กําหนดตั้งโรงเรียนนายร้อยตํารวจขึ้น ณ กองตํารวจภูธร มณฑลนครราชสีมา เป็นการชั่วคราว เมื่อ พ.ศ.๒๔๔๔ โดยใช้กองตํารวจภูธรมณฑลนครราชสีมาเป็นสถานที่เรียน ซึ่งตั้งอยู่ที่ ประตูชัยณรงค์ คนทั่วไปเรียกว่า ประตูผี ในจังหวัดนครราชสีมา
ต่อมาเมื่อวันที่ ๑๙ เมษายน พ.ศ.๒๔๔๕ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้า เจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕ ได้ทรงลงพระปรมาภิไธย พระราชทานพระบรมราชานุญาต ให้จัดตั้งโรงเรียนนายร้อยตํารวจ อย่างเป็นทางการ และถือได้ว่าเป็นสถาบันการศึกษาของตํารวจไทยแห่งแรก ที่ปรากฏหลักฐานในการก่อตั้งที่ชัดเจน
การที่พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๗ เสด็จพระราชดําเนิน ทรงเยี่ยมโรงเรียนพลตํารวจ เมื่อวันที่ ๒๒ กรกฎาคม พ.ศ.๒๔๗๐ ได้ทรงลงลายพระราชหัตถเลขาไว้ รวมทั้งได้ทรงมีพระราชวินิจฉัยและทรงพระราชทานคําแนะนําเกี่ยวกับหลักสูตรและการเรียนการสอนของโรงเรียนพลตํารวจ แสดงถึงการที่ทรงเอาพระทัยใส่ในการจัดการศึกษาและการฝึกอบรมตํารวจอย่างแท้จริง อันถือได้ว่าเป็นสิริมงคลอย่างยิ่งแก่วงการศึกษาของตํารวจไทย
การจัดตั้งหน่วยงาน ซึ่งมีหน้าที่ภารกิจในการจัดการศึกษา ที่เป็นปฐมบทของกองบัญชาการศึกษาในยุคปัจจุบัน มีขึ้นครั้งแรก เมื่อวันที่ ๑ กันยายน พ.ศ.๒๔๙๑ โดยได้มีการจัดตั้ง "กองการศึกษา" ซึ่งเป็นหน่วยงานระดับกองบังคับการ ขึ้นตรงต่อกรมตํารวจ ตามพระราชกฤษฎีกาจัดวางระเบียบราชการกรมตํารวจ ในกระทรวงมหาดไทย พ.ศ.๒๔๙๑ มีที่ตั้งอยู่บริเวณกรมตํารวจ ปทุมวัน ขณะเดียวกันได้มีการจัดตั้ง กองกํากับการโรงเรียนพลตํารวจ ๑ - ๙ อยู่ในสังกัด กองบังคับการตํารวจภูธรเขตต์ ๑ - ๙ กองบัญชาการตํารวจภูธร
ในปี พ.ศ.๒๔๙๕ กรมตำรวจ ยกฐานะ กองจเรตำรวจ เป็นระดับกองบัญชาการ มี กองการศึกษา อยู่ในสังกัดกองบัญชาการจเรตํารวจ ตามพระราชกฤษฎีกาจัดวางระเบียบราชการกรมตำรวจในกระทรวงมหาดไทย พ.ศ.๒๔๙๕
ภายในปีเดียวกัน (ปี พ.ศ.๒๔๙๕) ได้มีการก่อตั้ง "โรงเรียนสืบสวน กรมตํารวจ" พล.ต.อ.เผ่า ศรียานนท์ อธิบดีกรมตํารวจในขณะนั้น ได้ตั้งคณะกรรมการพิจารณาดำเนินการกำหนดระเบียบ และหลักสูตรขึ้นมาเพื่อให้ข้าราชการตำรวจได้รับความรู้ในด้านวิทยาการใหม่ที่เกิดขึ้น อาทิ นิติเวชวิทยา การพิสูจน์หลักฐาน การสืบสวนสอบสวน การบริหารงานและยุทธวิธีตำรวจ เพื่อเพิ่มสมรรถนะในการปฏิบัติงานของตำรวจให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ซึ่งได้เปิดอบรมหลักสูตรการสืบสวนคดีอาญา เป็นรุ่นแรก เมื่อวันที่ ๒๘ มกราคม พ.ศ.๒๔๙๕
