ชื่อเรื่อง แหล่งเรียนรู้ชุมชนเครื่องปั้นดินเผาด่านเกวียน
ชุมชน ตำบลด่านเกวียน อำเภอโชคชัย จังหวัดนครราชสีมา
ด่านเกวียน เป็นหมู่บ้านหนึ่งของตำบลด่านเกวียน อำเภอโชคชัย ห่างจากตัวเมืองนครราชสีมาทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ ประมาณ 15 กิโลเมตร โดยมีทางหลวงหมายเลข 224 สายนครราชสีมา-โชคชัยผ่านกลางหมู่บ้าน ซึ่งมีร้านค้าเครื่องปั้นดินเผาด่านเกวียนเรียงรายอยู่สองฟากฝั่งและมีลำน้ำมูลทอดขนานอยู่ทางฝั่งทิศตะวันออกหมู่บ้านด่านเกวียนนั้น แต่เดิมพ่อค้าจากนางรอง - บรีรัมย์ - สุรินทร์ - ขุนหาญ – ขุขันธ์ เรื่อยไปจนถึงเขมร จะเดินทางเข้ามาติดต่อค้าขายกับพ่อค้าชาวโคราช และมักจะพักกองคาราวานเกวียนกันเป็นประจำ จนได้ชื่อหมู่บ้านว่า" บ้านด่านเกวียน " และในขณะพัก พ่อค้าเหล่านั้นก็มักนำดินจากสองฟากฝั่งลำน้ำมูล มาทำภาชนะใช้สอยต่าง ๆ เช่น โอ่ง อ่าง ไหปลาร้า ฯลฯ โดยลอกเลียนแบบจากชนชาวข่า ซึ่งเป็นกลุ่มชนที่อาศัยในพื้นที่แต่เก่าก่อน หลังจากนั้นเมื่อนำภาชนะเหล่านั้นกลับภูมิลำเนาของตน และด้วยคุณภาพพิเศษของภาชนะในด้านสีสันความคงทนต่อการใช้งาน จึงทำให้ภาชนะด่านเกวียนเป็นที่นิยมชมชอบของผู้คนจนได้รับการเผยแพร่มากขึ้นเป็นลำดับ จนกระทั่งได้รับความสนใจจากคนทั่วไป กลายเป็นสินค้าหนึ่งในการค้าขายกันในยุคอดีตจนถึงปัจจุบัน
ลักษณะเฉพาะของเครื่องปั้นดินเผาด่านเกวียนนั้นอยู่ที่ดินที่นำมาใช้ กล่าวคือดินด่านเกวียนเป็นดินเหนียวเนื้อละเอียดที่ขุดขึ้นมาจากริมฝั่งแม่น้ำมูล (ซึ่งห่างออกไปจากทางหลวง 224 ทางทิศตะวันออกประมาณ 2 - 3 กิโลเมตร) ในพื้นที่ที่ชาวบ้านเรียกว่า กุด หรือแม่น้ำด้วน ซึ่งเป็นลักษณะลำน้ำที่คดเคี้ยว กัดเซาะตะลิ่งจนขาดและเกิดลำน้ำด้วนขึ้น ส่วนที่เป็นแนวกัดเซาะจะกลายเป็นแหล่งทับทมดิน ดินดังกล่าวนี้เป็นดินซึ่งมีคุณสมบัติพิเศษ ง่ายต่อการขึ้นรูปทนทานต่อการเผา ไม่บิดเบี้ยวหรือแตกหักง่าย
ดินในลำน้ำมูลที่ใช้ทำเครื่องปั้นดินเผาด่านเกวียนจะมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว คือมีแร่สนิมเหล็ก ที่ไม่เหมือนดินจากแหล่งอื่น เป็นดินเหนียวที่มีเนื้อเป็นสีแดงเข้มจนเกือบดำ ที่เรียกกันว่า Stone Ware คุณสมบัติมีความเหนียวสูงมาก เมื่อเผาด้วยความร้อนสูงจะทำให้เป็นสีดำโดยไม่ต้องผสมสี เตาที่ใช้ต้องเป็นเตาฟืน หากเผาด้วยเตาแก๊สจะได้แค่สีแดงเข้ม ๆ ไม่ถึงดำ แตกต่างจากเครื่องปั้นดินเผาทางลำปาง ซึ่งทำจากดินขาวเรียกว่าพอร์ซเลน (Porcelen)
