ชื่อ นางวิณี นามสกุล ซื่อตรง
ตำแหน่ง ครู วิทยฐานะ ชำนาญการพิเศษ
สถานศึกษา โรงเรียนชุมชนวัดตะเคียนงาม
สังกัด สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาระยอง เขต 2
รับเงินเดือนในอันดับ คศ. 3
อัตราเงินเดือน 31,760 บาท
ประเภทห้องเรียนที่จัดการเรียนรู้ ปฐมวัย
ข้าพเจ้าขอแสดงเจตจำนงในการจัดทำข้อตกลงในการพัฒนางานตำแห่งครู วิทยฐานะครูชำนาญการพิเศษ ซึ่งเป็นตำแหน่งและวิทยฐานะที่ดำรงอยู่ในปัจจุบันกับผู้อำนวยการสถานศึกษา ไว้ดังต่อไปนี้
1.1 ชั่วโมงสอนตามตารางสอน รวมจำนวน 15 ชั่วโมง/สัปดาห์ดังนี้
- กิจกรรมเคลื่อนไหวและจังหวะ (20 นาที) จำนวน 1 ชั่วโมง 40 นาที/สัปดาห์
- กิจกรรมเสริมประสบการณ์ (20 นาที) จำนวน 1 ชั่วโมง 40 นาที/สัปดาห์
- กิจกรรมสร้างสรรค์ (40 นาที) จำนวน 3 ชั่วโมง 20 นาที/สัปดาห์
- กิจกรรมเสรี/เล่นตามมุม (30 นาที) จำนวน 2 ชั่วโมง 30 นาที/สัปดาห์
- กิจกรรมกลางแจ้ง (40 นาที) จำนวน 3 ชั่วโมง 20 นาที/สัปดาห์
- กิจกรรมเกมการศึกษา (30 นาที) จำนวน 2 ชั่วโมง 30 นาที/สัปดาห์
1.2 งานส่งเสริมและสนับสนุนการจัดการเรียนรู้ จำนวน 10 ชั่วโมง/สัปดาห์
- การจัดทำแผนการจัดการเรียนรู้ จำนวน 2 ชั่วโมง/สัปดาห์
- การวัดและประเมินผลการเรียนรู้ จำนวน 2 ชั่วโมง/สัปดาห์
- การประเมินพัฒนาการเด็ก จำนวน 2 ชั่วโมง/สัปดาห์
- การสร้างและพัฒนาสื่อการเรียนการสอน จำนวน 2 ชั่วโมง/สัปดาห์
- การมีส่วนร่วมในชุมชนการเรียนรู้ทางวิชาชีพ จำนวน 2 ชั่วโมง/สัปดาห์
1.3 งานพัฒนาคุณภาพการจัดการศึกษาของสถานศึกษา จำนวน 9 ชั่วโมง/สัปดาห์
- หัวหน้าระดับสายชั้นอนุบาล จำนวน 5 ชั่วโมง/สัปดาห์
- งานวิจัยชั้นเรียน จำนวน 1 ชั่วโมง/สัปดาห์
- งานครูที่ปรึกษาประจำชั้น/งานดูแลนักเรียน จำนวน 2 ชั่วโมง/สัปดาห์
- ครูเวรประจำวัน จำนวน 1 ชั่วโมง/สัปดาห์
1.4 งานตอบสนองนโยบายและจุดเน้น จำนวน 5 ชั่วโมง/สัปดาห์
- โครงการลูกเสือน้อยอาสา จำนวน 1 ชั่วโมง/สัปดาห์
- กิจกรรมกีฬาสีระดับปฐมวัย จำนวน 1 ชั่วโมง/สัปดาห์
- โครงการส่งเสริมพัฒนาการด้านร่างกาย จำนวน 1 ชั่วโมง/สัปดาห์
- โครงการอาหารกลางวัน จำนวน 1 ชั่วโมง/สัปดาห์
- กิจกรรมบ้านนักวิทยาศาสตร์น้อย จำนวน 1 ชั่วโมง/สัปดาห์
