ในการดำรงชีวิตประจำวันของมนุษย์ได้มีการใช้ผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมกันอย่างแพร่หลาย และเพิ่มมากขึ้นตามการขยายตัวทางเศรษฐกิจและสังคม โดยเฉพาะด้านการคมนาคมขนส่ง
ใช้ผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมประเภทเชื้อเพลิง ที่ได้มาจากเชื้อเพลิงซากดึกดำบรรพ์ซึ่งเป็นพลังงานสิ้นเปลือง แต่มีอยู่อย่างจำกัดและจะหมดลงได้ในอนาคต ดังนั้นจึงนำปิโตรเลียมมาใช้อย่างประหยัดและคุ้มค่าที่สุด
พลังงาน
พลังงาน คือ ความสามารถของสิ่งใดสิ่งหนึ่งที่จะทำงานได้ ซึ่งทำให้วัตถุเคลื่อนที่ไปในแนวของแรงสิ่งใดก็ตามที่สามารถทำให้วัตถุเปลี่ยนตำแหน่งหรือเคลื่อนที่ไปจากที่เดิมได้ สิ่งนั้นย่อมมีพลังงานอยู่ภายใน โดยทั่วไปของพลังงานมีอยู่ 2 ประการ คือ ทำงานได้ และเปลี่ยนรูปได้
รูปแบบของพลังงาน
- พลังงานปฐมภูมิ คือ แหล่งพลังงานที่เกิดขึ้นหรือมีอยู่ตามธรรมชาติสามารถนำมาใช้โดยตรง ได้แก่ น้ำ แสงแดด ลม เชื้อเพลิงตามธรรมชาติ เช่น น้ำมันดิบ ถ่านหิน และแก๊สธรรมชาติ
- พลังงานเชิงพาณิชย์ คือ พลังงานที่ต้องอาศัยกลไกของตลาดในการส่งผ่านหรือกระจายพลังงานไปยังผู้ใช้ เป็นพลังงานที่ต้องอาศัยการซื้อขายผ่านระบบของตลาด และยังเป็นพลังงานประเภทที่มีการใช้มากที่สุดในโลก ได้แก่ น้ำมัน ถ่านหิน และก๊าซธรรมชาติ เป็นต้น
สถานการณ์พลังงานของโลกและของประเทศไทย
ในปัจจุบันมีประชากรเพิ่มจำนวนขึ้นอย่างมาก มีการขยายพื้นที่อยู่อาศัย การพัฒนาชุมชนเมือง ส่งผลต่อการพัฒนาเศรษฐกิจ สังคม อุตสาหกรรมอย่างไม่หยุดยั้ง การผลิตสินค้าปรับเปลี่ยนจากการผลิตระดับครัวเรือนไปสู่ระดับอุตสาหกรรม เพื่อให้พอเพียงแก่ความต้องการของประชากรที่เพิ่มขึ้น ทำให้ระบบการคมนาคมขนส่งเข้ามามีบทบาทมากขึ้น ทำให้ระบบการคมนาคมขนส่งเข้ามามีบทบาทมากกขึ้น นอกจากการคมนาคมขนส่งแล้ว ยังมีการใช้พลังงานที่ได้จากธรรมชาติทำกิจกรรมอื่นๆ อีกมากมาย เช่น นอกจากเพื่อการอยู่รอดของชีวิตแล้วพลังงานยังเอื้ออำนวยความสะดวกสบายในด้านการคมนาคมขนส่ง อุตสาหกรรม เกษตรกรรมอาคารพาณิชย์ บ้านอาศัย ล้วนต้องพึ่งพาพลังงานทั้งสิ้นโดยเฉพาะพลังงานไฟฟ้า
การใช้พลังงานที่โลกต้องการใช้กิจกรรมต่างๆ ของมนุษย์จากอดีตปัจจุบันและอนาคตมีแนวโน้มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยที่ความต้องการน้ำมันดิบมีมากที่สุด รองลงไป คือถ่านหิน ซึ่งเป็นแหล่งพลังงานที่มีราคาถูกและปริมาณมาก พลังงานจากเชื้อเพลิงซากดึกดำบรรพ์นับเป็นแหล่งพลังงานที่สำคัญ ทั้งน้ำมันดิบ ถ่านหิน รวมทั้งก๊าซธรรมชาติ เป็นแหล่งพลังงานสำหรับกิจกรรมต่างๆของมนุษย์ในปัจจุบันและจะมีความต้องการใช้พลังงานมากขึ้น
