อมพล แปลก พิบูลสงคราม น.ร. ร.ว. ป.จ. ม.ป.ช. ม.ว.ม. อ.ป.ร. ๑ ภ.ป.ร. ๑ (14 กรกฎาคม พ.ศ. 2440 – 11 มิถุนายน พ.ศ. 2507) หรือ ป. พิบูลสงคราม บรรดาศักดิ์เดิม หลวงพิบูลสงคราม นามเดิม แปลก ขีตตะสังคะ เป็นนายทหารและนักการเมืองชาวไทย นายกรัฐมนตรีไทยคนที่ 3 ดำรงตำแหน่งตั้งแต่ พ.ศ. 2481 ถึง พ.ศ. 2487 และ พ.ศ. 2491 ถึง พ.ศ. 2500 รวมระยะเวลา 15 ปี 11 เดือน 25 วัน นับเป็นนายกรัฐมนตรีที่ดำรงตำแหน่งนานที่สุดในประเทศไทย และยังเคยเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย, รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม, รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ, รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ, รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม

เดิมเขาเป็นหัวหน้าสมาชิกคณะราษฎรสายทหารบกชั้นยศน้อย เป็นผู้มีบทบาทในการเมืองไทยตั้งแต่การปฏิวัติสยาม พ.ศ. 2475 และยิ่งมีฐานะทางการเมืองที่ดีขึ้นอีกหลังเป็นผู้บังคับบัญชาทหารฝ่ายรัฐบาลปราบกบฏบวรเดชใน พ.ศ. 2476 นับแต่นั้นเขาดำรงตำแหน่งในรัฐบาลคณะราษฎรมาโดยตลอด ใน พ.ศ. 2481 เขาได้เป็นนายกรัฐมนตรี และเขาเริ่มแสดงความเป็นผู้เผด็จการมากขึ้นจนเริ่มแตกแยกกับคณะราษฎรสายพลเรือน ในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง เขาออกประกาศรัฐนิยมหลายข้อโดยใช้แนวคิดชาตินิยม เปลี่ยนชื่อประเทศจาก "สยาม" มาเป็น "ไทย" เขาดำเนินนโยบายเป็นพันธมิตรทางทหารกับญี่ปุ่น จนใน พ.ศ. 2487 เขาลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีหลังแพ้เสียงในสภาในร่างกฎหมายสำคัญ ประกอบกับสถานการณ์โลกขณะนั้นฝ่ายอักษะกำลังแพ้สงคราม

หลังรัฐประหารในประเทศไทย พ.ศ. 2490 เขาได้รับทาบทามกลับมาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีอีกช่วงหนึ่ง เขาถือเป็นหนึ่งในผู้นำในการเมืองสามเส้าในช่วงนั้น แต่ไม่มีฐานกำลังที่มั่นคงของตนเอง ทำให้พยายามสร้างความชอบธรรมโดยเข้าร่วมกับสหรัฐอย่างเต็มตัวในสงครามเย็น และพยายามเปลี่ยนรูปแบบการปกครอง กระนั้นเขาพ่ายการแข่งขันชิงอิทธิพลกับกลุ่มที่เบื่อหน่ายความเสพติดอำนาจของจอมพลแปลก จนพ้นจากตำแหน่งในรัฐประหารในประเทศไทย พ.ศ. 2500 โดยการเลือกตั้งครั้งนั้นถูกขนานนามว่าการเลือกตั้งที่สกปรกที่สุด และถูกชิงอำนาจนำโดยจอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ นับแต่นั้นเขาลี้ภัยในประเทศญี่ปุ่นจนถึงแก่อสัญกรรม ณ วันที่ 11 มิถุนายน พ.ศ. 2507

ปฐมวัยและการศึกษา[แก้]

วัยเด็ก[แก้]

