การเล่นเพลงเกี่ยวข้าว
การเล่นเพลงเกี่ยวข้าว
เพลงเกี่ยวข้าวจะเล่นกันในฤดูเกี่ยวข้าว จะเล่นกันเมื่อหยุดจากการเก็บเกี่ยวข้าวแล้ว เหมือนกับเพลงเต้นกำรำเคียว กล่าวคือ จะเล่นเพลงเกี่ยวข้าวก่อนที่จะเล่นเพลงเต้นกำรำเคียว และไม่มีกำหนดเวลาในการเล่น คือ เล่นกันจนเหนื่อยก็เลิก สถานที่แสดง
ที่มาของข้อมูล https://www.trueplookpanya.com/learning/detail/381
เป็นเพลงปฏิพากย์ชนิดเดียวที่ร้องเล่นกลางลำน้ำโดยพ่อเพลงและแม่เพลงอยู่คนละลำการร้องเพลงเรือจะมีบทลูกคู่รับว่า ฮ้าไฮ้ และมีบทกระทุ้งว่า ชะชะ ดังตัวอย่าง
เอ่อเอ้อเอิงเอยวันี้ประจวบปานบวบประจบบุญพาได้มาพบ (ห้า ให้) น้องยา
ให้แม่เอ่ยกันเถิดน้องขอให้แม่ร้องขึ้นรำพี่อยากจะขอฟังคำ (ห้า ให้) น้องว่า
ให้แม่ร่ายขึ้นร้องให้แม่น้องเอื้อนเอ่ยอย่าทำท่าวางเฉย (ห้า ให้) ให้มันช้า
น้องอย่านิ่งจับบทไปเลยแม่รจนา เงาะน้อยหอยสังข์คู่สร้างมาหา ให้เผยพักตร์ขึ้นมาพาทีเอยเอิง
เสียงใครที่ไหนแน่เสียงใครมาเรียกหาแม่ (ห้า ให้) ที่ไหนล่า
แต่พอเรียกก็ขานแต่พอวานก็เอ่ยน้องไม่นิ่งอยู่เฉย (ห้า ให้) ชักช้า
ถามพ่อเจ้าประคุณทูลกระหม่อมเต่าทองพี่มาเรียกหาน้อง (ห้า ให้) ทำไมขา
ฉันร้องทักชมโฉมไปด้วยลมวาจา ฉันได้รองน้ำข้าวไว้ซักเก้ากะลาให้คุณพี่ที่มาหาน้องเอย
ที่มาของข้อมูล https://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B9%80%E0%B8%9E%E0%B8%A5%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B8%B7%E0%B8%AD
คำว่า “ปฏิ” หมายถึง โต้ตอบ ส่วนคำว่า “พากย์” หมายถึง การใช้คำพูด ดังนั้นเพลง ปฏิพากย์จึงหมายถึง เพลงที่ร้องโต้ตอบกันระหว่างผู้ชายกับผู้หญิง โดยใช้ปฏิภานไหวพริบหรือที่เรียกว่า “ร้องแก้” นั่นเอง ความนิยมการขับร้องเพลงปฏิพากย์ โดยทั่วไปจะเริ่มด้วยบทไหว้ครู แล้วฝ่ายชายจะร้องเกริ่น เชิญฝ่ายหญิงมาร้อง จากนั้นก็จะเป็นการเกี้ยวพาราสี และลาจากกันการร้องไหว้ครูเป็นการระลึกถึงคุณ พระรัตนตรัย คุณบิดามารดา และครูบาอาจารย์ ที่สั่งสอนบทเพลง และขอพรให้ร้องเพลงได้ราบรื่น ไม่ติด ขัด การไหว้ครูจึงสะท้อนค่านิยมเรื่องกตัญญูของคนไทย และเป็นกระบวนการที่พบในศิลปะการแสดงของคนไทยทุกประเภท
ที่มาของข้อมูล https://www.thaigoodview.com/library/dlcep2/02/contents/folkmusic11.html
แข่งขันเรือบก