จะเห็นได้ว่า ประเทศไทยก็มีความต้องการพลังงานเพื่อกิจกรรมต่างๆ เช่นเดียวกับประเทศอื่นๆ พลังงานที่ใช้ในประเทศไทยมาจากหลายแหล่ง ส่วนใหญ่มาจากธรรมชาติและใช้แล้วหมดไป ไม่สามารถสร้างขึ้นมาทดแทนได้อีก ยิ่งประชากรเพิ่มจำนวนขึ้นความต้องการใช้พลังงานก็ยิ่งมากขึ้นด้วย ประเทศไทยใช้พลังงานเพื่อการอุตสาหกรรม และคมนาคมเป็นส่วนมาก ชีวิตประจำวันของเราจำเป็นต้องเกี่ยวข้องกับการคมนาคมขนส่ง ซึ่งส่วนใหญ่ต้องใช้พลังงานจากธรรมชาติทั้งสิ้น
จากภาพ จะเห็นได้ว่า ความต้องการก๊าซธรรมชาติและแหล่งพลังงานอื่นๆ มีแนวโน้นจะเพิ่มสูงขึ้นในอีกสิบปีข้างหน้า ในขณะที่การใช้พลังงานของประเทศไทยคาดว่าจะเพิ่มที่ 5% CAGR (Compound Annual Growth Rate) และก๊าซธรรมชาติจะเป็นพลังงานทางเลือกของประเทศไทยอีกด้วย และมีปริมาณการใช้เพิ่มโดยรวมเกือบ 8% ต่อปีในช่วงระหว่าง พ.ศ. 2548-2558
สำหรับการใช้พลังงานในโลกจะเติบโตต่อเนื่องและผันแปรตามจำนวนประชากรที่ เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะจีนและอินเดีย จะเป็นประเทศที่มีการใช้พลังงานสูงสุด อัตราการเติบโตของการใช้ก๊าซธรรมชาติอยู่ที่ 1.8-2.3% ต่อปี และในพ.ศ. 2556 สัดส่วนการใช้พลังงานทั่วโลกจะเพิ่มขึ้นเป็นก๊าซธรรมชาติ 28% จากปัจจุบันอยู่ที่ 24% ส่วนน้ำมันจะมีอัตราการเติบโตต่อปีลดลงเหลือ 1.6 %
ทั้งนี้ เป็นผลมาจาก 3 ปัจจัย คือ ราคาน้ำมันจะไม่ลดลงไปกว่าเดิม คุณสมบัติของก๊าซธรรมชาติที่ไม่เป็นพิษต่อสิ่งแวดล้อม และเทคโนโลยีของก๊าซธรรมชาติมีการพัฒนามากขึ้น ส่งผลให้สามารถจัดข้อจำกัดของการใช้ก๊าซธรรมชาติเดิมที่มีการจำกัดการใช้ เฉพาะประเทศไทยที่อยู่ใกล้แหล่งธรรมชาติ
ปริมาณสำรวจปิโตรเลียม (Petroleum Reserves)
หมายถึง ปริมาณปิโตรเลียมที่มีอยู่และสามารถผลิตได้ในเชิงพาณิชย์ ณ วันที่กำหนดใดๆ ภายใต้เงื่อนไขสภาวะทางเศรษฐกิจ และวิธีการผลิตในปัจจุบัน รวมถึงกฎระเบียบของรัฐ ปริมาณสำรองปิโตรเลียมแบ่งเป็นปริมาณสำรองน้ำมันดิบ และปริมาณสำรองก๊าซธรรมชาติ
การสำรวจปิโตรเลียม
ก๊าซธรรมชาติของโลกส่วนใหญ่อยู่ในแถบตะวันออกกลาง รองลงมาอยู่ คือ แถบยูเรเซีย ส่วนบริเวณที่มีปริมาณสำรองก๊าซธรรมชาติน้อยที่สุด คือ บริเวณอเมริกากลางและอเมริกาใต้ และยุโรป
ในช่วงเวลาที่มีการพัฒนาควบคู่ไปกับการแข่งขันในระบบเศรษฐกิจ และอุตสาหกรรมของโลก ทำให้หลายประเทศจำเป็นต้องใช้ปิโตรเลียมมากขึ้น ทั้งเพื่อการคมนาคมขนส่ง และอุตสาหกรรมต่างๆ บริเวณที่ใช้ปิโตรเลียมค่อนข้างมากของโลก ได้แก่ ประเทศสหรัฐอเมริกา จีน และแถบทวีปยุโรป ประเทศเหล่านี้เป็นประเทศเป็นผู้ผลิตสินค้ารายใหญ่ของโลกต้องใช้น้ำมันดิบและก๊าซธรรมชาติในอุตสาหกรรมและการขนส่ง บางประเทศอยู่ในเขตหนาว ต้องใช้พลังงานจากปิโตรเลียมในการทำความร้อนในอาคาร และที่อยู่อาศัย ประเทศที่มีแหล่งปิโตรเลียม และประเทศที่ใช้ปิโตรเลียมเป็นแหล่งพลังงานสำคัญ จำเป็นต้องทราบปริมาณสำรองปิโตรเลียม