ไหมเป็นเส้นใยธรรมชาติชนิดหนึ่งที่มนุษย์รู้จักนำมาถักทอเป็น “ผ้านุ่ง” มานานนับพันปี กระบวนการผลิตสิ่งทอจากเส้นไหม นับจากการปลูกหม่อน เลี้ยงไหม ฟอกล้างกาวไหม ย้อมสีตามลวดลายที่ต้องการโดยใช้วิธีการมัดหมี่ มัดย้อม จุ่มสีหรือแต้มสีตามความถนัด ตอเนื่องสู่กระบวนการถักทอเส้นไหมให้เป็นผืนผ้า ทั้งการทอลาย ขัดพื้นฐาน การจก การยก การขิด การเกาะล้วง ตามภูมิปัญญาพื้นบ้านที่สั่งสมมา จนได้ผืนผ้าไหมที่งดงาม ทั้งผ้าพื้นเรียบ ผ้ามัดหมี่ ผ้ามัดย้อม ผ้ายก ผ้าขิด ผ้าทอแต่ละผืนจะมีลวดลายเฉพาะถิ่น บ่งบอกถึงกลุ่มชาติพันธุ์ อันเป็นเอกลักษณ์ของกลุ่มชน คือมรดกทางวัฒนธรรม ที่มีคุณค่าทั้งด้านสังคมและเศรษฐกิจ
จังหวัดนครราชสีมาหรือเมืองโคราช ตามคำเรียกขานของคนทั่วไปได้ชื่อว่าเป็นแหล่งผลิตเส้นไหมและผ้าไหมที่มีคุณภาพมีชื่อเสียงมาแต่โบราณ ดังนั้นบันทึกทางประวัติศาสตร์ในสมัยกรุงศรีอยุธยา เขียนไว้ว่า “อนึ่งที่บ้านศาลาเกวียนนั้น มีศาลาเก้าห้อง สองหลัง สำหรับเกวียนเมืองนครราชสีมา บรรทุกสินค้าต่าง ๆ คือ น้ำรัก ขี้ผึ้ง ปีกนก ผ้าตาราง ผ้าสายบัว สีคืบหน้าเก็บทอง และผ้าตาบัวปอก ตาเล็ดงา หนังเนื้อ เย็นเนื้อ ดีบุก หน่องา และของป่าต่าง ๆ นอกจากนี้ยังมีเขียนถึงตลาดย่านค้าขายในเมืองอยุธยาว่า “พนนย่านป่าไหม และย่านป่าเหล็ก ต่อกันอยู่คนละฟากถนน ซีกหนึ่งมีร้านขายไหมกรุยฟืน ไหมเบญจพรรณ ไหมลาว ไหมเขมร และไหมโคราช” การผลิตผ้าไหมในอำเภอปักธงชัยส่วนใหญ่เป็นการผลิตผ้าไหมประเภทหัตถกรรมคือ ผลิตตาม ภูมิปัญญาดั้งเดิมของกลุ่มชนไทยลาว ไท - เขมร ทอด้วยกี่พื้นบ้านที่ใต้ถุนบ้าน ในยามว่างจากงานในไร่นา บางหมู่บ้านที่มีการรวมกลุ่มทอผ้า แต่ยังคงรักษาวัฒนธรรมการทอผ้าไหมที่สืบทอดมาตั้งแต่บรรพบุรุษควบคู่ไปกับการทำเกษตรกรรม ลักษณะของผ้าทอพื้นเมืองโดยเฉพาะผ้าไหมพื้นสีเดียวจะมีสีสันสดใดสวยงาม จากหลักฐานที่ปรากฏในงานจิตรกรรมฝาผลักของวัดตะคุ อำเภอปักธงชัย บริเวณด้านหลังของพระประธาน จะเห็นลวดลายจากผ้าพื้นเมืองกลุ่มหนึ่งมีแบบอย่างคล้ายลวดลายของทางภาคเหนือ เนื่องจากมีการอพยพประชากรจากภาคเหนือลงมา แต่ไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัดว่าเป็นช่วงไหนของประวัติศาสตร์ แต่ในปัจจุบัน ไม่สามารถพบเห็นผ้าพื้นเมืองตามแบบในจิตรกรรมอีกแล้ว เพราะไม่ได้ทอกันมานาน สังคมไทยตามชนบท ในอดีต เรื่องขัดสนเงินทองเป็นเรื่องปกติ เส้นใยไหมก็หายากพอกับเงินตรา ซึ่งถูกกำหนดให้มีค่าแทนเงินได้ หากบ้านใดมีเส้นใยไหมไว้ครอบครองถือว่าบ้านนั้นเป็นบ้านที่มีฐานะ ดังเส้นใยไหมหรือผ้าไหมที่มีค่าใช้แทนเงินได้ จึงมีการสืบทอดอาชีพการปลูกหม่อน เลี้ยงไหม และทอผ้าไหม ด้วยการนำเส้นไหมมาทอเป็นผืนผ้าสำหรับตัดเย็บเป็นเสื้อผ้าให้กับสมาชิกในครัวเรือน เพื่อสวมใส่ในโอกาสสำคัญ เช่น ไปวัด ทำบุญ งานประเพณี
ผ้าไหมไทยถือเป็นมรดกทางวัฒนธรรมอันล้ำค่า และเป็นเอกลักษณ์ของไทย ที่มีการถ่ายทอดจากบรรพชนสู่สังคมยุคปัจจุบัน ซึ่งในอดีตนั้น ผ้าไหมก็เป็นที่รู้จักกันในวงแคบ ๆ ของชุมชนที่ผลิตกันเอง ใช้กันเองเฉพาะในแต่ละกลุ่ม มิได้ขยายออกสู่สังคมอันกว้างไกล สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงมีวิสัยทัศน์อันยาวไกล ได้ทรงนำ ผ้าไหมไทยออกสู่ตลาดโลก จนกระทั่งทุกวันนี้ ใคร…ก็รู้จัก…ผ้าไหมไทย พระองค์ทรงเป็นผู้นำในการแต่งกายชุดไหมไทยพระราชนิยม ในคราวตามเสด็จฯ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนินเยือนประเทศสหรัฐอเมริกา และยุโรป… ทำให้ผ้าไหมเป็นที่รู้จักกันแพร่หลายไปทั่วโลก
ที่มา http://www.chattongthaisilk.com/index.php?lay=show&ac=article&Id=539165181