I. พระเจ้าทรงตั้งดะโบราขึ้นมาเป็นผู้วินิจฉัยแห่งอิสราเอล ซึ่งมีภาคปฏิบัติของการที่ผู้หญิงนอบน้อมต่อผู้ชายเพื่อจะรักษาสิ่งที่พระเจ้าทรงกำหนดไว้และนำชนชาติอิสราเอลทั้งหมดเข้าสู่ลำดับที่ถูกต้องภายใต้ฐานะกษัตริย์และฐานะประมุขของพระเจ้า — วนฉ.4—5:
1. ในสมัยที่อยู่ในวินิจฉัยบทที่ 4 นั้น ผู้ชายชาวอิสราเอลล้มเหลวในด้านการนำพาซึ่งเป็นการใช้งานที่พระเจ้าทรงกำหนดไว้ให้พวกเขา; เรื่องนี้บังคับให้พระเจ้าต้องทำสิ่งที่พิเศษและไม่ปกติด้วยการตั้งดะโบราซึ่งเป็นผู้หญิงขึ้นมาเป็นผู้วินิจฉัยแห่งอิสราเอล; การตั้งผู้หญิงเช่นนี้ได้หันเปลี่ยนสภาวะทั้งหมดของชนชาติอิสราเอล — ข้อ 4-5.
2. ในพระคัมภีร์นั้น ผู้หญิงที่ถูกต้องบ่งชี้ถึงผู้ที่นอบน้อมต่อพระเจ้า เป็นผู้ที่รักษาสิ่งที่พระเจ้าทรงกำหนดไว้; นี่คือฐานะที่ชนชาติอิสราเอลควรยึดมั่นต่อเบื้องพระพักตร์พระเจ้าผู้เป็นกษัตริย์, องค์พระผู้เป็นเจ้า, ศีรษะ, และสามีของพวกเขา แต่ชนชาติอิสราเอลกลับละเมิดสิ่งที่พระเจ้าทรงกำหนดไว้ ทิ้งฐานะของตนซึ่งเป็นภรรยาของพระเจ้าทั้งยังละทิ้งพระองค์ไปหารูปเคารพนับร้อยชนิด; เรื่องนี้นำชนชาติอิสราเอลเข้าสู่สถานการณ์และสภาวะที่น่าเวทนา.
3. เมื่ออ่านบทเพลงของดะโบราในผู้วินิจฉัยบทที่ 5 เราย่อมมองเห็นว่าเธอมีความสามารถ, ศักยภาพ, สายตาที่แหลมคม, และสายตาที่กว้างไกล แต่บุคคลที่ล้ำเลิศและมีศักยภาพเช่นนี้ก็นอบน้อมอย่างยิ่ง; พระเจ้าทรงให้เธอเป็นผู้นำ แต่เธอยังคงรักษาลำดับที่ถูกต้องเอาไว้และให้บาราคมาเป็นการปกคลุมของเธอ — 4:6-9; เทียบ 1กธ.11:3-6, 10.
4. ดะโบราตระหนักว่าเธอจำเป็นต้องมีผู้ชายมาปกคลุมเธอไว้ ดังที่เปาโลกล่าวไว้ใน 1 โกรินโธ 11:3 ว่า “แต่ข้าพเจ้าใคร่ให้ท่านรู้ว่า พระคริสต์ทรงเป็นศีรษะของชายทุกคน และชายเป็นศีรษะของหญิง และพระเจ้าทรงเป็นศีรษะของพระคริสต์.”
5. เมื่อผู้หญิงที่ล้ำเลิศและพิเศษผู้นี้นำหน้ามีภาคปฏิบัติของการที่ผู้หญิงนอบน้อมต่อผู้ชาย ทั้งประเทศก็มีลำดับที่ล้ำเลิศและถูกต้อง; ผู้นำทั้งปวงก็นำหน้า, พลไพร่ทั้งหลายก็ติดตาม, และกองทัพก็ถูกจัดตั้งขึ้นมา; ทุกคนก็กลับไปสู่ฐานะที่ถูกต้องของตนเองต่อเบื้องพระพักตร์พระยะโฮวา.
