การละเล่นว่าวเป็นการละเล่นที่มีมาช้านานของไทย ซึ่งไม่เพียงแต่เป็นการละเล่นสนุกสนาน แต่ยังสะท้อนถึงวัฒนธรรมและภูมิปัญญาไทยอีกด้วย การเล่นว่าวต้องอาศัยทักษะและความรู้ในการประดิษฐ์ว่าว การเลือกช่วงเวลาและสถานที่ที่เหมาะสม รวมถึงเทคนิคในการบังคับว่าวให้ลอยอยู่บนท้องฟ้า
การเล่นกลองยาว (เถิดเทิง) เป็นการละเล่นพื้นบ้านของไทยที่มีความสนุกสนานและเป็นที่นิยมในงานรื่นเริงต่างๆ เช่น งานประเพณี งานบวชนาค งานแห่ และงานเทศกาลต่างๆ. การเล่นกลองยาวมักจะมีการตีกลองยาวเป็นหลัก พร้อมกับเครื่องดนตรีอื่นๆ เช่น ฉิ่ง ฉาบ กรับ โหม่ง และมีผู้แสดงรำประกอบจังหวะ. การเล่นกลองยาวมีการปรับปรุงให้เป็นแบบแผนมากขึ้น โดยเฉพาะในส่วนของท่ารำและเครื่องแต่งกาย.
เชื่อกันว่าหนังตะลุงได้รับอิทธิพลจากหนังใหญ่ ซึ่งเป็นการแสดงหุ่นกระบอกขนาดใหญ่ และมีการปรับเปลี่ยนรูปแบบให้มีขนาดเล็กลง และใช้ภาษาท้องถิ่นในการแสดง
หนังตะลุงเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมและภูมิปัญญาไทยที่สืบทอดกันมาอย่างยาวนาน เป็นการแสดงที่สะท้อนวิถีชีวิต ความเชื่อ และคติธรรมต่างๆ ของคนในภาคใต้
หนังตะลุงเป็นการแสดงพื้นบ้านภาคใต้ ไม่ใช่ภาคตะวันตก การละเล่นนี้เป็นการเชิดหุ่นหนังบนจอผ้า โดยมีนายหนังเป็นผู้เชิดและพากย์บทบาทต่างๆ หนังตะลุงมีลักษณะเฉพาะคือ การใช้หุ่นหนังที่ทำจากหนังสัตว์ แกะสลักเป็นรูปตัวละครต่างๆ และเชิดบนจอผ้าที่มีแสงไฟส่องด้านหลัง ทำให้นายหนังและลูกคู่ (ผู้บรรเลงดนตรี) แสดงบทบาทต่างๆ ผ่านตัวละครเหล่านั้น
รำเหย่ยเป็นการละเล่นพื้นบ้านของไทย นิยมเล่นกันในภาคกลาง โดยเฉพาะจังหวัดกาญจนบุรี มีลักษณะเป็นการร้องและรำโต้ตอบระหว่างชายหญิง โดยมีเพลงพื้นบ้านเป็นบทร้อง ซึ่งมักจะจบลงด้วยคำว่า "เอย" การแสดงมีการใช้ผ้าเป็นอุปกรณ์ประกอบการร่ายรำ
การละเล่น "จ้ำจี้" เป็นการละเล่นของเด็กไทยที่พบได้ทั่วไปในหลายภาค รวมถึงภาคตะวันตก โดยมีลักษณะการเล่นที่เรียบง่ายและสนุกสนาน โดยผู้เล่นจะนั่งล้อมวงกัน วางมือลงบนพื้น แล้วให้คนหนึ่งเป็นผู้จิ้มหรือร้องเพลง "จ้ำจี้" ไปตามนิ้วมือของผู้เล่นแต่ละคน เมื่อเพลงจบลงที่นิ้วของใคร คนนั้นจะต้องพับนิ้วนั้นเก็บ หรือถอนนิ้วออกไป แล้วจึงเริ่มเล่นใหม่ วนไปเรื่อยๆ จนกว่าจะมีผู้ที่พับนิ้วหมดก่อน หรือมีมือเหลืออยู่เป็นคนสุดท้าย ซึ่งจะเป็นผู้ชนะ
เป็นการแสดงพื้นบ้านของชาวไทยมุสลิมในภาคใต้ของประเทศไทย ไม่ใช่การละเล่นของภาคตะวันตก มีลักษณะเป็นการขับร้องและบรรเลงดนตรีประกอบจังหวะปรบมือ โดยมีต้นกำเนิดมาจากวัฒนธรรมของชาวมลายู เป็นการแสดงที่เน้นการขับร้องเป็นหลัก ผู้แสดงจะนั่งล้อมเป็นวงกลมและร้องเพลงโดยมีลูกคู่คอยรับและปรบมือตามจังหวะ เนื้อร้องอาจเกี่ยวกับเหตุการณ์บ้านเมือง เรื่องราวในท้องถิ่น หรือเรื่องตลกขบขัน นิยมเล่นในงานพิธีต่างๆ เช่น งานแต่งงาน งานเข้าสุหนัต งานเมาลิด