สาขาประสาทวิทยา ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์วชิรพยาบาล มหาวิทยาลัยนวมินทราธิราช มีพันธกิจสอดคล้องกับการฝึกอบรมของภาควิชาอายุรศาสตร์และเพิ่มเติมในส่วนของประสาทวิทยาโดยการฝึกอบรมประสาทแพทย์ตั้งอยู่บนพื้นฐานของความต้องการของระบบสุขภาพทางสังคมและประเทศไทย อิงตามหลักสูตรหลักที่ปรับปรุงแล้วจากสมาคมประสาทวิทยาแห่งประเทศไทยที่ผ่านการรับรอง โดยมีอัตลักษณ์ที่สำคัญของการผลิตแพทย์หลักสูตรหลังปริญญาของคณะแพทยศาสตร์วชิรพยาบาล มหาวิทยาลัยนวมินทราธิราช คือการเน้นเรื่องเวชศาสตร์เขตเมือง (Urban Medicine) และผลิตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่มีทักษะด้านต่างๆสำหรับศตวรรษที่ 21 โดยสรุปคือประสาทแพทย์เขตเมืองในศตวรรษที่ 21
ด้านเวชศาสตร์เขตเมือง (Urban Medicine) เนื่องจากปัญหาโรคทางระบบประสาทเป็นปัญหาที่พบบ่อยในเขตเมือง และกลุ่มผู้ป่วยสูงอายุที่จะเป็นกลุ่มอายุที่จะพบเป็นสัดส่วนที่มากขึ้นรวมทั้งกลุ่มคนวัยทำงานในเมืองและโรคที่เกิดในที่ทำงานและจากการทำงาน และเป็นปัญหาที่แพทย์ทั่วไปยังไม่สามารถให้การวินิจฉัยและให้การรักษาได้อย่างถูกต้อง มีความหลากหลายทั้งในด้านความชุก ความรุนแรง และความรีบด่วน ครอบคลุมวิทยาการแพทย์ทั้งในด้านกว้างและด้านลึก มีความเกี่ยวข้องกับการแพทย์ในสาขาต่างๆ ปัจจุบันมีการพัฒนาองค์ความรู้ในเชิงลึกของประสาทวิทยาศาสตร์และวิทยาศาสตร์การแพทย์ของระบบประสาทของโรคและความผิดปกติต่างๆของระบบประสาทอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งเทคโนโลยีในด้านการวินิจฉัยและบำบัดรักษา ในด้านการบริการได้มีการเปิดให้บริการการตรวจวินิจฉัยและหอผู้ป่วยโรคของระบบประสาทเพิ่มขึ้น เช่น การตรวจคลื่นไฟฟ้าสมอง การตรวจคลื่นไฟฟ้ากล้ามเนื้อและเส้นประสาท การจัดตั้งหอผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมอง เป็นต้น ซึ่งการบริการเฉพาะทางดังกล่าวจำเป็นต้องอยู่ในความควบคุมดูแลโดยอายุรแพทย์สาขาประสาทวิทยา นอกจากนี้หลายภาวะยังจำเป็นต้องได้รับการวินิจฉัยและการดูแลจากอายุรแพทย์สาขาประสาทวิทยา เช่น การให้ยาละลายลิ่มเลือดในโรคหลอดเลือดสมองอุดตันระยะเฉียบพลัน การรักษาผู้ป่วยโรคลมชักที่ดื้อต่อการยา ผู้ป่วยที่มีอาการเคลื่อนไหวผิดปกติ ผู้ป่วยโรคสมองเสื่อม โรคจากการอักเสบและภูมิคุ้มกันที่ส่งผลต่อระบบประสาท โรคปวดศีรษะ เป็นต้น ปัจจุบันประเทศไทยยังมีปัญหาขาดแคลนอายุรแพทย์สาขาประสาทวิทยาเป็นจำนวนมากดังนั้น จึงมีความจำเป็นที่ต้องให้การฝึกอบรมอายุรแพทย์สาขาประสาทวิทยาเพิ่มขึ้นเพื่อให้สามารถรองรับความต้องการของประชาชนได้อย่างเพียงพอ