นับแต่จัดตั้งโรงเรียนสืบสวน กรมตํารวจ ปรากฏผลว่า ข้าราชการตํารวจ สามารถนําความรู้ที่ได้รับไปใช้ปฏิบัติจนเกิดผลเป็นอย่างดีทั้งในด้านการปราบปรามและการบริหารงานในคดีอาญาที่สําคัญและสลับซับซ้อนที่เกิดขึ้น นอกจากนี้ ยังเกิดผลดีต่อหน่วยงานอื่น ๆ ที่มีหน้าที่คล้ายคลึงกับงานในหน้าที่ตํารวจและติดต่อประสานงานกันเสมอในการปฏิบัติงาน โดยโรงเรียนสืบสวน กรมตํารวจได้ทําการฝึกอบรมให้แก่ข้าราชการ ในหน่วยงานต่างๆ เป็นต้นว่า กรมการปกครอง กรมศุลกากร กรมสรรพสามิต กระทรวงสาธารณสุข ทหารบก ทหารเรือ และทหารอากาศ อันมีผลให้การปฏิบัติงานร่วมกันระหว่าง หน่วยงานต่างๆ มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
พ.ศ.๒๕๐๓ ได้มีพระราชกฤษฎีกาแบ่งส่วนราชการกรมตํารวจ กระทรวงมหาดไทย พ.ศ.๒๕๐๓ ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ ๒๐ กันยายน พ.ศ.๒๕๐๓ โดยเห็นสมควรแบ่งส่วนราชการกรมตำรวจใหม่ ให้ยกเลิกพระราชกฤษฎีกาจัดวางระเบียบราชการกรมตํารวจ ในกระทรวงมหาดไทย พ.ศ.๒๔๙๘ ยกฐานะ กองการศึกษา เป็นหน่วยงานระดับกองบัญชาการ เรียกชื่อว่า “กองบัญชาการศึกษา” (บช.ศ.) มีที่ตั้งหน่วยงานครั้งแรกอยู่ ณ โรงเรียนนายร้อยตํารวจ อําเภอสามพราน จังหวัดนครปฐม
การยกฐานะ กองการศึกษา ขึ้นเป็น กองบัญชาการ มีวัตถุประสงค์เพื่ออำนวยการควบคุม และส่งเสริมการศึกษาของกำลังพลในกรมตำรวจ รวมถึงการรักษามาตรฐานการฝึกอบรมตำรวจทุกระดับชั้นให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพเหมาะสมกับสภาพสังคม ด้วยการรวบรวมหน่วยงานหลัก ที่มีภาระหน้าที่ด้านการศึกษาฝึกอบรมทั้งหมดมาอยู่ในสังกัด ประกอบด้วยหน่วยงาน ดังนี้
๑. แผนกขึ้นตรงต่อกองบัญชาการศึกษา
๒. กองอํานวยการศึกษา
๓. โรงเรียนสืบสวน
๔. กองกํากับการโรงเรียนนายร้อยตํารวจ
๕. กองกํากับการโรงเรียนนายสิบตํารวจ
๖. กองกํากับการโรงเรียนตํารวจนครบาล
๗. กองกํากับการโรงเรียนตํารวจภูธร ๑ - ๔
๘. กองร้อยประจํากองบัญชาการ
พ.ศ.๒๕๑๔ กองบัญชาการศึกษา ได้มีการปรับโครงสร้างเป็นครั้งแรก นับแต่ได้มีการจัดตั้งเมื่อปี พ.ศ.๒๕๐๓ โดยมีพระราชกฤษฎีกาแบ่งส่วนราชการกรมตำรวจ กระทรวงมหาดไทย (ฉบับที่ ๔) พ.ศ.๒๕๑๔ ยกฐานะกองกํากับการโรงเรียนนายร้อยตํารวจเป็นกองบังคับการ นอกจากนี้ได้มีการเพิ่มจํานวนกองกํากับการโรงเรียนตํารวจภูธร จาก ๔ โรงเรียนเป็น ๙ โรงเรียน ดังนี้
๑. กองกํากับการโรงเรียนตํารวจภูธร ๑ ตั้งอยู่ ณ จังหวัดสระบุรี
๒. กองกํากับการโรงเรียนตํารวจภูธร ๒ ตั้งอยู่ ณ จังหวัดชลบุรี
๓. กองกํากับการโรงเรียนตํารวจภูธร ๓ ตั้งอยู่ ณ จังหวัดนครราชสีมา
๔ . กองกํากับการโรงเรียนตํารวจภูธร ๔ ตั้งอยู่ ณ จังหวัดขอนแก่น