ประเด็นที่ท้าทายในการพัฒนาผลลัพธ์การเรียนรู้ของผู้เรียนของผู้จัดทำข้อตกลง ซึ่งปัจจุบัน ดำรงตำแหน่งครู วิทยฐานะครูชำนาญการพิเศษ ต้องแสดงให้เห็นถึงระดับการปฏิบัติที่คาดหวังของวิทยฐานะครูชำนาญการพิเศษ คือ การริเริ่ม พัฒนา การจัดการเรียนรู้และการพัฒนาคุณภาพการเรียนรู้ของผู้เรียน ให้เกิดการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นหรือมีการพัฒนามากขึ้น (ทั้งนี้ ประเด็นท้าทายอาจจะแสดงให้เห็นถึงระดับการปฏิบัติที่คาดหวังในวิทยฐานะที่สูงกว่าได้)
สภาพปัญหาการจัดการเรียนรู้และคุณภาพการเรียนรู้ของผู้เรียน
การพัฒนาความสามารถในการสื่อสารของเด็กปฐมวัยนั้นต้องได้รับการพัฒนาอย่างถูกวิธีโดยส่งเสริมให้เด็กได้มีโอกาสในการใช้ภาษาอย่างถูกต้องและเหมาะสมกับความสามารถตามวัยอย่างไม่เร่งรัด สะเต็มศึกษาเป็นแนวคิดที่ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อใช้เป็นแนวทางในการส่งเสริมทักษะที่จำเป็นสำหรับผู้เรียนโดยมีจุดเน้นในลักษณะของการบูรณาการความรู้ทักษะและเจตคติ ในลักษณะข้ามสาระวิชาทางวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี วิศวกรรมศาสตร์ และคณิตศาสตร์ เพื่อเตรียมความพร้อมให้เด็กมีความรู้พื้นฐานมีความสามารถในการสื่อสาร มีทักษะกระบวนการที่จำเป็นในการดำรงชีวิตและอยู่ร่วมกับผู้อื่นในสังคมได้ ผ่านการเรียนรู้ที่เปิดโอกาสให้เด็กได้ลงมือทำปฏิบัติจริง ทดลองสืบค้นและใช้วัสดุอุปกรณ์ทำให้เด็กอยากเรียนรู้ด้วยตนเอง และทำให้เด็กได้ใช้ความสามารถของตนเองอย่างเต็มที่ ด้วยหลักการแนวคิดและเหตุผลที่กล่าวมาประกอบกับผลการจัดประสบการณ์ พบว่า นักเรียนชั้นอนุบาลปีที่ 3/2 ยังขาดความสามารถในการสื่อสาร จึงมีความสนใจที่จะพัฒนาความสามารถในการสื่อสารของนักเรียนชั้นอนุบาลปีที่ 3/2 ผ่านการจัดประสบการณ์ตามแนวคิดสะเต็มศึกษา เพื่อใช้เป็นแนวทางและนำไปพัฒนาเด็กปฐมวัยให้ได้เรียนรู้อย่างเต็มศักยภาพต่อไป
วิธีการดำเนินการให้บรรลุผล
2.1 วิเคราะห์ปัญหาเกี่ยวกับความรู้พื้นฐานในการสื่อสารในชีวิตประจำวัน ออกแบบหน่วยการเรียนรู้ จัดทำสื่อ เตรียมอุปกรณ์ในกิจกรรมสะเต็มศึกษาของนักเรียนชั้นอนุบาลปีที่ 3/2
2.2 ปรับแผนการจัดประสบการณ์ให้มีกิจกรรมสะเต็มศึกษาเพื่อพัฒนาการสื่อสาร ใช้เวลาในการจัดกิจกรรม สัปดาห์ละ 2 ครั้ง ครั้งละ 30 นาที แบ่งการจัดกระบวนการเรียนการสอนเป็น 7 กิจกรรม ดังนี้ กิจกรรมที่ 1 ร่างกายของฉัน กิจกรรมที่ 2 ตามล่าหาสมบัติ กิจกรรมที่ 3 ลอยน้ำ กิจกรรมที่ 4 ประสาทสัมผัส กิจกรรมที่ 5 ประสาทสัมผัส (ต่อ) กิจกรรมที่ 6 นิทานพาเพลิน กิจกรรมที่ 7 การเกิดสีจากพืชธรรมชาติ