จอมพล แปลก พิบูลสงคราม มีชื่อเดิมว่า "แปลก ขีตตะสังคะ" ชื่อจริงคำว่า "แปลก" เนื่องจากเมื่อแรกเกิดบิดามารดาเห็นว่าหูทั้งสองข้างอยู่ต่ำกว่าตา ผิดไปจากบุคคลธรรมดา จึงให้ชื่อว่า แปลก[ต้องการอ้างอิง]

แปลก ขีตตะสังคะ เกิดเมื่อวันที่ 14 กรกฎาคม พ.ศ. 2440 บิดาชื่อ นายขีด และมารดา ชื่อ นางสำอางค์ ในสกุลขีตตะสังคะ บ้านเกิดเป็นเรือนแพขนาดใหญ่ 2 ชั้น ที่ปากคลองบางเขนเก่า ตรงข้ามวัดปากน้ำไม่ห่างจากศาลากลางจังหวัดนนทบุรี และ วัดเขมาภิรตาราม ตำบลบางเขน อำเภอเมืองนนทบุรี จังหวัดนนทบุรี อาชีพครอบครัว ประกอบอาชีพเกษตรกรรม สวนทุเรียนและสวนผลไม้

เด็กชายแปลก ขีตตะสังคะ เป็นบุตรคนที่สองในพี่น้อง 5 คน พี่ชาย คนโตชื่อ "ประกิต" (รับราชการทหารได้ยศ พลตรี) คนที่สามเป็นหญิงชื่อ "เปลี่ยน" คนที่สี่เป็นชายชื่อ "ปรุง" คนสุดท้ายชื่อ "ครรชิต" (รับราชการทหารได้ยศ พลตรี)

การศึกษา[แก้]

จอมพล ป. ในวัยหนุ่ม

การเข้าสู่อาชีพทหาร[แก้]

เขาเข้าสู่ระบบศึกษาครั้งแรกที่ โรงเรียนวัดเขมาภิรตาราม จังหวัดนนทบุรี เมื่อ พ.ศ. 2452 อายุได้ 12 ปี ได้เข้าเรียนในโรงเรียนนายร้อยทหารบก โดยบิดาขอร้องให้ พล.ต.พระยาสุรเสนาช่วยนำฝากเข้าเรียนพร้อมกับพี่ชาย "ประกิต" ศึกษาที่โรงเรียนนายร้อยเป็นเวลา 6 ปี (นักเรียนชั้นประถม 3 ปี นักเรียนชั้นมัธยม 3 ปี) ได้เป็น"นักเรียนทำการนายร้อย" เมื่ออายุได้ 18 ปี (9 พ.ค. 2458) สังกัด "เหล่าปืนใหญ่" โดยได้เป็น "ว่าที่ร้อยตรี" (1 พ.ย. 2458)

การสมรส[แก้]

นักเรียนทำการนายร้อยว่าที่ร้อยตรีแปลก เข้าประจำการเหล่าปืนใหญ่ที่ 7 พิษณุโลก และไม่นานนักได้พบรักกับท่านผู้หญิงละเอียด พิบูลสงคราม (ขณะนั้นสกุล พันธ์กระวี) ซึ่งเป็น "นักเรียนชั้นสูงสุดเพียงคนเดียว" ในโรงเรียนผดุงนารี โรงเรียนของคณะมิชชันนารี และเป็นโรงเรียนหญิงแห่งแรกของพิษณุโลก ทั้งทำหน้าที่ "ครูฝึกหัด" ฝึกหัดสอน "ชั้นเล็ก ๆ" ในโรงเรียนแห่งนี้ด้วย ไม่นานนักทั้งสองก็ทำพิธีหมั้นและพิธีแต่งงานเมื่อวันที่ 14 มกราคม 2459 เมื่อว่าที่ร้อยตรีแปลกอายุย่างเข้า 20 ปี ท่านผู้หญิงละเอียดย่างเข้า 15 ปี มีบุตร 6 รายได้แก่ พลตรี อนันต์ พิบูลสงคราม พลเรือโท ประสงค์ พิบูลสงคราม ร้อยเอกหญิง จีรวัสส์ ปันยารชุน รัชนิบูล ปราณีประชาชน พัชรบูล เบลซ์ นิตย์ พิบูลสงคราม

