อ่านนิยาย ฆ่าเวลา

เราทุกคนน่าจะเคยดูหนัง หรืออ่านนิยายจีนกันมาไม่มากก็น้อย และสิที่ขาดไม่ได้สำหรับนิยายจีน ก็คือกำลังภายใน อย่างน้อยนิยายที่โด่งดัง และถูกนำเอาไปทำเป็นภาพยนต์หลายต่อหลายรอบ อย่าง “มังกรหยก” ทุกคนก็น่าจะคุ้นหูกันเป็นอย่างดี

ผมเองตั้งแต่ยังเด็กก็ได้หมกมุ่นอยู่กับนิยายไทยและจีนมามากมาย โดยเฉพาะจีนกำลังภายในที่ผมจะชอบเป็นพิเศษ และจากการอ่านมาหลากหลาย ก็ทำให้ผมพอจะให้ภาพร่างคล่าวๆ ของยุคสมัยแห่งกำลังภายในที่ได้ดำเนินมาหลากหลายสมัย

ในครั้งนี้ผมจะมาเล่าให้ฟังอย่างคร่าวๆ ว่าในแต่ละยุคนั้นเป็นของนักเขียนท่านไหนและมีลักษณะอย่างไร โดยเราต้องมาเริ่มกันตั้งแต่สมัยแรกสุดของกำลังภายในอันโด่งดัง ผู้ให้กำเนิดตัวละครอย่าง ก๊วยเจ๋ง และ เอี้ยก๊วย ของอาจารย์กิมย้งกัน

กิมย้ง 金庸 พ.ศ. 2467

กิมย้ง นั้นถือได้ว่าเป็นผู้บุกเบิกยุทธจักรกำลังภายในที่เผยแพร่ออกไปทั้งโลกอย่างแท้จริง เราสามารถกล่าวได้ว่านักเขียนคนนี้ ได้ทำให้ทั่วโลกได้รู้จักกำลังคำว่า “กำลังภายใน”

ในยุคสมัยแรกเริ่มของกำลังภายในยุคนี้ ได้รับอิทธิพลของกิมย้งเป็นอย่างมาก โดยกิมย้งได้มีผลง่ายที่แผยแพร่ทั้งหมด 15 เรื่องด้วยกัน แต่สำหรับเรื่องที่ทุกคนคุ้นหูก็น่าจะเป็น มังกรหยก ทั้ง 3 ภาค แปดเทพอสูรมังกรฟ้า กระบี่เย้ยยุทธจักร และ อุ้ยเสี่ยวป้อ

การดำเนินเรื่องเราของยุคสมัยนี้จะเป็นการกล่าวถึงการแรกการฝึกวิชาของตัวเอก หรือจะเริ่มจากตัวเอกที่มีวรยุทธเพียงระดับทั่วไป หรือถึงขั้นไม่มีวรยุทธเลยตัวเอกของเรื่องจะค่อยๆ ฝึกฝีมือ ขึ้นมาทีละก้าวอย่างช้าๆ เป็นขั้นเป็นตอนของการพัฒนา พบเจอยอดยุทธหรือยอดวิชามาฝึกปรือ

เพราะฉะนั้นยุคนี้ จึงเป็นยุคแห่งการดำเนินเรื่องราวตั้งแต่พระเอกของเรายังเป็นเด็กน้อยจนกระทั้งสำเร็จเป็นยอดยุทธผู้ยืนอยู่เหนือยุทธจักร

ผมจึงเรียกยุคนี้ว่า “ต้นกำเนิดกำลังภายใน”

นิยายที่แต่ง

มังกรหยก ภาค 1 (射雕英雄传)(The Eagle shooting hero) พ.ศ. 2500

เล่าเรื่องราวของเด็กน้อยคนซื่อ “ก๋วยเจ๊ง” ที่ถูกเลี้ยงดูมาในชนเผ่าคนเลี้ยงสัตว์ของมองโกล ค่อยๆ ได้รับการสอนวิชาและกำลังภายในเล็กน้อย ก่อนของสู่ยุทธจักร เผชิญหน้าศัตรู กราบยอดยุทธเป็นอาจารย์ จนกระทั้งสามารถต่อสู้กับผู้กล้าแกร่งในยุทธจักรสมัยนั้นได้อย่างสูสี