ด้านการแพทย์ในศตวรรษที่ 21 คือ นอกจากความรู้ทางประสาทวิทยาแล้ว ประสาทแพทย์ควรมีความรู้ความเข้าใจในระบบสุขภาพของประเทศ การบริหารจัดการ กระบวนการคุณภาพและความปลอดภัย ตลอดจนความรับผิดชอบ มีจริยธรรม ทัศนคติ และเจตคติที่ดีต่อผู้ป่วย ผู้ร่วมงานสาขาต่างๆ และองค์กร มีความเอื้ออาทรและใสใจในความปลอดภัย โดยยึดถือผู้ป่วยเป็นศูนย์กลางบนพื้นฐานของการดูแลแบบองค์รวม ความสามารถด้านการวิจัยเพื่อสร้างองค์ความรู้ ความเป็นมืออาชีพ การสื่อสารและปฏิสัมพันธ์ควบคู่กันไปด้วย ทักษะการนำเสนอด้วยหลักฐานเชิงประจักษ์และการนำเสนอผลงานวิชาการทั้งในและต่างประเทศ
โดยภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์วชิรพยาบาล ได้กำหนดพันธกิจของการฝึกอบรม ให้สอดคล้องไปกับพันธกิจของการฝึกอบรมของราชวิทยาลัยอายุรแพทย์แห่งประเทศไทย และของคณะแพทยศาสตร์วชิรพยาบาล ดังนี้
1. ฝึกอบรมแพทย์ให้มี เจตคติ คุณธรรม จริยธรรมแห่งวิชาชีพ และมีจิตสาธารณะ
2. ฝึกอบรมให้มีความรู้ และทักษะทางด้านอายุรศาสตร์ที่สอดคล้องกับความต้องการด้านสุขภาพของชุมชนในเขตเมืองและต่างจังหวัด รวมทั้งการดูแลส่งเสริมสุขภาพ
3. ให้ความรู้สามารถในการดูแลผู้ป่วยแบบองค์รวม คำนึงถึงสิทธิและประโยชน์ของผู้ป่วยโดยยึดถือผู้ป่วยเป็นศูนย์กลาง
4. ส่งเสริมการเรียนรู้การบริหาร ธรรมาภิบาล ระบบคุณภาพ ทักษะในการสื่อสารและระบบความปลอดภัย เพื่อสามารถปฏิบัติงานเป็นทีมสหสาขาวิชาชีพได้ ภายใต้บริบททางสังคมและเศรษฐกิจที่หลากหลาย
5. ให้การอบรมในกระบวนการวิจัยทางการแพทย์ และส่งเสริมให้ทำวิจัยในปัญหาสุขภาพ ด้านเวชศาสตร์เขตเมือง และในระดับประเทศ ที่มีคุณประโยชน์สามารถนำไปประยุกต์ได้
6. ส่งเสริมการพัฒนาตนเองและการเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง
พันธกิจของสาขาประสาทวิทยาในการฝึกอบรมที่เพิ่มเติมและเชื่อมโยงจากภาควิชาอายุรศาสตร์คือให้แพทย์ที่จบจากการฝึกอบรมเป็นผู้มีความรู้ความชำนาญในสาขาประสาทวิทยาแล้วจะต้องมีความรู้ ภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติ โดย เน้นภาคปฏิบัติเพื่อที่จะผลิตแพทย์ผู้มีความรู้ความชำนาญในสาขานั้นที่มีคุณสมบัติ ความสามารถทางโรคระบบประสาทดังต่อไปนี้
