ประเด็นท้าทาย
ในการพัฒนาผลลัพธ์การเรียนรู้ของผู้เรียน
ประเด็นท้าทาย
ในการพัฒนาผลลัพธ์การเรียนรู้ของผู้เรียน
ประเด็นท้าทายเรื่อง
การพัฒนาทักษะการแก้ปัญหา เรื่อง การเปรียบเทียบและเรียงลำดับเศษส่วนและจำนวนคละ ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4
โดยใช้เทคนิคการสอนแบบ Active Learning ผ่านกระบวนการเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิคเพื่อนคู่คิด (Think–Pair-Share)
สภาพปัญหาของผู้เรียนและการจัดการเรียนรู้
สภาพการจัดการเรียนรู้นักเรียนมีปัญหาทางด้านกระบวนการคิดเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะทักษะกระบวนการคิดแก้ปัญหา ซึ่งเห็นได้จากการจัดการเรียนการสอนในหน่วยที่ 4 เรื่องการเปรียบเทียบและเรียงลำดับเศษส่วนและจำนวนคละ ในส่วนของขั้นตอนการเปรียบเทียบและเรียงลำดับเศษส่วนและจำนวนคละ นักเรียนส่วนใหญ่ทำแบบฝึกหัดการเปรียบเทียบเศษส่วนที่มีตัวส่วนไม่เท่ากันที่ครูมอบหมายให้ผิด โดยไม่ทำตัวส่วนให้เท่ากันก่อนนำมาเปรียบเทียบตัวเศษ จะนำตัวเศษมาเปรียบเทียบและเรียงลำดับเลย หรือบางคนหาคำตอบได้ถูกต้อง แต่เติมเครื่องหมาย มากกว่า (>) หรือ น้อยกว่า (<) ผิด เมื่อคิดคำนวณเสร็จจะเรียงลำดับจากน้อยไปมากทันที่ โดยไม่ได้ตรวจสอบว่าโจทย์ให้เรียงลำดับจากน้อยไปมาก หรือ จากมากไปน้อย ทำให้ผิดพลาดในการสรุปคำตอบ ส่งผลให้ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ในตัวชี้วัด ค 1.1 ป.4/4 ไม่เป็นไปตามเป้าหมายที่กำหนด
๑. วิธีการดำเนินงาน ข้าพเจ้าศึกษาเอกสารหลักสูตรกลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ แนวคิดทฤษฎีการเรียนการสอน ศึกษาปัญหาของนักเรียน วิเคราะห์ข้อมูลที่พบในการจัดการเรียนการสอน ศึกษาเทคนิคจัดการเรียนรู้แบบ Active Learning ผ่านกระบวนการเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิคเพื่อนคู่คิด (Think–Pair-Share) ซึ่งเป็นเทคนิคที่เปิดโอกาสให้นักเรียนทำงานร่วมกันเป็นคู่ เพื่อสร้างองค์ความรู้ร่วมกัน รวมถึงมีการแลกเปลี่ยนแนวคิดหรือองค์ความรู้ที่ได้ร่วมกันกับผู้อื่นภายในชั้นเรียน ดังนั้นข้าพเจ้าจึงนำเทคนิคเพื่อนคู่คิด (Think–Pair-Share) เข้ามาใช้ร่วมกับการจัดการเรียนรู้ เพื่อเป็นการกระตุ้นให้ผู้เรียนเกิดกระบวนการคิด การเรียนรู้ และมีส่วนร่วมในชั้นเรียน โดยเริ่มจากครูตั้งคำถามที่เป็นการคิดขั้นสูงให้แก่นักเรียน เพื่อให้นักเรียนคิดเพื่อหาคำตอบด้วยตนเอง เมื่อจบขั้นการคิดแล้วนักเรียนเริ่มต้นทำงานร่วมกันเป็นคู่ มีการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับแนวคิดและคำตอบที่ได้ร่วมกัน ทั้งนี้นักเรียนแต่ละคู่สามารถปรับเปลี่ยนคำตอบให้เป็นไปแนวทางเดียวกัน และในขั้นสุดท้ายนักเรียนนำเสนอวิธีการ แนวคิดและคำตอบของตนเองกับผู้อื่นภายในชั้นเรียนหรือนำเสนอต่อหน้าชั้นเรียน ซึ่งในขั้นสุดท้ายนี้นักเรียนจะเข้าใจความรู้ในลักษณะเดียวกัน จากหลากหลายวิธีที่แตกต่างกันไป ยิ่งไปกว่านั้นนักเรียนจะจดจำความรู้ที่ได้จากการตอบเป็นภาษาของตนเองมากกว่าจากตำราหรือผู้สอน ซึ่งเป็นกระบวนการที่ช่วยให้เกิดการเรียนรู้อย่างยั่งยืน ผลที่เกิดขึ้นคือ ก่อให้เกิดความเข้าใจคงทนเกี่ยวกับการแก้ปัญหาที่ติดตัวนักเรียนไปตลอดชีวิต จากนั้นดำเนินการสร้างแบบทดสอบ ก่อนเรียน - หลังเรียน ทำการประเมินผลก่อนการจัดการเรียนรู้ แล้วดำเนินการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนตามแผนการจัดการเรียนรู้ที่ออกแบบไว้ ประเมินผลหลังการจัดการเรียนรู้แบบ Active Learning ผ่านกระบวนการเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิคเพื่อนคู่คิด (Think–Pair-Share) สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 เรื่อง การเปรียบเทียบและเรียงลำดับเศษส่วนและจำนวนคละ ซึ่งเป็นการดำเนินงานที่ถูกต้อง ครบถ้วน เป็นไปตามระยะเวลาที่กำหนด ไว้ในข้อตกลงและสะท้อนให้เห็นถึงระดับการปฏิบัติที่คาดหวังตามตำแหน่งและวิทยฐานะ
๒. ผลลัพธ์การเรียนรู้ของผู้เรียนที่คาดหวัง
๒.1 ผลการเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาคณิตศาสตร์ เรื่อง การเปรียบเทียบและเรียงลำดับเศษส่วนและจำนวนคละ ระหว่างก่อนเรียนกับหลังเรียน โดยใช้เทคนิคการสอนแบบ Active Learning ผ่านกระบวนการเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิคเพื่อนคู่คิด (Think–Pair-Share) ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนเมืองเลย หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01