การละเล่นพื้นบ้านของไทยชนิดหนึ่ง ที่มีลักษณะคล้ายการแข่งขันเรือยาว แต่เป็นการแข่งขันบนบก โดยใช้ท่อนไม้ไผ่หรือวัสดุอื่น ๆ ที่มีความยาวคล้ายเรือ วางบนพื้นและให้ผู้เล่นยืนคร่อมและใช้เท้าไถไปข้างหน้า คล้ายกับการพายเรือในน้ำ
ที่มาของข้อมูลhttp://www.m-culture.in.th/album/view/177999/
การละเล่นมอญซ่อนผ้า
มีผ้า 1 ผืน เป็นอุปกรณ์การเล่น จับไม้สั้นไม้ยาว เลือกคนที่เป็นมอญ คนอื่นๆ นั่งล้อมวง คนที่เป็นมอญถือผ้าไว้ในมือ เดินวนอยู่นอกวง คนที่นั่งล้อมวงอยู่จะร้องเพลง ระหว่างนั้นคนที่เป็นมอญ จะทิ้งผ้าไว้หลังใครก็ได้ แต่ต้องพรางไว้เป็นว่ายังถือผ้าอยู่ เมื่อเดินกลับมา ผ้ายังที่อยู่เดิม ก็หยิบผ้าไล่ตี ผู้อื่น ผู้เล่นนั้นต้องวิ่งหนีไปรอบๆ วง แล้วจึงนั่งได้ ผู้เป็นมอญจะเดินวนต่อไปหาทางวางผ้าให้ผู้อื่นใหม่ ถ้าใครรู้สึกตัวคลำพบผ้าจะวิ่งไล่ตีมอญไปรอบวง 1 รอบ มอญต้องรีบวิ่งหนีมานั่งแทนที่ คนไล่ก็ต้อง เป็นมอญแทน
บทร้องประกอบ : มอญซ่อนผ้า ตุ๊กตาอยู่ข้างหลัง ไว้โน่นไว้นี่ ฉันจะตีก้นเธอ
ที่มาของข้อมูล https://www.gotoknow.org/posts/473920
การเล่นรีรีข้าวสาร
รีรีข้าวสาร
การเล่นเป็นกลุ่มผู้เล่นสองคนมีหน้าที่ทำสุ้มด้วยการใช้มือทั้วสองของแต่ละคนยึดกันไว้แล้วยกให้สูง ให้ผู้เล่นคนอื่นๆ ลอดผ่านซุ้มไป ขณะเดียวกันนั้นผู้เล่นทำซุ้มจะร้องว่า "รีรีข้าวสาร สองทะนานข้าวเปลือก เลือกท้องใบลาน คดข้าวใส่จาน เก็บเบี้ยใต้ถุนร้าน พานเอาคนข้างหลังไว้" แล้วรีบเอามือกั้นคนหลังไว้ให้ได้
ที่มาhttps://www.nectec.or.th/schoolnet/library/create-web/10000/generality/10000-6151.html
รำเหย่ย
รำเหย่ยเป็นประเพณีดั้งเดิมของคนตำบลหนองโรง โดยนิยมละเล่นในช่วงเทศกาล หรืองานรื่นเริงต่างๆ เพื่อผ่อนคลาย สร้างความสนุกสนาน หนุ่มสาวมีโอกาสได้ร้องเกี้ยวกัน การละเล่นรำเหย่ยได้รับความนิยม เนื่องจากไม่ค่อยมีการละเล่นที่เล่นในเวลากลางคืน ประกอบกับเป็นการละเล่นที่ไม่ต้องใช้เครื่องดนตรีที่ยุ่งยาก อาจใช้เพียงแค่กลองยาวเพื่อเพิ่มความครึกครื้น สนุกสนาน หรือใช้เครื่องกำกับจังหวะเพียงชิ้นเดียว หรืออาจใช้วิธีปรบมือแทนก็ได้
ที่มา https://www.thaihealth.or.th/%E0%B8%A3%E0%B8%B3%E0%B9%80%E0%B8%AB%E0%B8%A2%E0%B9%88%E0%B8%A2%E0%B9%81%E0%B8%A5%E0%B8%B0%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%A5%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%A5%E0%B9%88%E0%B8%99%E0%B8%9E%E0%B8%B7%E0%B9%89/