๕. กองกํากับการโรงเรียนตํารวจภูธร ๕ ตั้งอยู่ ณ จังหวัดลําปาง
๖. กองกํากับการโรงเรียนตํารวจภูธร ๖ ตั้งอยู่ ณ จังหวัดนครสวรรค์
๗. กองกํากับการโรงเรียนตํารวจภูธร ๗ ตั้งอยู่ ณ จังหวัดนครปฐม
๘. กองกํากับการโรงเรียนตํารวจภูธร ๘ ตั้งอยู่ ณ จังหวัดสุราษฎร์ธานี
๙. กองกํากับการโรงเรียนตํารวจภูธร ๙ ตั้งอยู่ ณ จังหวัดยะลา
พ.ศ.๒๕๒๗ กองบัญชาการศึกษา ได้ย้ายมาตั้งอยู่ ณ ศูนย์บรรเทาสาธารณภัย ซึ่งสังกัดกรมตำรวจในขณะนั้น โดยเป็นที่พื้นที่ร้างมิได้ใช้เป็นที่ทำการของศูนย์ฯ มีอาคารทรุดโทรมอยู่ ๓ หลัง และมีศาลที่ประดิษฐานเทวรูป ๒ องค์ คือ พระพรหมและพระอิศวรตั้งอยู่ จึงได้ทำการบุกเบิกก่อสร้างเป็นที่ทำการ กองบัญชาการศึกษา ในสมัย พล.ต.ท.ชาย เสวิกุล ดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการ กองบัญชาการศึกษา ในขณะนั้นจวบจนกระทั่งปัจจุบัน
พ.ศ.๒๕๒๘ กองบัญชาการศึกษา อยู่ในสังกัดกรมตํารวจ มีการปรับโครงสร้าง ครั้งที่ ๒ ตามพระราชกฤษฎีกาแบ่งส่วนราชการกรมตำรวจ กระทรวงมหาดไทย (ฉบับที่ ๑๓) พ.ศ.๒๕๒๘ โดยยกเลิก โรงเรียนสืบสวน และจัดตั้งเป็น “สถาบันพัฒนาข้าราชการตำรวจ" เพื่อให้เหมาะสมและสอดคล้องกับหน้าที่ความรับผิดชอบของหน่วยงานในการพัฒนาระบบการศึกษาและการฝึกอบรมข้าราชการตำรวจ ส่วนราชการอื่นๆ ในสังกัดกองบัญชาการศึกษายังมีอยู่คงเดิม
พ.ศ.๒๕๓๕ กองบัญชาการศึกษา อยู่ในสังกัดกรมตํารวจ มีการปรับโครงสร้าง ครั้งที่ ๓ ตามพระราชกฤษฎีกาแบ่งส่วนราชการกรมตำรวจ กระทรวงมหาดไทย (ฉบับที่ ๑๙) พ.ศ.๒๕๓๕ แยกกองบังคับการ โรงเรียนนายร้อยตํารวจ ออกจากกองบัญชาการศึกษา และไปจัดตั้งเป็นโรงเรียนนายร้อยตํารวจ มีฐานะเป็นกองบัญชาการ ส่วนราชการอื่นๆ ยังอยู่ในสังกัดกองบัญชาการศึกษาเช่นเดิม
พ.ศ.๒๕๓๙ กองบัญชาการศึกษา สังกัดกรมตํารวจ ได้มีการปรับโครงสร้าง ครั้งที่ ๔ ตามมติที่ประชุม ก.ตร. ครั้งที่ ๕ เมื่อวันที่ ๒๐ มีนาคม พ.ศ.๒๕๓๙ ให้ยกฐานะแผนกขึ้นตรงต่อกองบัญชาการศึกษา จัดตั้งเป็น กองกํากับการ (ทําหน้าที่ฝ่ายอํานวยการ) และปีเดียวกันนี้เอง ได้มีการจัดตั้ง “สถาบันส่งเสริมงานสอบสวน” ขึ้นที่ ตําบลศาลายา อําเภอพุทธมณฑล จังหวัดนครปฐม ขึ้นตรงกับกองบัญชาการศึกษา ตามมติ ก.ตร. ในการประชุม ครั้งที่ ๑๗/๒๕๓๙ ลงวันที่ ๑๙ ตุลาคม พ.ศ.๒๕๓๙ โดยยังไม่มี พระราชกฤษฎีกาแบ่งส่วนราชการ เป็นเพียงกำหนดกลุ่มงานภายในมีหน้าที่รับผิดชอบเกี่ยวกับการพัฒนาปรบปรุงงานสอบสวนคดีอาญาโดยตรง ให้เป็นสถาบันหลักของกรมตํารวจ มีหน้าที่อํานวยการ ควบคุม ดูแลรับผิดชอบการฝึกอบรมพนักงานสอบสวนทุกระดับ ตลอดทั้งควบคุมจรรยาบรรณการจดทะเบียน ตรวจสอบ และถอดถอนใบอนุญาตวิชาชีพ พนักงานสอบสวน ทั้งนี้เพื่อมุ่งหวังที่จะยกระดับงานสอบสวน ให้มีมาตรฐานเข้าสู่ระบบยุติธรรม เป็นที่ยอมรับในสังคม และมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
