ปราชญ์ชาวบ้าน ( ด.ต.สมนึก โมราศิลป์ ) อดีตข้าราชการตำรวจวัยเกษียณ เกิดที่นครศรีธรรมราช ผันตัวมาสวมบทบาทเกษตรกร และใช้ชีวิตอยู่ที่อำเภอเมืองจังหวัดระนอง ด้วยการปลูกปาล์ม ปลูกยางพารา ปลูกผักสวนครัว และบรรดาผลไม้สารพัด บนที่ดิน 170 ไร่ แถมลดต้นทุนด้วยการทำปุ๋ยใช้เอง จนเได้รับรางวัลเกษตรกรดีเด่น สาขาอาชีพทำสวน ปี 2555 ปัจจุบันเก็บผลผลิตขาย มีรายได้หล่อเลี้ยงครอบครัวไม่ต่ำกว่าเดือนละ 2 แสนด.ต.สมนึก โมราศิลป์ อยู่บ้านเลขที่ 1/9 บ้านห้วยปลิง หมู่ที่ 7 ต.ราชกรูด อ.เมือง จ.ระนอง เผยว่า ในอดีตเคยรับราชการตำรวจ และเข้าโครงการเกษียณอายุก่อนกำหนด เมื่อปี 2543 โดยส่วนตัวเป็นคนชอบปลูกต้นไม้ ชอบเรื่องเกษตร จึงไปศึกษาดูงานจากแหล่งเรียนรู้ต่างๆ ช่วงแรกปลูกพืชระยะสั้นบนพื้นที่ 2 ไร่ อาทิ พริก แตงกวา มะเขือ ใบโหระพา กล้วย ขิง ข่า ต่อมาขยายพื้นที่ปลูกปาล์มน้ำมันราว 100 ไร่ รวมเบ็ดเสร็จ ปลูกปาล์มน้ำมันกว่า 2,200 ต้น ปาล์มน้ำมันของ ด.ต. สมนึก ถูกบำรุงดูแลรักษาเป็นอย่างดี ให้ผลผลิตเดือนละ 2 ครั้ง แถมยังได้มาตรฐาน GAP ก่อเกิดรายได้ ให้ผลตอบแทนค่อนข้างคุ้มค่า และด้วยความต้องการอยากทำเกษตรผสมผสาน เกษตรกรคนเก่ง เลยปลูกยางพารา ผลไม้ ผักสวนครัว อย่างอื่นร่วมด้วยทำให้มีรายได้หมุนเวียนทั้งปี
นอกจากนี้ เพื่อลดต้นทุนการผลิตด้านค่าแรงงาน ด.ต.สมนสึก ได้นำรถแทรกเตอร์เล็กมาใช้งานในสวน ทั้งการตัดหญ้า การใส่ปุ๋ย การบรรทุกผลผลิตปาล์มน้ำมัน การบรรทุกปุ๋ยเข้าสวน ทำให้สะดวก รวดเร็ว ลดค่าใช้จ่ายด้านแรงงาน และได้ผลงานที่มีประสิทธิภาพสูงกว่า
ดาบตำรวจ สมนึก ยกตัวอย่างการลดรายจ่ายค่าแรงงาน เช่น การตัดหญ้าในสวนปาล์มน้ำมัน ต่อครั้งบนเนื้อที่ 100 ไร่ หากจ้างตัดหญ้า ไร่ละ 400 บาท เสียค่าจ้างรวม 40,000 บาท แต่หากใช้แทรกเตอร์เล็ก ตัดหญ้าในสวนเอง ค่าใช้จ่ายเพียงค่าน้ำมันไม่กี่พันบาท แถมเร็วกว่าด้วย
การลดค่าแรงในการใส่ปุ๋ย หากจ้างใส่ปุ๋ย ค่าแรง กระสอบละ 50 บาท ใส่ปุ๋ยครั้งละกว่า 100 กระสอบ เสียค่าใช้จ่ายมาก จึงได้นำเครื่องใส่ปุ๋ยมาใช้ในสวน เพื่อลดแรงงานในสวน จากการนำรถแทรกเตอร์เล็กและเครื่องใส่ปุ๋ยมาใช้ทำให้ลดค่าใช้จ่ายค่าแรงงานได้มาก
นอกจากนั้น คุณสมนึกยังใช้พื้นที่ว่างในสวนปาล์มน้ำมันให้เกิดประโยชน์ ด้วยการปลูกผักสวนครัวมากมาย 30 กว่าชนิด บนพื้นที่ 20 ไร่ อาทิ ข่าเหลือง ผักเหลียง กล้วยน้ำว้า กล้วยหอม กล้วยไข่ เงาะ มังคุด ลองกอง สะตอ และยางพาราอีก 50 ไร่
“ผมปลูกผักเหลียงแซมระหว่างต้นปาล์มน้ำมัน ราว 2,500 ต้น โดยพื้นที่ 1 ไร่ ผลผลิตผักเหลียงราว 800 กิโลกรัมต่อปี ตัดขายเดือนละ 2 ครั้ง มีรายได้เสริมเดือนละ 10,000 บาท นอกจากปลูกเพื่อขายใบแล้วจะเพาะชำกิ่งขายเป็นรายได้อีกทางหนึ่งด้วย” ด้วยความขยันหมั่นเพียร ปัจจุบันพื้นที่ 170 ไร่ ของ ด.ต.สมนึก เต็มไปด้วยพืชเศรษฐกิจหลายชนิดได้ผลตอบแทนเป็นที่น่าพอใจ สร้างรายได้เฉลี่ยเดือนละ 2 แสนบาท
จุดเริ่มต้นการนำหลักหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงมาประยุกต์ใช้หลักคิด ในการทำสวน
ดาบตำรวจ สมนึก เล่าถึงหลักคิดในการทำสวนว่า ได้น้อมนำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาประยุกต์ใช้ อันได้แก่ ความมีเหตุผล ความพอประมาณ และการมีภูมิคุ้มกันที่ดี (ปลูกพืชแซมให้มีรายได้เสริม) มาใช้ในการทำสวน สำหรับปัจจัยแห่งความสำเร็จ ท่านบอกว่า ต้องใฝ่รู้ มีความตั้งใจศึกษา หาความรู้เพิ่มเติมเสมอ ทั้งจากการอ่าน อบรม ศึกษาดูงาน จากแหล่งวิชาการ เกษตรอำเภอ เกษตรจังหวัด สถานีพัฒนาที่ดิน หรือหน่วยงานอื่นๆ และต้องศึกษาจากเพื่อนเกษตรกรที่ประสบความสำเร็จ ไปดูงานและแลกเปลี่ยนเรียนรู้ แบ่งปันประสบการณ์กันและกัน โดยเฉพาะการเลือกแหล่งพันธุ์ดีที่เชื่อถือได้ การจัดการสวนให้มีผลผลิตดี การวิเคราะห์ดิน และใส่ปุ๋ยตามค่าการวิเคราะห์ดิน ที่สำคัญอีกประการ คือ การทำบัญชี รายรับ รายจ่าย จะสามารถคำนวณต้นทุน กำไร ได้ สามารถลดต้นทุนการผลิตได้ ค่าใช้จ่ายลดลง รายได้เพิ่มมากขึ้น