หมากเก็บ
ของเล่นที่เล่นกันทั่วโลก ส่วนใหญ่ใช้ก้อนหิน 5 ก้อน อุปกรณ์หาง่าย จึงมีการตั้งกติกากันนิดหน่อย และปรับเปลี่ยนบ้างตามแต่ละพื้นที่ วิธีการเล่นหลักๆ คือ การเลือกหินก้อนนำแล้วโยนขึ้นอากาศ พร้อมกับรวบก้อนหินที่รอท่าอยู่ที่พื้น รวบปุ๊บรอรับก้อนที่กำลังร่วงจากอากาศปั๊บ ถือเป็นการเล่นที่สายตาและมือต้องประสานกันด้วยความแม่นยำ
ที่าhttps://traditional-objects.sac.or.th/th/equipment-detail.php?ob_id=469
หม้อข้าวหม้อแกง
หม้อข้าวหม้อแกง เป็นของเล่นพื้นบ้านไทยสมัยก่อน โดยเฉพาะเด็กผู้หญิงมักนิยมเล่นกันมาก บางทีก็เรียกว่าเล่นขายของ ของเล่นดังกล่าวนี้ นอกจากจะทำให้เกิดความสนุกสนานเพลิดเพลินแล้ว ยังช่วยส่งเสริมการพัฒนาการของเด็กทางด้านร่างกาย อารมณ์ สังคม สติปัญญาอีกด้วย การที่เด็กผู้หญิงชอบเล่นหม้อข้าวหม้อแกงหรือเล่นขายของ อาจเป็นเพราะเด็กผู้หญิงอยู่ใกล้ชิดแม่หรือเพศหญิง ซึ่งจะทำหน้าที่เตรียมอาหารไว้ให้กับครอบครัว จึงได้จดจำวิธีการมาเล่นหม้อข้าวหม้อแกง
ที่มาhttps://traditional-objects.sac.or.th/th/equipment-detail.php?ob_id=416
เดินกะลา
ผู้เล่นยืนบนกะลา ใช้นิ้วหัวแม่เท้ากับนิ้วชี้คีบเชือกที่ก้นกะลาไว้ทั้ง 2 เท้า แล้วเอามือดึงเชือกให้ตึง เมื่อได้สัญญาณ ทุกคนจะรีบเดินไปให้ถึงเส้นชัย ใครถึงก่อนถือว่าเป็นผู้ชนะ แต่ถ้าระหว่างที่เดินไปคนใดเท้าตกจากกะลาไปถูกพื้นก็เป็นผู้แพ้ อุปกรณ์
ที่มา https://www.tungsong.com/thaiplay/thaiplay.htm
ลูกข่าง
ในประเทศไทย ลูกข่างถือเป็นการละเล่นไทยชนิดหนึ่ง ที่มีการเล่นโดยการผูกด้วยเชือก และขว้างลูกข่างลงพื้นให้เกิดการหมุน โดยมีกติกาการเล่นอยู่คือ หากขว้างลูกข่างไม่หมุนหรือออกนอกวงถือว่าแพ้ และผู้แพ้จะต้องนำลูกข่างของตนวางในวงกลมเพื่อให้คนอื่นใช้ลูกข่างที่พันเชือกขว้างไปบนลูกข่างนั้นเป็นการลงโทษ
ที่มาhttps://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%A5%E0%B8%B9%E0%B8%81%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%87
ไม้โพละ