พ.ศ. ๒๕๔๑ ได้มีการโอน กรมตํารวจ สังกัดกระทรวงมหาดไทย ไปจัดตั้งเป็น สํานักงานตํารวจแห่งชาติ อยู่ในบังคับบัญชาของนายกรัฐมนตรี ตามพระราชกฤษฎีกาโอนกรมตำรวจ กระทรวงมหาดไทย ไปจัดตั้งเป็นสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
พ.ศ.๒๕๔๑ กองบัญชาการศึกษา จึงอยู่ในสังกัดสํานักงานตํารวจแห่งชาติ
พ.ศ.๒๕๔๘ กองบัญชาการศึกษา สังกัดสํานักงานตํารวจแห่งชาติ ได้มีการปรับโครงสร้างครั้งที่ ๕ ตามพระราชกฤษฎีกาแบ่งส่วนราชการสำนักงานตำรวแห่งชาติ พ.ศ.๒๕๔๘ โดยยกเลิกกองอํานวยการศึกษา และตั้งเป็น กองอํานวยการและมาตรฐานการศึกษา ให้ กองการสอบ ซึ่งสังกัดสำนักงานกำลังพล มาสังกัดกองบัญชาการศึกษา จัดตั้ง ศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศ ขึ้นใหม่ ยกเลิกกองกำกับการโรงเรียนตำรวจนครบาลและตั้งเป็นศูนย์ฝึกอบรมตำรวจกลาง ให้กองกำกับการโรงเรียนตำรวจภูธรภาค ๑-๙ ซึ่งสังกัดกองบัญชาการศึกษา ไปอยู่ในสังกัดตำรวจภูธร ๑-๙ เพื่อให้เป็นหน่วยงานที่ให้การศึกษาฝึกอบรม และให้สถาบันส่งเสริมงานสอบสวน สังกัดงานกฎหมายและสอบสวนตามกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการเป็นกองบังคับการ หรือส่วนราชการที่เรียกชื่ออย่างอื่นในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.๒๕๔๘ ในส่วนของ กองบัญชาการศึกษา แบ่งเป็นดังนี้
๑. กองอํานวยการและมาตรฐานการศึกษา
๒. กองการสอบ
๓. ศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศ
๔. ศูนย์ฝึกอบรมตํารวจกลาง
๕. สถาบันพัฒนาข้าราชการตํารวจ
พ.ศ.๒๕๕๒ กองบัญชาการศึกษา สังกัดสํานักงานตํารวจแห่งชาติ ได้มีการปรับโครงสร้าง ครั้งที่ ๖ ตามพระราชกฤษฎีกาแบ่งส่วนราชการสำนักงานตำรวแห่งชาติ พ.ศ.๒๕๕๒ โดยยกเลิกกองอำนวยการและมาตรฐานการศึกษา แยกออกจากกัน เป็นระดับกองบังคับการ โดยจัดตั้งเป็น กองบังคับการอำนวยการ และ สำนักการศึกษาและประกันคุณภาพ ยกเลิก สถาบันพัฒนาข้าราชการตำรวจ และตั้งเป็น วิทยาลัยการตำรวจ ยกเลิก ศูนย์ฝึกอบรมตำรวจกลาง และตั้งเป็น กองบังคับการฝึกอบรมตำรวจกลาง กำนดให้ สถาบันฝึกอบรมระหว่างประเทศว่าด้วยการดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมาย ซึ่งเป็นหน่วยงาน ขึ้นตรงสำนักงานตำรวจแห่งชาติ มาอยู่ในสังกัดกองบัญชาการศึกษา รวมทั้งจัดตั้ง กลุ่มงานอาจารย์ ให้ขึ้นตรงต่อกองบัญชาการศึกษา ตามกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการเป็นกองบังคับการ หรือส่วนราชการที่เรียกชื่ออย่างอื่นในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.๒๕๕๒ โดยแบ่งส่วนราชการ ดังนี้
