2. การเตรียมฟืมทอผ้า

ทำการค้นเส้นด้ายลักษณะเดียวกับการค้นเส้นยืน จากนั้นนำเส้นด้ายมาร้อยเข้ากับฟืม โดยการร้อยผ่านช่องฟันหวีแต่ละช่องทุกช่องๆละ 2 เส้น แล้วใช้ท่อนไม้ไผ่เล็กๆสอดเข้าในห่วงเส้นด้ายที่ร้อยเข้าช่องฟันหวีเพื่อทำการขึงเส้นด้ายให้ตรึงและจัดเรียงเส้นด้ายให้เรียบร้อย

ส่วนด้านหน้าของฟืมก็จะมีท่อนไม้ไผ่เช่นเดียวกับด้านหลังเพื่อทำการขึงเส้นด้ายให้ตรึงเช่นเดียวกับด้านหลังของฟืมที่กล่าวมาแล้ว จากนั้นให้ทำการเก็บตะกอฟืมแบบ 2 ตะกอ เราก็จะได้ชุดฟืมทอผ้าที่พร้อมสำหรับการทอผ้า

3. การย้อมสีเส้นยืน

การย้อมสี เทคนิคการย้อมเส้นยืน ให้ทำการเตรียมสีธรรมชาติตามสีที่ต้องการย้อมสี ซึ่งลายโบราณที่ทำในครั้งนี้จะเป็นลายมัดหมี่ลวดลายหมี่ข้อ ซึ่งในสมัยโบราณจะทอผ้ามัดหมี่ที่มีหมี่ข้อและตกแต่งด้วยการทอสอดเส้นไหมคั่นโดยทำการทอแบบค้ำเพลาทำให้เส้นไหมที่ทอสอดคั่นฟูสวยงาม เป็นลวดลายที่คนในสมัยก่อนมีความเชื่อว่าเป็นมงคลแก่ผู้สวมใส่คือ แสดงถึงความมั่นคง เฟื่องฟู มีการค้ำจุนความมั่นคงของชีวิต และสีที่ใช้จะมีสีแดง สีเขียว เหลือง

สีแดงจะได้มาจากครั่ง ทำการเตรียมโดยเลือกครั่งที่มีคุณภาพเพื่อให้ได้ระดับความเข้มของสีแดงที่สด โดยใช้อัตราส่วนครั่ง 4 กิโลกรัมต่อน้ำหนักเส้นไหม 1 กิโลกรัม นำครั่งมาตำให้ละเอียด แล้วนำไปแช่น้ำค้างไว้ 1 คืน แล้วให้นำน้ำแช่ครั่งมากรองเพื่อแยกส่วนกากของครั่งออกจากน้ำสีย้อมก็จะได้น้ำย้อมสีแดงที่ได้จากครั่ง

จากนั้นให้นำสารมอร์เดนธรรมชาติ หรือสารช่วยตัดสีธรรมชาติที่เตรียมมาจากการนำใบเหมือดผสมกับใบส้มโมง ในสัดส่วนที่เท่ากัน แล้วทำการต้มนาน 1 ชม.

ทำการกรองใส แล้วทำการผสมกันระหว่างน้ำย้อมสีแดงจากครั่งกับน้ำสารช่วยตัดสีธรรมชาติในอัตราส่วน 6:1 เพื่อปรับสภาพให้น้ำย้อมสีมีความเป็นกรดอยู่ที่ระดับ 3.5 โดยประมาณ

นำไหมยืนที่ทำการลอกกาวไว้เรียบร้อยแล้วมาทำการย้อมสีแดงที่ผสมกับสารช่วยตัดสีแล้วโดยวิธีการย้อมใช้การย้อมเย็นก่อน เพื่อให้น้ำย้อมสีค่อยกระจายเข้าสู่เส้นได้อย่างทั่วถึงและสม่ำเสมอ

จากนั้นจึงยกวางบนเตาไฟเพื่อเพิ่มอุณหภูมิ ประมาณ 90-95 องศาเซลเซียส ย้อมนาน ประมาณ 30 นาที ในระหว่างการย้อมสีให้ทำการกลับเส้นไหมอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพการย้อมสีที่ดี

จากนั้นทำการล้างเส้นไหมจนกระทั่งน้ำล้างเส้นไหมใสสะอาดไม่มีสีเจือปนอยู่ในน้ำล้างเส้นไหม บีบน้ำออก แล้วตากพึ่งแห้ง ก็จะได้เส้นยืนที่สมบูรณ์แบบ