ฉับโผงหรือชับโพละเป็นของเล่นสําหรับเด็ก ๆ ทําจากลําไผ่ขนาดเท่านิ้วหัวแม่เท้า มีรูกลางทะลุปล้องหรือขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง ๑-๒ เซนติเมตร ยาวเท่ากับหนึ่งปล้อง ส่วนนี้นํามาทําเป็นลํากล้อง แล้วมีไม้ไผ่อีกอันมาเหลายาว ๆ เป็นแกนขนาดพอดีปล้องที่เตรียมไว้ให้เลื่อนเข้าออกได้ นําแกนไม้สวมกับไม้ ไผ่ข้อสั้น ๆ เป็นด้ามจับ เวลาเล่นเด็ก ๆ จะเอาลูกผลไม้ขนาดเล็กเท่ารูลํากล้อง เช่น ลูกปอกระเจา ลูกนุ่น ลูกหวาย ลูกราม ใส่เข้าไปในลํากล้องให้แน่นเป็นลูกกระสุน เสียบไม้แกนตามเข้าไปประมาณ ๑ ใน 4 ส่วนของลํากล้องเล็งเป้าที่ต้องการยิง แล้วกดกระแทกไม้แกนเข้าไป ลูกกระสุนจะพุ่งด้วยแรงอัดของลมในปล้องกระเด็นไปได้ไกล และเกิดเสียงดังเป็นที่สนุกสนาน เด็กผู้ชายชอบเล่นมากกว่าเด็กผู้หญิง ฉับโผงเป็นวัฒนธรรมการเล่นที่เชื่อมโยงกับวัตถุดิบที่มีอยู่ในชุมชนคือไม้ไผและผลไม้ประจำถิ่น ที่ใช้เป็นกระสุนในการยิง ฉับโผงจึงเป็นการละเล่นที่ถูกคิดค้นขึ้นมาจากวัตถุดิบที่มีอยู่ในชุมชน แล้วสร้างสิ่งประดิษฐ์ขึ้นมาเป็นของเล่นสําหรับเด็ก
ที่มาhttps://clib.psu.ac.th/southerninfo/content/2/faec94fa
วิธีการเล่น
1. ผู้เล่นทั้ง 2 ทีม ต้องยืนเป็นแถวเรียงหนึ่งอยู่ด้านหลังของเสาฝ่ายละต้น เยื้องมาทางด้านขวาของเสาเล็กน้อยหันหน้าเข้าหากัน ผู้เล่นคนแรกอยู่หัวแถวเป็นผู้ชายก่อน ให้ถือผ้าไว้ด้วยมือที่ถนัด
2. เมื่อกรรมการให้สัญญาณเริ่มเล่น ให้ผู้เล่นคนแรกของทั้งสองฝ่ายออกวิ่งมายังเสาของฝ่ายตรงข้าม แล้ววิ่งอ้อมเสาทางซ้ายมือ วิ่งกลับมายังเสาเดิมของตนเอง
3. พอวิ่งมาถึงเสาของตน ก็ส่งผ้าให้ผู้เล่นคนต่อไป ส่งกันเช่นนี้ไปเรื่อยๆ จนกว่าจะไล่ใช้ผ้าตีทีมตรงข้าม ได้เมื่อส่งผ้าให้เพื่อนแล้ววิ่งต่อท้ายแถว
4. ต่างฝ่ายต่างวิ่งให้เร็วที่สุด จะวิ่งกี่รอบก็ได้จนกว่าทีมใดใช้ผ้าตีฝ่ายตรงข้ามได้ จึงเป็นฝ่ายชนะ
5. ขณะฝ่ายตรงข้ามกำลังวิ่งผ่านเสาของเราให้ยืนห่างจากเสาให้วิ่งผ่านไป ระยะห่าง 1.5 เมตร แล้วจึงขยับไปรอรับผ้าด้านหลังเสาเท่านั้น
ที่มาhttps://zeancom.ueuo.com/web/8.html
นำเส้นยางมาวางบนพื้นคนละ 1 เส้น ให้อยู่ห่างกันประมาณ 1 ฟุต ผู้เล่นจะผลัดกันเป่ายางเส้น ของตนไปข้างหน้าทีละน้อย ๆ จนยางเส้นทั้งสองมาอยู่ใกล้กันผุ้เล่นคนใดเป่าให้ยางเส้นของตนไปทับยางเส้นของฝ่ายตรงข้ามได้ก็จะเป็นผู้ชนะ ฝ่ายแพ้จะต้องจ่ายรางวัลให้กับผู้ชนะ ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นยางเส้น แต่อาจให้รางวัลอื่นๆ ก็ได้ตามแต่จะตกลงกัน
ที่มาhttps://karnlalenthai.wordpress.com/%E0%B9%80%E0%B8%9B%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B8%9A/