๑. กองบังคับการอํานวยการ
๒. สํานักการศึกษาและประกันคุณภาพ
๓. วิทยาลัยการตํารวจ
๔. กองบังคับการฝึกอบรมตํารวจกลาง
๕. สถาบันการฝึกอบรมระหว่างประเทศว่าด้วยการดําเนินการให้เป็นไปตามกฎหมาย
๖. กองการสอบ
๗. กลุ่มงานอาจารย์
กองบัญชาการศึกษา สังกัดสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้มีการปรับโครงสร้างครั้งที่ ๗ โดย สถานบันฝึกอบรมระหว่างประเทศว่าด้วยการดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมาย ไปสังกัด สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยเพื่อให้สอดคล้องกับอำนาจหน้าที่ตาม กฎกระทรวง แบ่งส่วนราชการเป็นกองบังคับการหรือส่วนราชการอย่างอื่นในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ฉบับที่ ๖) พ.ศ.๒๕๕๘ โดยการดำเนินงานของสถานบันฝึกอบรมระหว่างประเทศว่าด้วยการดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมาย (ILEA) ในสังกัดกองบัญชาการศึกษา มีลักษณะของความร่วมมือระหว่างประเทศและมีเจ้าหน้าที่จากต่างประเทศกำหนดนโยบายและบริหารงานของสถาบัน โดยในการดำเนินการดังกล่าวจำเป็นต้องประสานงานกับผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติโดยตรง ซึ่งการขึ้นตรงต่อสำนักงานผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ จะเป็นการลดขั้นตอนในการปฏิบัติให้มีความคล่องตัวและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
เมื่อสถานบันฝึกอบรมระหว่างประเทศว่าด้วยการดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมาย ไปสังกัดสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กองบัญชาการศึกษา มีส่วนราชการ ดังนี้
๑. กองบังคับการอำนวยการ
ประกอบด้วย ฝ่ายอำนวยการ ๑ - ๖ และศูนย์ส่งเสริมจริยธรรมและพัฒนาคุณธรรม
๒. สำนักการศึกษาและประกันคุณภาพ
ประกอบด้วย ฝ่ายอำนวยการ ฝ่ายยุทธศาสตร์การศึกษา ฝ่ายพัฒนาหลักสูตร ๑ – ๒ ฝ่ายมาตรฐานและประกันคุณภาพ ๑ – ๒ และ ฝ่ายวิชาการประกันคุณภาพ
๓. วิทยาลัยตำรวจ
ประกอบด้วย ฝ่ายอำนวยการ ฝ่ายบริหารการฝึกอบรม ผ่ายกิจการการฝึกอบรม ฝ่ายวิทยบริการ และ ฝ่ายวิจัยและพัฒนา
๔. กองบังคับการฝึกอบรมตำรวจกลาง
ประกอบด้วย ฝ่ายอำนวยการ ฝ่ายบริการการฝึกอบรม ฝ่ายปกครองและกิจการการฝึกอบรม และ ศูนย์ฝึกยุทธวิธีตำรวจกลาง
๕. กองการสอบ
ประกอบด้วย ฝ่ายอำนวยการ ฝ่ายแผนการสอบ ฝ่ายจัดการสอบ และ ฝ่ายวิชาการสรรหา
๖. กลุ่มงานอาจารย์