นอกจากนี้ แปลกยังมีอนุภรรยาอีกจำนวนหนึ่ง ปรากฏใน ชีวิตรักของจอมพล ป. พิบูลสงคราม (2502) เขียนโดยจรูญ กุวานนท์ ระบุว่า แปลกมีความสัมพันธ์กับหญิงอื่นนอกจากท่านผู้หญิงละเอียด คือ รุจี อุทัยกร นักร้องหญิงจากวงสุนทราภรณ์ พิศมัย วิไลศักดิ์ นักแสดงหญิง และคำนึงนิตย์ วงศ์วัฒนะ ผู้เข้าประกวดนางสาวไทย[2] รุจี อ้างว่าท่านผู้หญิงละเอียดหึงหวงเธอมาก ทั้งโทรศัพท์ข่มขู่ตลอดระยะเวลาสี่ปีที่คบหากับแปลก และเคยส่งมือปืนมาดักยิงเธอบริเวณบ้าน รุจีจึงยุติความสัมพันธ์ลง[3] แต่ท่านผู้หญิงละเอียดได้กล่าวไว้ว่าท่านเองไม่เคยหึงหวงรุจีอันใดเลย ท่านมองรุจีในสายตาว่าเป็นเด็กและต่างคนก็ต่างอยู่ ส่วนความสัมพันธ์กับพิศมัยนั้น แปลกได้กล่าวปฏิเสธความสัมพันธ์ "...ส่วนข้าพเจ้านั้นขอเรียนว่า พิศมัยไม่ได้เป็นเมียข้าพเจ้า และไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกันนอกจากได้ให้อาศัยบ้านอยู่..."[3] อย่างไรก็ตาม แปลกได้ออกมายอมรับว่า มีความสัมพันธ์เป็น "เพื่อน" กับคำนึงนิตย์ วงศ์วัฒนะ และมีบุตรด้วยกันสองคน ชื่อ คณาพิบูล (หรือ ธนาพิบูล) และธนิตพิบูล ช่วงที่แปลกลี้ภัยอยู่ในประเทศญี่ปุ่น คำนึงนิตย์ก็มีบทบาทในการดูแลแปลกเป็นอย่างดี[2]

อาชีพทหาร–การศึกษา[แก้]

หลังการแต่งงานได้ 3 เดือนและเป็นนักเรียนทำการนายร้อยเหล่าปืนใหญ่ที่ 7 พิษณุโลกครบ 2 ปี ก็ได้รับยศเป็น "ร้อยตรี" (23 พ.ค. 2460) และย้ายเข้ากรุงเทพเพื่อศึกษาต่อในโรงเรียนเหล่าทหารปืนใหญ่ที่บางซื่อตามระเบียบการศึกษา โดยพาครอบครัวมาด้วย การศึกษา 2 ปีใน โรงเรียนแห่งนี้แต่ละปีประกอบด้วย 6 เดือนแรกเรียนประจำอยู่ ณ ที่ตั้ง 4 เดือนถัดมาไปฝึกในสนามยิงปืนโคกกระเทียม ลพบุรี อีก 2 เดือนท้าย ซ้อมรบในสนามต่างจังหวัด

เมื่อสำเร็จการศึกษาจากโรงเรียนเหล่าทหารปืนใหญ่ ได้กลับกรมต้นสังกัดประจำการที่ปืน 7 พิษณุโลก แต่ไม่นานนักก็ได้ย้ายมาประจำกรมทหารปืนใหญ่ที่ 1 รักษาพระองค์ (1 ส.ค. 2462) ในตำแหน่งนายทหารสนิทของผู้บังคับบัญชากรม พลตรี หม่อมเจ้าปรีดิเทพย์พงษ์ เทวกุล ปีถัดมาได้รับยศ "ร้อยโท" (24 เม.ย 2463)