6. ดังนั้นดะโบราจึงสามารถกล่าวไว้ในบทเพลงของเธอว่า “จงถวายสรรเสริญแด่พระยะโฮวา เมื่อพวกผู้นำได้นำหน้าอิสราเอล เมื่อพลไพร่มอบถวายตัวด้วยใจสมัคร ...ครั้งนั้นพวกผู้สูงศักดิ์ที่เหลืออยู่ลงมา พลไพร่ของพระยะโฮวาลงมากับข้าพเจ้าเพื่อต่อสู้กับผู้แกล้วกล้า” — วนฉ.5:2, 13.
7. การใช้งานอย่างแรกซึ่งเป็นการใช้งานที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของพี่น้องหญิงในคริสตจักรคือการนอบน้อม; ถ้าพี่น้องหญิงสามารถเรียนบทเรียนนี้ คริสตจักรก็จะเข้มแข็ง, มีความอุดมสมบูรณ์เพิ่มขึ้น, และถูกเปลี่ยนใหม่:
(1) การนอบน้อมจำเป็นต้องมีการหล่อเลี้ยงแห่งชีวิต, การรับสุขพระคุณ, การทำงานของกางเขน, และการปฏิเสธตัวเอง.
(2) ผู้ที่ถูกเติมเต็มด้วยพระคริสต์ย่อมถูกเติมเต็มด้วยการนอบน้อม; องค์พระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงนอบน้อมตลอดชีวิตของพระองค์ ทั้งได้ประทานชีวิตแห่งการนอบน้อมและเชื่อฟังของพระองค์ให้แก่เรา — ฟป.2:5-11; ฮร.5:7-9.
II. ดะโบราไม่เพียงลุกขึ้นมาในฐานะผู้วินิจฉัยแห่งอิสราเอลเท่านั้น แต่เธอยังลุกขึ้นมาในฐานะมารดาคนหนึ่งในอิสราเอลด้วย — วนฉ.5:7:
1. เมื่อชีวิตคริสตจักรในภาคปฏิบัติที่เป็นจริงได้บรรลุถึงจุดสูงสุดแล้ว ในทุกคริสตจักรก็ควรมีบางคนที่เป็นมารดาแท้; ในโรม 16:13 เปาโลกล่าวว่า “ขอทักทายมายังรูโฟผู้ถูกเลือกสรรไว้แล้วในองค์พระผู้เป็นเจ้า และมารดาของเขาซึ่งเป็นมารดาของข้าพเจ้าด้วย”:
(1) อัครทูตเปาโลจำเป็นต้องมีมารดา; ถ้าไม่มีพี่น้องหญิงที่เป็นมารดาคอยดูแล
คนเหล่านั้นที่แบกรับภาระเพื่อการฟื้นฟูขององค์พระผู้เป็นเจ้า พวกเขาก็คงจะโศกเศร้า; เราทุกคนล้วนต้องได้รับการดูแลจากมารดาฝ่ายวิญญาณ; การดูแลจากพวกเธอคือการบำรุงเลี้ยงที่แท้จริงและการปกป้องที่แท้จริงสำหรับเราทั้งหลาย.
(2) การที่เปาโลมีมารดาฝ่ายวิญญาณย่อมบ่งชี้ว่าวิสุทธิชนทั้งหลายซึ่งอยู่ในการดำเนินชีวิตคริสตจักรในกรุงโรมมีการโยกย้ายแห่งชีวิตผ่านการตรึงตายและการเป็นขึ้นของพระคริสต์; หนทางที่ดีที่สุดที่จะมีการโยกย้ายแห่งชีวิตคือการทำตามแบบอย่างของเปาโลผู้ตัดสินใจว่าจะไม่ขอรู้เรื่องอื่นใด เว้นแต่เรื่อง
พระเยซูคริสต์และพระองค์ผู้ถูกตรึงไว้ที่กางเขนนั้น — 1กธ.2:2.
(3) ความสัมพันธ์แรกของเรานั้นอยู่ในเนื้อหนัง แต่ความสัมพันธ์ที่สองของเรานั้นอยู่ในวิญญาณ คือในชีวิตที่โยกย้าย; เนื่องจากเรามีการบังเกิดครั้งที่สอง (3:6) เราย่อมมีความสัมพันธ์ที่สอง มีความสัมพันธ์ในครอบครัวที่สอง โดยมีทั้งพี่สาวแท้และมารดาแท้.