ประกอบด้วย ฝ่ายอำนวยการ กลุ่มวิชาสืบสวน/สอบสวน/กฎหมาย กลุ่มวิชาความมั่นคงและกิจการพิเศษ กลุ่มวิชาป้องกันปราบปราม/จราจร กลุ่มวิชาการบริหารงานตำรวจและกลุ่มวิชาทั่วไป
กองบัญชาการศึกษา สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้มีการปรับโครงสร้าง ครั้งที่ ๘ โดย ศูนย์ฝึกยุทธวิธีตำรวจกลาง เป็นส่วนราชการกองบังคับการ โดยให้สอดคล้องกับอำนาจหน้าที่ตาม กฎกระทรวง แบ่งส่วนราชการเป็นกองบังคับการหรือส่วนราชการอย่างอื่นในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ฉบับที่ ๑๔) พ.ศ.๒๕๖๓ (ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๗๒ ตอนที่ ๔๙ ก ลง ๑ กรกฎาคม ๒๕๖๓) โดยที่เป็นการสมควรจัดตั้งศูนย์ฝึกยุทธวิธีตำรวจกลาง ในสังกัดกองบัญชาการศึกษาและกำหนดอำนาจหน้าที่ของส่วนราชการดังกล่าวเพื่อให้สอดคล้องกับภารกิจที่เพิ่มขึ้นและเหมาะสมกับสภาพของหน่วยงานที่เปลี่ยนแปลงไป โดยเน้นการฝึกอบรมพัฒนาทักษะทางยุทธวิธีและการปฏิบัติการต่าง ๆ ตามมาตรฐานสากลรวมทั้งส่งเสริมให้ชุมชนมีส่วนร่วมในการจัดการศึกษาและฝึกอบรมเกี่ยวกับการป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดทางอาญา การรักษาความสงบเรียบร้อย การอำนวยความยุติธรรมและการรักษาความปลอดภัยของประชาชน อันจะทำให้การปฏิบัติภารกิจของหน่วยหลักในการฝึกอบรมข้าราชการตำรวจและหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายทั่วประเทศมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลยิ่งขึ้น
ศูนย์ฝึกยุทธวิธีตำรวจกลาง ประกอบด้วย ฝ่ายอำนวยการ ฝ่ายสนับสนุนการฝึก ฝ่ายวิทยบริการ และ ฝ่ายควบคุมการฝึก มีอำนาจหน้าที่ ดังนี้
๑. เป็นศูนย์กลางการฝึกอบรมข้าราชการตำรวจและหน่วยบังคับใช้กฎหมายทั่วประเทศ โดยเน้นการฝึกอบรม พัฒนาทักษะทางยุทธวิธีและการปฏิบัติการต่างๆ ตามระบบมาตรฐานสากล
๒. ดำเนินการเกี่ยวกับงานฝึกอบรมเพื่อเพิ่มพูนความรู้และทักษะทางยุทธวิธีให้กับบุคลากรของหน่วยงานภาครัฐหรือเอกชนอื่น ๆ ตามที่ได้รับมอบหมาย
๓. ติดต่อประสานความร่วมมือกับสถาบันการศึกษาหรือองค์กรอื่นทั้งภาครัฐและเอกชนเพื่อส่งเสริมให้ชุมชนมีส่วนร่วมในการจัดการศึกษาและฝึกอบรมเกี่ยวกับการป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดทางอาญา การรักษาความสงบเรียบร้อย การอำนวยความยุติธรรมและการรักษาความปลอดภัยของประชาชน
๔. ปฏิบัติงานร่วมกับหรือสนับสนุนการปฏิบัติงานของหน่วยที่เกี่ยวข้องหรือได้รับมอบหมาย
กองบัญชาการศึกษา มีส่วนราชการ ดังนี้
๑. กองบังคับการอำนวยการ
ประกอบด้วย ฝ่ายอำนวยการ ๑ - ๖ และศูนย์ส่งเสริมจริยธรรมและพัฒนาคุณธรรม
๒. สำนักการศึกษาและประกันคุณภาพ
