได้รับการหล่อเลี้ยงของชีวิต กลายเป็นกำลังในการดำเนินชีวิตคริสตจักรในวันนั้น.
(2) ในเวลาเย็น ทุกๆ เช้าที่ดวงตะวันขึ้น จนถึงตะวันตกดินนั้น (ผปก.1:5) ได้เรียกให้เราทั้งหลายนอนในเวลากลางคืน ตอนเช้าตื่นมา (มก.4:27) ทุกๆ เวลาเย็นทั้งครอบครัวมาเข้าเฝ้าต่อพระพักต์พระเจ้าด้วยกัน พ่อแม่นำลูกๆ แบ่งแยกเวลาออกมา ร่วมสนทนาอธิษฐานด้วยกันต่อพระพักต์ต่อพระเจ้า.
(3) ในยามค่ำพักผ่อนนั้น จะได้นอนหลับอย่างสงบสุข (บพส.127:2) การนอนหลับอย่างสงบ ก็เป็นการรับสุข และก็เป็นพระพร; นอนหลับพักผ่อนอย่างปกติ ก็จะหลุดพ้นจากความเจ็บป่วยอย่างอัตโนมัติ ทำให้ร่างกายแข็งแรงมีชีวิตชีวา.
2. ตั้งมั่นคงต่อเนื่องในภาคปฏิบัติการดำเนินชีวิตคริสตจักรในการเกิด เลี้ยง สอน สร้าง:
(1) เกิด: ประกาศกิตติคุณ ได้รับผู้คนจำต้องได้คนมา — 1กธ.9:22.
(2) เลี้ยง: เหมือนกับมารดาที่ดูแลเลี้ยงนมด้วยตัวเอง ป้อนเลี้ยงลูกของตัวเอง — 1ธซ.2:7, 8.
(3) สอน: มีการสอนซึ่งกันและกันในการประชุมหมู่อย่างแข็งแกร่ง อินทรียภาพ ทำให้วิสุทธิชนเติบโตในชีวิต.
(4) สร้าง: ตระเตรียมการเผยพระวจนะในทุกวันองค์พระผู้เป็นเจ้า โดยอาศัยหลักความจริงและการหล่อเลี้ยงด้วยชีวิต ทำให้คริสจักรได้รับการก่อสร้าง.
3. สิ่งที่ไม่สามารถขาดได้ในการดำเนินชีวิตคริสตจักร:
(1) ก่อตั้งการดำเนินชีวิตร่วมใจอธิษฐานกับเพื่อนร่วมประสาน คงไว้ซึ่งบรรยากาศฝ่ายสวรรค์ของคริสตจักร.
(2) ก่อตั้งการดำเนินชีวิตแห่งการเลี้ยงดูโดยที่ออกไปเยี่ยมเยียนในทุกๆ สัปดาห์ นำมาซึ่งการเพิ่มทวีของจำนวนคนในคริสตจักร.
(3) ในการดำเนินชีวิตครอบครัวก่อตั้งชื่อเสียงที่ดีเลิศในการที่ สามีรักภรรยา ภรรยานอบน้อม เคารพรักต่อครอบครัวของฝ่ายตรงข้าม หลั่งไหลออกซึ่งคุณธรรมอันศักดิ์สิทธิ์.
(4) ในการประกอบอาชีพพึ่งพิงพระคุณของพระเจ้า ดำเนินชีวิตที่แบ่งแยกบริสุทธิ์ บริสุทธิ์หมดจด ไม่ถูกการประกอบอาชีพทำให้มลทินไป ประกาศกิตติคุณ เป็นพยานถึงการดำเนินชีวิตของพระคริสต์.
(5) จำต้องมีความตั้งใจที่เด็ดขาดเพื่อองค์พระผู้แป็นเจ้า และการดำเนินชีวิตคริสตจักร มีวิญญาณที่แบกรับความรับผิดชอบ ร่วมประสานปรนนิบัติอย่างกระตือรือร้น.
(6) ห่วงใยความต้องการด้านการเงินของคริสตจักร เพื่อให้บ้านของพระเจ้ามีความอุดมสมบูรณ์เหลือล้น (มลค.3:10) พระยะโฮวาจอมพลโยธาตรัสต่อไปว่า “จงเอาบรรดาส่วนสิบชักหนึ่งนั้นมาส่ำสมไว้ในคลัง เพื่อจะมีโภชนาหารไว้ในวิหารของเรา และจงมาลองดูเราในเรื่องนี้ ดูทีหรือว่า เราจะเปิดบัญชรท้องฟ้าให้เจ้าและเทพรให้แก่เจ้าจนเกินความต้องการหรือไม่.”
(7) เหมือนกับดะโบราที่มีวิญญาณที่นอบน้อม อยู่ในการปกคลุมของพี่น้องชาย ก่อตั้งลำดับที่ดีงามในท่ามกลางพลไพร่ของพระเจ้า สุดท้ายกลายเป็นมารดาของชาวอิสราเอล — วนฉ.5:7.