การทำเครื่องปั้นดินเผาด่านเกวียนต้องอาศัยความพิถีพิถันมาตั้งแต่การเลือกสรรวัตถุดิบ ซึ่งต้องใช้ดินในพื้นที่เท่านั้น เพราะเป็นดินเหนียวเนื้อละเอียดคุณภาพดี มีสีแดงและสีน้ำตาลดำ โดยมักขุดขึ้นมาจากบริเวณที่เรียกว่า “กุด” ซึ่งเป็นบริเวณแนวกัดเซาะของริมฝั่งแม่น้ำ มีแร่ธาตุต่าง ๆ โดยเฉพาะแร่เหล็กสะสมอยู่ในเนื้อดินค่อนข้างมาก และด้วยความละเอียดของเนื้อดินจึงทำให้ง่ายต่อการปั้นขึ้นรูป ไม่บิดเบี้ยวและทนทานต่อการเผาในอุณหภูมิสูง เมื่อนำดินด่านเกวียนมาเผาในอุณหภูมิสูงพบว่าแร่เหล็ก ที่สะสมอยู่ในเนื้อดินจะเกิดการหลอมละลายแล้วมาเคลือบชั้นผิว จนทำให้เครื่องปั้นดินเผาด่านเกวียน มีเอกลักษณ์พิเศษเป็นสีต่าง ๆ ทั้งสีดำ สีน้ำตาลแดง หรือสีสัมฤทธิ์ที่มีความมันวาวและคงทนต่อการนำมา ใช้งาน เมื่อเคาะจะมีเสียงดังกังวาน ทั้งนี้การที่จะเผาผลิตภัณฑ์ให้ได้เป็นสีต่าง ๆ นั้น ขึ้นอยู่กับอุณหภูมิที่ใช้ในการเผา โดยหากเผาที่อุณหภูมิ 900 - 1,100 องศาเซลเซียส เนื้อดินจะให้สีน้ำตาลอ่อนจนถึงสีน้ำตาลเข้ม และถ้าใช้อุณหภูมิมากกว่า 1,200 องศาเซลเซียส ก็จะให้สีน้ำตาลแดงเข้มคล้ายกับเลือดปลาไหล ซึ่งการเผาด้วยอุณหภูมิที่สูงขึ้น จะยิ่งทำให้ผลิตภัณฑ์มีสีเข้ม มีความมันวาวและเนื้อผิวราบเรียบมากกว่าการเผาด้วยอุณหภูมิที่ต่ำกว่า
การผลิตเครื่องปั้นดินเผาด่านเกวียนในปัจจุบัน ส่วนมากจะเป็นงานปั้นเครื่องใช้หรือของตกแต่งต่าง ๆ มีผู้ประกอบการเพียงไม่กี่รายที่ผลิตเครื่องประดับจากดินเผา ประเภทสร้อยคอ ต่างหู เข็มกลัด และกำไลข้อมือในลักษณะของการร้อยลูกปัดแบบต่าง ๆ อาทิ สี่เหลี่ยมข้าวหลามตัด ทรงกลม ทรงกระบอก ครึ่งวงกลม ธรรมจักร และสี่เหลี่ยมคางหมู เข้าไว้ด้วยกัน โดยใช้ดีไซน์ผสมผสานตามจินตนาการของช่าง ราคาของเครื่องประดับจะอยู่ที่ 20 - 400 บาท ซึ่งถือว่าราคาขายนี้ค่อนข้างถูก แต่การจำหน่ายออกกลับไม่ค่อยดีเท่าที่ควร สินค้านี้จึงไม่ค่อยเป็นที่นิยมผลิตในบรรดาผู้ประกอบการเท่าใดนัก
สรุปได้ว่าลักษณะเด่นที่เป็นเอกลักษณ์ของเครื่องปั้นดินเผาด่านเกวียน คือ
1) มีความมันวาวในตัวเองโดยธรรมชาติที่มีมาจากดินริมแม่น้ำมูล มีคุณสมบัติพิเศษเฉพาะตัว คือเนื้อละเอียด เหนียว มีแร่เหล็กเจือปนในปริมาณมาก ทำให้เมื่อนำไปเผาในอุณหภูมิสูง จะทำให้ได้เครื่องปั้นที่แข็งแกร่งและทนทาน มีสีลักษณะออกแดงดำ เป็นเงามันโดยไม่ต้องลงสีหรือเคลือบเงา และมีความทนทานต่อการใช้งาน
2) มีการออกแบบการปั้นและแกะลวดลายผลิตภัณฑ์จากภูมิปัญญาท้องถิ่นสมัยก่อนและสมัยใหม่อย่างสอดคล้องลงตัว มีความโดดเด่นน่าสนใจแก่ผู้พบเห็น
ผูเขียน นางสาวนัฐรินทร์ โล่ห์นารายณ์ กศน.อำเภอโชคชัย