ประกอบด้วย ฝ่ายอำนวยการ ฝ่ายยุทธศาสตร์การศึกษา ฝ่ายพัฒนาหลักสูตร ๑ – ๒ ฝ่ายมาตรฐานและประกันคุณภาพ ๑ – ๒ และ ฝ่ายวิชาการประกันคุณภาพ
๓. วิทยาลัยตำรวจ
ประกอบด้วย ฝ่ายอำนวยการ ฝ่ายบริหารการฝึกอบรม ผ่ายกิจการการฝึกอบรม ฝ่ายวิทยบริการ และ ฝ่ายวิจัยและพัฒนา
๔. กองบังคับการฝึกอบรมตำรวจกลาง
ประกอบด้วย ฝ่ายอำนวยการ ฝ่ายบริการการฝึกอบรม ฝ่ายปกครองและกิจการการฝึกอบรม
๕. กองการสอบ
ประกอบด้วย ฝ่ายอำนวยการ ฝ่ายแผนการสอบ ฝ่ายจัดการสอบ และ ฝ่ายวิชาการสรรหา
๖. กลุ่มงานอาจารย์
ประกอบด้วย ฝ่ายอำนวยการ กลุ่มวิชาสืบสวน/สอบสวน/กฎหมาย กลุ่มวิชาความมั่นคงและกิจการพิเศษ กลุ่มวิชาป้องกันปราบปราม/จราจร กลุ่มวิชาการบริหารงานตำรวจและกลุ่มวิชาทั่วไป
๗. ศูนย์ฝึกยุทธวิธีตำรวจกลาง
ประกอบด้วย ฝ่ายอำนวยการ ฝ่ายสนับสนุนการฝึก ฝ่ายวิทยบริการ และ ฝ่ายควบคุมการฝึก
ตลอดระยะเวลา ๖๐ ปี กองบัญชาการศึกษา ได้บริหารจัดการศึกษามาอย่างต่อเนื่องจนเป็นองค์กรแห่งการเรียนรู้เป็นแหล่งรวมองค์ความรู้วิชาชีพตำรวจ รวมทั้งเสริมสร้างการศึกษาอบรมให้มีมาตรฐานสากลและบริหารจัดการฝึกอบรมเพื่อให้เป็นสถาบันการฝึกอบรมตำรวจที่มีความเป็นเลิศทางวิชาการให้กับข้าราชการตำรวจและสรรหาบุคลากรที่มีความเหมาะสมในการเป็นตำรวจมืออาชีพ โดยสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้กำหนดยุทธศาสตร์การปฏิรูปองค์กรตำรวจระยะ ๒๐ ปี มีประเด็นการปฏิรูป ๑๐ ด้าน กองบัญชาการศึกษา ได้รับมอบหมายให้เป็นหน่วยงานรับผิดชอบหลักในการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์การปฏิรูปสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ประเด็นที่ ๙ ด้านการสรรหาและระบบการฝึกอบรม ซึ่งยุทธศาสตร์การศึกษา สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๗๙) เป็นเครื่องมือในการขับเคลื่อนการปฏิรูปด้านการสรรหาและระบบการฝึกอบรมประกอบด้วย ๔ ยุทธศาสตร์ คือ
ยุทธศาสตร์ที่ ๑ การสร้างและพัฒนาหน่วยฝึกอบรมให้มีมาตรฐานและมีความพร้อมในทุกด้าน
ยุทธศาสตร์ที่ ๒ การพัฒนาหลักสูตรการฝึกอบรมและเพิ่มขีดความสามารถของบุคลากรด้านการศึกษาและฝึกอบรม
ยุทธศาสตร์ที่ ๓ การพัฒนาขีดความสามารถของบุคลากรทุกระดับชั้น เพื่อให้เกิดทักษะ ความชำนาญ เชี่ยวชาญในการปฏิบัติหน้าที่ (Training Road Map)
ยุทธศาสตร์ที่ ๔ การพัฒนาสำนักงานตำรวจแห่งชาติให้เป็นองค์กรแห่งการเรียนรู้ เพื่อพัฒนาข้าราชการตำรวจให้เป็นตำรวจมืออาชีพที่มีทักษะความรู้ ความสามารถ มีความรับผิดชอบในหน้าที่ มีพลานามัยสมบูรณ์ มีคุณธรรมจริยธรรม มีความโปร่งใสสุจริตธรรม มีความซื่อสัตย์สุจริตและเป็นที่ศรัทธาของประชาชน