1. มีความสามารถในการวินิจฉัย ทักษะในการทำหัตถการเพื่อการวินิจฉัยและรักษาอย่างถูกต้องในโรคต่างที่เป็นปัญหาโดยคำนึงถึงความต้องการด้านสุขภาพของชุมชนและสังคม โดยหลังจากฝึกอบรมตามการกำกับสามารถปฏิบัติงานได้ด้วยตนเองอย่างเต็มตัวโดยไม่ต้องมีการกำกับดูแล
2. ให้การรักษาและป้องกันได้อย่างเหมาะสมและได้มาตรฐาน ตามความต้องการของระบบบริการสุขภาพ ทำให้เชื่อมั่นได้ว่าผู้รับการฝึกอบรมสามารถดูแลรักษาผู้ป่วยได้อย่างเหมาะสม มีประสิทธิภาพ มีความเอื้ออาทรและใสใจในความปลอดภัยเพื่อการแก้ไขปัญหาและการสร้างเสริมสุขภาพ โดยยึดถือผู้ป่วยเป็นศูนย์กลางบนพื้นฐานของการดูแลแบบองค์รวม
3. มีความรู้ความสามารถในเวชปฏิบัติที่ครอบคลุมและเหมาะสมกับบริบทของสาขาวิชาที่เข้ารับการฝึกอบรมโดยเฉพาะด้านประสาทวิทยาศาสตร์ (Neuroscience) สามารถอธิบายปัญหาและโรคทางระบบประสาทด้วยความรู้ทางประสาทวิทยาศาสตร์
4. ผู้รับการฝึกอบรมสามารถพัฒนาไปสู่ความเป็นนักวิชาการ ผู้ชำนาญการ ในสาขาวิชาที่เลือกฝึกอบรมสอน ให้คำปรึกษาและแนะนำเกี่ยวกับปัญหา รวมทั้งการป้องกันโรคแก่แพทย์ นักศึกษา แพทย์ บุคลากรสาธารณสุขและประชาชนได้เป็นอย่างดี และสามารถพัฒนาไปสู่ผู้มีส่วนร่วมในการกำหนดทิศทางระบบสุขภาพในอนาคต
5. สามารถดำเนินการวิจัยและนำเสนอผลงานทางวิชาการอย่างถูกต้องตามหลักวิทยาศาสตร์ได้ด้วยตนเองและสามารถเผยแพร่ในและต่างประเทศ รวมทั้งตีพิมพ์ หรือการสร้างนวัตกรรมใหม่จากการวิจัย รวมทั้งการวางแผนความก้าวหน้าทางวิชาการ
6. สามารถปฏิบัติงานแบบสหวิชาชีพหรือเป็นทีมได้ ประสานงานกับผู้ปฏิบัติงานในสาขาอื่น ทางด้านวิชาการได้อย่างมีประสิทธิภาพ
7. มีเจตนารมณ์และเตรียมพร้อมที่จะเรียนรู้ตลอดชีวิต เข้าร่วมในกิจกรรมการศึกษาต่อเนื่อง หรือการพัฒนาวิชาชีพอย่างต่อเนื่อง มีทักษะในการค้นคว้าหาความรู้และวิเคราะห์ข้อมูลด้วยตนเองอย่างมีวิจารณญาณ
8. มีความสามารถในการทำงานตามหลักวิชาชีพนิยม ส่งเสริมความเป็นอิสระทางวิชาชีพเพื่อให้ผู้รับการฝึกอบรมสามารถปฏิบัติต่อผู้ป่วยและชุมชนได้อย่างดีที่สุด มีคุณธรรม จริยธรรม ความรับผิดชอบและเจตคติที่ดีต่อผู้ป่วย ญาติผู้ป่วย ผู้ร่วมงาน เพื่อนร่วมวิชาชีพ สังคมและชุมชน รวมทั้งมุมมองอื่นด้านความรับผิดชอบทางสังคมตามความเหมาะสม
9. ดำเนินการทำให้แผนงานฝึกอบรมสามารถทำให้ผู้รับการฝึกอบรมมีสภาพการทำงานที่เหมาะสมและสามารถรักษาสุขภาพของผู้รับการฝึกอบรมได้อย่างสมดุล
โดยจะมีเผยแพร่พันธกิจของแผนงานฝึกอบรม/หลักสูตรไปยังส่วนงานสุขภาพที่เกี่ยวข้องให้รับทราบโดยทั่วกันหลายทางเช่นทางสื่อของคณะแพทยศาสตร์