เนื้อหาสาระ
1.1 เครื่องวัดไฟฟ้าแบบเรียงกระแสไฟฟ้า
3.1.1 เครื่องวัดแบบเรียงกระแสครึ่งรูปคลื่น (Half–Wave Rectifier)
3.1.2 เครื่องวัดแบบเรียงกระแสเต็มรูปคลื่น (Full–Wave Rectifier)
1.2 เครื่องวัดไฟฟ้าแบบอิเล็กโทรไดนาโมมิเตอร์
1.2.1 หลักการทำงาน
1.2.2 การนำไปใช้งาน
1.3 เครื่องวัดไฟฟ้าแบบแผ่นเหล็กเคลื่อนที่
3.3.1 แบบแรงดูด
3.3.2 แบบแรงผลัก
3.3.3 แบบแรงดูดและผลักร่วมกัน
3.4 เครื่องวัดไฟฟ้าแบบเทอร์มอคัปเปิล
3.4.1 โครงสร้างและหลักการทำงาน
3.4.2 การนำไปใช้งาน
3.5 เครื่องวัดไฟฟ้าแบบไฟฟ้าสถิต
3.5.1 โครงสร้าง
3.3.2 หลักการทำงาน
3.6 สรุปสาระสำคัญ
การวัดปริมาณไฟฟ้ากระแสสลับต้องใช้มิเตอร์วัดไฟกระแสสลับ จึงจะสามารถวัดปริมาณไฟฟ้านั้น ๆ ออกมาได้ มิเตอร์วัดปริมาณไฟฟ้ากระแสสลับสามารถสร้างได้จากมิเตอร์หลายแบบมิเตอร์แต่ละแบบมีโครงสร้างและคุณสมบัติแตกต่างกันไปแต่ละลักษณะโดยเฉพาะเครื่องวัดไฟฟ้าแบบเรียงกระแสไฟฟ้า (Rectifier instrument) โดยใช้ไดโอดเป็นอุปกรณ์ในการเรียงกระแสไฟฟ้า (Rectifier) มี 2 แบบ คือ แบบการเรียงกระแสไฟฟ้าครึ่งรูปคลื่น (Half–Wave Rectifier) แบบการเรียงกระแสไฟฟ้าเต็มรูปคลื่น (Full–Wave Rectifier)
เครื่องวัดไฟฟ้าแบบอิเล็กโทรไดนาโมมิเตอร์ (Electro dynamometer) มีโครงสร้างเหมือนกันแบบขดลวดเคลื่อนที่ (PMMC) แต่ทำการเปลี่ยนจากแม่เหล็กถาวรเป็นแม่เหล็กไฟฟ้า ซึ่งแยกออกเป็น 2 ชุด ขดลวดชุดที่อยู่กับที่เรียกว่า “ขดกระแสไฟฟ้า” ขดลวดเคลื่อนที่เรียกว่า “ขดแรงดันไฟฟ้า”
เครื่องวัดไฟฟ้าแบบแผ่นเหล็กเคลื่อนที่ (Moving iron instrument) มีโครงสร้างประกอบด้วยแผ่นเหล็กอ่อน 2 แผ่น เป็นแผ่นเหล็กเคลื่อนที่กับแผ่นเหล็กอยู่กับที่ สปริง และเข็มชี้ติดอยู่กับขดลวดเคลื่อนที่
เครื่องวัดไฟฟ้าแบบเทอร์มอคัปเปิล (Thermocouple instrument) มีหลักการทำงาน โดยอาศัยความร้อนที่เกิดจากการจ่ายกระแสไฟฟ้าไหลผ่านขดลวดความร้อนที่มีค่าความต้านทานภายใน ความร้อนที่ได้มีค่าเท่ากับ I2R แล้วส่งมายังเทอร์มอคัปเปิลจะเป็นตัวส่งสัญญาณที่เป็นแรงดันไฟฟ้าไปยังขดลวดเคลื่อนที่ทำให้เข็มชี้เกิดบ่ายเบนไป
เครื่องวัดแบบไฟฟ้าสถิต ประกอบด้วย แผ่นตัวนำ 2 ชุด และสปริงชุดที่หนึ่งเป็นแผ่นตัวนำเคลื่อนที่ทำการติดตั้งบนแบริง (Bearing) และมีเข็มชี้ติดอยู่ สามารถหมุนได้ แผ่นตัวนำชุดที่สองเป็นแผ่นตัวนำอยู่กับที่และสปริงทำหน้าที่สำหรับทำให้เกิดแรงบิดต้าน