2. นางโยเคเบ็ดซึ่งเป็นแบบอย่างของมารดาทั้งหลาย (อฤธ.26:59)
(1) ให้การเลี้ยงดูและสำเร็จลูกทั้ง 3 คนให้ใช้งานด้านต่างๆดังนี้
ก. มิระยามถูกสำเร็จเป็นผู้เผยพระวจนะ (อซด.15:20)
ข. อาโรนถูกสำเร็จเป็นปุโรหิต (อซด.28:1)
ค. โมเซถูกสำเร็จเป็นอัครทูต (ฮร.3:1-2)
(2) เราทุกคนล้วนต้องเรียนรู้ในการเป็นมารดาเหมือนพี่น้องเอ็มอีบาเบอร์เลี้ยงดูและสำเร็จพี่น้องวอท์ชแมนนี.
ก. ผู้เชื่อทุกคนล้วนต้องมีบุตรฝ่ายวิญญาณหลายๆคน ดูแลเลี้ยงดูและแบกบนบ่าของเราเสมอ. ให้ถวายเขาเหล่านั้นเป็นผู้สุกงอมในพระคริสต์ (กซ.1:28-29)
ข. เพราะเหตุการเลี้ยงดูบุตรฝ่ายวิญญาณก็ทำให้เราเองก็จะได้รับการสำเร็จให้เติบโตและสุกงอมในชีวิตด้วย (สภษ.11:25)
III. ต้องฝึกฝนเป็นผู้ปรนนิบัติที่ดีในคริสตจักรเหมือนอย่าง ฟอยเบ เป็นพี่น้องหญิงที่เป็นผู้ปรนนิบัติในคริสตจักรเมืองเก็งเครอาย — รม.16:1-2:
1. หน้าที่ของผู้ปรนนิบัติ คือ ทำการปรนนิบัติด้านธุรการต่างๆ เช่น ดูแลการต้อนรับรับรองพี่น้อง, ดูแลอาหาร, ดูแลทำความสะอาด, ซักล้าง, ตกแต่งห้องประชุม
เป็นต้น.
2. ประกาศกิตติคุณ ดูแลหล่อเลี้ยงสอนหลักความจริง เสริมสร้างผู้เชื่อใหม่.
IV. แผนการบริหารจะสำเร็จในยุคสุดปลาย เราต้องเป็นปริศกีลาและอะกูลา ประกาศกิตติคุณ เปิดบ้าน เพื่อก่อตั้งคันประทีปทองคำในบ้านของเรา — รม.16:3-5:
1. ขณะที่เขาอาศัยอยู่ในเอเฟโซ เขาก็เปิดบ้าน คริสตจักรในเอเฟโซก็ประชุมที่บ้านของเขา (กจ.18:18-19, 26) เมื่อพวกเขาอาศัยอยู่ในกรุงโรม เขาก็เปิดบ้านออกเช่นกัน คริสตจักรในกรุงโรมก็ประชุมที่บ้านของเขา (รม.16:5).
(1) การเปิดบ้านนั้น พี่น้องหญิงจะต้องมีบทบาทที่สำคัญมาก เพราะต้องจัดแจงห้องรับแขกสำหรับประชุมยังต้องดูแลความเรียบร้อย ความสะอาด และจัดแจงห้องให้แบ่งแยกบริสุทธิ์ไม่ปะปนกับสิ่งของฝ่ายโลก ต้องเป็นที่ถวายสง่าราศีแด่พระเจ้า.
(2) ยังต้องดูแลในการต้อนรับทั้งเครื่องดื่มอาหาร ในความรักตามความเหมาะสมด้วยความมีอัธยาศัยดีในการต้อนรับพี่น้อง.
2. การชุมนุมกันแค่ 2-3 คน เข้าสู่นามพระเยซู พระองค์ก็จะสถิตอยู่ด้วย และพระพรมากมายก็จะมาถึงบ้านนั้นอย่างแน่นอน (มธ.18:20).
3. การก่อตั้งคันประทีปทองคำในต่างจังหวัดรวม 100 แห่ง กรุงเทพฯ 50 เขต ใน 10 ปีตั้งแต่ปี 2020-2030. จึงต้องมีการเปิดบ้านเพื่อเป็นที่ประชุมของวิสุทธิชน เพื่อพยานของพระองค์.
4. ขอให้เราทุกคนล้วนมีการตั้งปณิธานใหญ่และเสาะหาการใหญ่ (วนฉ.5:15-16) เพื่อสำเร็จแผนการบริหารของพระเจ้าร่วมกัน เอเมน.