2.3 ขั้นวัดและประเมินผลตามสภาพจริง
- แบบวัดความสามารถในการสื่อสารของนักเรียนชั้นอนุบาลปีที่ 3/2 ประกอบด้วย 3 ตอน
ตอนที่ 1 ด้านการสนทนาโต้ตอบ
ตอนที่ 2 ด้านการเล่าเรื่องหรือเหตุการณ์
ตอนที่ 3 ด้านการสร้างสัญลักษณ์
ผลลัพธ์การพัฒนาที่คาดหวัง
3.1 เชิงปริมาณ หลังจากการจัดประสบการณ์ตามแนวคิดสะเต็มศึกษา นักเรียนชั้นอนุบาลปีที่ 3/2 มีความสามารถในการสื่อสารเพิ่มสูงขึ้น ร้อยละ 80
3.2 เชิงคุณภาพ ความสามารถในการสื่อสารของนักเรียนชั้นอนุบาลปีที่ 3/2 โรงเรียนชุมชนวัดตะเคียนงาม หลังจากการจัดประสบการณ์ตามแนวคิดสะเต็มศึกษาสูงกว่าก่อนการจัดประสบการณ์ตามแนวคิดสะเต็มศึกษา
กิจกรรมที่ 1 ร่างกายของฉัน ด้านการสร้างสัญลักษณ์
กิจกรรมที่ 1 ร่างกายของฉัน ด้านการสร้างสัญลักษณ์
กิจกรรมที่ 2 ตามล่าหาสมบัติ ด้านการเล่าเรื่องหรือเหตุการณ์
กิจกรรมที่ 2 ตามล่าหาสมบัติ ด้านการเล่าเรื่องหรือเหตุการณ์
กิจกรรมที่ 3 ลอยน้ำ ด้านการสร้างสัญลักษณ์
กิจกรรมที่ 3 ลอยน้ำ ด้านการสร้างสัญลักษณ์
กิจกรรมที่ 4 ประสาทสัมผัส ด้านการสนทนาโต้ตอบ
กิจกรรมที่ 4 ประสาทสัมผัส ด้านการสนทนาโต้ตอบ
กิจกรรมที่ 5 นิทานพาเพลิน ด้านการเล่าเรื่องหรือเหตุการณ์
กิจกรรมที่ 5 นิทานพาเพลิน ด้านการเล่าเรื่องหรือเหตุการณ์
กิจกรรมที่ 6 การเกิดสีจากพืชธรรมชาติ ด้านการสนทนาโต้ตอบ
กิจกรรมที่ 6 เครื่องกรองน้ำ ด้านการสนทนาโต้ตอบ
ผลการดำเนินงานตามประเด็นท้าทาย
พบว่าจากการจัดกิจกรรมตามแนวคิดมสะเต็มศึกษา จำนวนเด็ก 21 คน ความสามารถในการสื่อสารของนักเรียนชั้นอนุบาลปีที่ 3/2 โรงเรียนชุมชนวัดตะเคียนงาม สูงกว่าก่อนการจัดประสบการณ์ตามแนวคิดสะเต็มศึกษา เมื่อประเมินจากแบบวัดความสามารถในการสื่อสารอยู่ในระดับ 3 จำนวน 18 คน คิดเป็นร้อยละ 85.71 อยู่ในระดับ 2 จำนวน 3 คน คิดเป็นร้อยละ 14.29 อยู่ในระดับ 1 ไม่มี เด็กได้เรียนรู้ผ่านสื่ออุปกรณ์ และพูดสื่อสารได้ดีขึ้น
คลิกเพื่อดาวน์โหลดไฟล์ .pdf
ลงชื่อ...........วิณี................
(นางวิณี ซื่อตรง)
ตำแหน่งครู
ผู้จัดทำข้อตกลงในการพัฒนางาน
................/.............../...................