๒.2 ผลการเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาคณิตศาสตร์ เรื่อง การเปรียบเทียบและเรียงลำดับเศษส่วนและจำนวนคละ ระหว่างหลังเรียน โดยใช้เทคนิคการสอนแบบ Active Learning ผ่านกระบวนการเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิคเพื่อนคู่คิด (Think–Pair-Share) ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนเมืองเลย สูงกว่าเกณฑ์คะแนนร้อยละ 80 อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01
ผลสัมฤทธิ์การเรียนรู้ของนักเรียนหลังการจัดการเรียนรู้แบบ Active Learning ผ่านกระบวนการเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิคเพื่อนคู่คิด (Think–Pair-Share) เรื่อง การเปรียบเทียบและเรียงลำดับเศษส่วนและจำนวนคละ มีคุณภาพและประสิทธิภาพอย่างดียิ่ง ด้วยเหตุผลดังต่อไปนี้
1. นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนเมืองเลย มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน วิชาคณิตศาสตร์
เรื่อง การเปรียบเทียบและเรียงลำดับเศษส่วนและจำนวนคละ หลังเรียนสูงกว่าเกณฑ์คะแนนร้อยละ 80 ข้าพเจ้าได้ทำการวิเคราะห์ข้อมูลและนำเสนอในรูปแบบของตารางประกอบการบรรยาย
ซึ่งรายละเอียดของผลการวิเคราะห์ข้อมูล ดังนี้
ตารางที่ 1 ตารางแสดงผลการวิเคราะห์ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โดยใช้การเรียนรู้แบบร่วมมือเพื่อนคู่คิด (Think–Pair-Share) ระหว่างคะแนนหลังเรียนกับเกณฑ์ร้อยละ
ตารางที่ 1 พบว่า ผลการวิเคราะห์ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนที่เรียนโดยใช้การเรียนรู้แบบร่วมมือเพื่อนคู่คิด (Think–Pair-Share) เรื่อง การเปรียบเทียบและเรียงลำดับเศษส่วนและจำนวนคละ หลังเรียน สูงกว่า เกณฑ์ร้อยละ 80 อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01
การพัฒนาในครั้งนี้ได้ใช้เทคนิคการสอนแบบ Active Learning ผ่านกระบวนการเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิคเพื่อนคู่คิด (Think–Pair-Share) มี 3 ขั้นตอน ดังนี้
ขั้นตอนที่ 1 ขั้น Think ครูนำเสนอปัญหาหรือคำถาม ให้นักเรียนแต่ละคนคิดเกี่ยวกับปัญหาเพื่อหาแนวทางในการแก้ปัญหา หรือคำตอบที่เป็นไปได้
ขั้นตอนที่ 2 ขั้น Pair นักเรียนแต่ละคนไปหาคู่ของตนเองลักษณะคู่คิดที่มีระดับผลการเรียนต่างกัน เพื่อแลกเปลี่ยนคำตอบหรือความคิดเห็นซึ่งกัน
ขั้นตอนที่ 3 ขั้น Share ครูให้นักเรียนนำเสนอข้อสรุปของคู่ของตนเองที่ได้กับชั้นเรียนเพื่อแลกเปลี่ยนความรู้ สรุปและอภิปรายผลการค้นพบ
2. นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนเมืองเลย มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน วิชาคณิตศาสตร์
เรื่อง การเปรียบเทียบและเรียงลำดับเศษส่วนและจำนวนคละ หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน ทั้งนี้เนื่องจากการจัดการเรียนรู้เป็นกิจกรรมการเรียนรู้ที่นักเรียนได้ลงมือศึกษาค้นคว้า ปฏิบัติกิจกรรมด้วยตนเอง มีส่วนร่วม แลกเปลี่ยนความรู้ร่วมกัน และอภิปรายแนวคิดเพื่อนำสู่การสร้างองค์ความรู้ใหม่ พร้อมทั้งนำความรู้ที่ได้ไปประยุกต์ใช้กับสถานการณ์ใหม่และมีการสะท้อนความคิดเห็นที่ได้จากกิจกรรมในชั้นเรียน ข้าพเจ้าได้ทำการวิเคราะห์ข้อมูลและนำเสนอในรูปแบบของตารางประกอบการบรรยาย ซึ่งรายละเอียดของผลการวิเคราะห์ข้อมูล ดังนี้
ตารางที่ 2 ตารางแสดงผลการวิเคราะห์ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนที่เรียนโดยใช้การเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิคเพื่อนคู่คิด (Think–Pair-Share) เรื่อง การเปรียบเทียบและเรียงลำดับเศษส่วนและจำนวนคละ ของนักเรียน ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4
จากตารางที่ 2 พบว่า ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนที่ได้รับการจัดการเรียนรู้โดยใช้การเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิคเพื่อนคู่คิด (Think–Pair-Share) เรื่อง การเปรียบเทียบและเรียงลำดับเศษส่วนและจำนวนคละ ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 จำนวน 45 คน คิดเป็นร้อยละ 97.78