มังกรหยก ภาค 2 (神雕侠侣)(The Return of the Condor Heroes) พ.ศ. 2502

เล่าเรื่องของเด็กน้อยเฉลียวฉลาด แสนซน นาม “เอี้ยก๋วย” ผู้เป็นเด็กกำพร้า ที่ได้ถูกก๋วยเจ๊งรับเลี้ยง และส่งไปฝึกวิชายังสำนักชวงจินแต่ด้วยความที่เข้ากับใครไม่ได้จึงหนีไปกราบอาจารย์หญิงที่สำนักสุสานโบราณ สองศิษย์อาจารย์ได้ออกมาผจญภัยยุทธจักร สร้างชื่อเสียง เทียบขั้นยอดยุทธ ฝ่าฟันวิบากกรรมทางสังคม ความสุขและความเศร้า จนสามารถยืนอยู่เหนือยอดยุทธได้ในที่สุด

ดาบมังกรหยก (倚天屠龍記)(Heaven Sword and Dragon Sabre) พ.ศ. 2504

กล่าวถึงเด็กน้อย “เตียบ่อกี้” ผู้ถูกฝ่ามือภูตเร้นลับ ระหกระเหินหาวิธีรักษา จนกระทั้งตกเหวเจอยอดวิชา “เก้าเอี้ยงจินเกง” จึงสามารถมีกำลังภายในเทียบเท่ายอดยุทธ ได้ฝึกวิชา “เคลื่อนย้ายจักรวาล” ขึ้นเป็นประมุขพรรคด้วยความจำยอม เผชิญหน้าการหักเล่ชิงเหลี่ยม จนกระทั้งถอนตัวออกจากยุทธจักรในที่สุด

แปดเทพอสูรมังกรฟ้า (天龙八部)(Semi-Gods and Semi-Devils) พ.ศ. 2506

ได้เล่าถึงตัวเอกสามคน หนึ่งมากรักมากน้ำใจ หนึ่งมีเกียรติยศทรนง อีกหนึ่งมากกังวลไร้เดียงสา สามคนนี้ได้มาพบและสาบานเป็นพี่น้อง และชะตากรรมที่ต้องเผชิญล้วนเป็นปัญหาใหญ่ระดับยุทธจักรระหว่างประเทศ

กระบี่เย้ยยุทธจักร (笑傲江湖)(The Smiling, Proud Wanderer) พ.ศ. 2510

ได้เล่าถึงตัวเอกนาม “เล้งฮู้ชง” ผู้ได้ฝึกยอดวิชากระบี่ของสำนัก จนเป็นที่อิจฉาตาร้อน อีกทั้งคบหาคนที่หลายคนเกลียด จึงต้องเผชิญมรสุมแผนการจากทั้งเพือนและคนที่ตนเคารพ

อุ้ยเสี่ยวป้อ (鹿鼎記)(Deer and the Cauldron) พ.ศ. 2512

เสี่ยวเอ้อ ผู้คอยเสริฟน้ำชาจากโรงเตี้ยมที่จับพลัดจับพลูไปช่วยเหลือฮ่องเต้องค์ปัจจุบันจนได้กลายเป็นผู้ช่วยคนสนิท ด้วยความที่ตนไม่ใช่คนที่ฝึกวรยุทธ จึงต้องใช้มันสมองอันเจ้าเล่ห์เพทุบาย เอาตัวรอดจากสถานการณ์ทั้งความรักและการเมือง


โกวเล้ง 古龙 พ.ศ. 2480

โกวเล้ง ชายผู้นำความเปลี่ยนแปลงมายังยุทธจักรกำลังภายใน โกวเล้งด้วยนิสัยที่ชอบดื่มสุราเป็นชีวิตจิตใจ จนคนที่รู้จักเขาได้ตั้งฉายานามให้กับเขาว่า “ปีศาจสุรา” ด้วยความชื่นชอบด้านสุราของเขานี่เอง ทำให้ตัวละครจอมยุทธในนิยายของเขานั้นมักจะเป็นคอสุราเสมอ ไม่ว่าจะไปนั่งยังโรงเตี้ยมใด ก็อดไม่ได้ที่จะสั่งสุรามานั่งชนแก้วกัน

โกวเล้งนั้นชอบอ่านนิยายเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งนวนิยายตะวันตกแนวสืบสวน สอบสวน ทำให้เขาได้ติดวิธีการดำเนินเรื่อง ลักษณะกระบวนการคิดของตัวเอก มาจากนิยายพวกนั้น นำมาผสมผสานกับกำลังภายในแบบจีน จนออกมาเป็นนิยายกำลังภายในที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของตัวเอง

ตัวเอกของนิยายกำลังภายในยุคนี้เลยออกมาแตกต่างจากยุคของกิมย้งอย่างสิ้นเชิง เพราะตัวเอกส่วนใหญ่ของโกวเล้งนั้นจะเป็นยอดยุทธที่เป็นที่รู้จัก ขึ้นชื่อลือนามของยุทธภพอยู่แล้วตั้งแต่ต้นเรื่อง แต่อาจจะมีการกล่าวถึงที่มาที่ไปของเคล็ดวิชาอยู่บ้าง แต่ก็เล็กน้อยมาก ทำให้การเขียนงานของโกวเล้งไม่ได้เน้นไปที่การต่อสู้หรือที่มาที่ไปของวิชาฝีมือว่าไปได้มาจากใคร หรือตัวเอกไปเรียนมาจากใคร แต่เรื่องราวจะเน้นไปที่สถานการณ์รอบๆ ตัวเอก คดีปริศนาที่อยู่ๆ ก็เกิดขึ้นมาอย่างไม่ทราบสาเหตุ หรืออยู่ดีๆ ตัวเอกก็ไปพัวพันกับบุญคุณความแค้นในยุทธจักรโดยไม่รู้ตัว

ผมจึงมักเรียกยุคนี้ว่า “ยอดยุทธกำลังภายใน” เพราะตัวเอกจะเก่งฉกาจอยู่แล้ว ไม่ค่อยจะมีคู่ต่อสู้สักเท่าไหร่ เนื้อเรื่องจะเน้นความฉลาดของตัวเอกเป็นส่วนใหญ่

นิยายที่แต่ง

ชอลิ้วเฮียง (楚留香系列) พ.ศ. 2502

ชอลิ้วเฮียง “จอมโจรเด็ดบุปผา” ฉายาที่ได้มาจากกลิ่นหอมประจำตัวและหน้าตาอันหล่อเหลา ชายที่ทั้งยุทธจักรยอมรับว่ามีวิชาตัวเบาที่เลิศภพจบแดนที่สุดในยุทธภพ ชอลิ้วเฮียง มักจะต้องเข้าไปช่วยเหลือเพื่อนหรือคนรู้จักที่ไปพัวพันกับคดีปริศนาในยุทธภพอยู่เสมอ

ฤทธิ์มีดสั้น (小李飛刀系列) พ.ศ. 2513

เคล็ดวิชาประจำตัวของ “ลี้คิมฮวง” คืออาวุธลับมีดสั้น ที่ได้รับการขนานนามว่า “มีดบินของเซี่ยวลี้” กล่าวกันว่ามีดบินของลี้คิมฮวงไม่เคยพลาดเป้ามาก่อน ตัวของลี้คิมฮวงได้เดินทางกลับบ้าน แต่กลับต้องมาเจอกับคดีปริศนา จึงต้องพาตัวเองเข้าไปพัวพันและใช้สมองในการแก้ปัญหา

หงส์ผงาดฟ้า (陆小凤系列) พ.ศ. 2519

จอมยุทธสี่คิ้ว “เล็กเซียวหงส์” ผู้ถูกขนานนามว่าเป็นนักสืบแห่งยุทธภพ มีหนวดอันเป็นเอกลักษณ์ซึ่งเป็นที่มาของฉายา และวรยุทธดรรชนีอันเป็นเอกอุไม่เหมือนใคร เล็กเซี่ยวหงส์ เป็นคนจำพวกที่อยากรู้อยากเห็น เห็นอะไรผิดปกติไม่ได้เป็นต้องเสนอหน้าเข้าไปร่วมแจมอยู่เสมอ จึงได้เข้าไปพัวพันคดีประหลาดที่อธิบายไม่ได้มากมาย

ดาวตก ผีเสื้อ กระบี่ (流星‧蝴蝶‧劍)

เรื่องนี้ต้องถามเด็กนักเล่นเกมที่น่าจะเคยผ่านเกมนี้กันมาบ้างแล้ว ซึ่งเรื่องราวได้กล่าวถึง “เม่งแชฮุ้น” นักฆ่ามือพระกาฬ ซึ่งได้รับงานฆ๋างานหนึ่ง แต่การตามล่าเป้าหมายก็ไม่ได้ง่ายดายอย่างที่เขาได้คิดไว้

เซียวฮื้อยี้ (绝代双骄 - 绝代双骄)

เรื่องราวในยุทธภพล้วนหมุนวนไปด้วยการเข่นฆ่า ล้างแค้น รวมถึงเรื่องราวของเด็กทั้งสองคน “เซียวฮื้อยี้” และ “ฮวยบ่อข่วย” ซึ่งเรื่องราวชีวิตได้ถูกลิขิตชะตากรรมเอาไว้ด้วยยอดฝีมือลือนามให้ต้องมาเข่นฆ่าทำลายกันด้วยความแค้นของคนรุ่นก่อน

หวงอี้ (黄易) พ.ศ. 2495

หวง อี้ ชายผู้เปลี่ยนให้นิยายกำลังภายในกลายเป็นประวัติศาสตร์ชาติจีน ด้วยความที่ตัวหวงอี้เอง ได้ศึกษาทั้งประวัติศาสตร์และวิทยาศาสตร์ดาราศาตร์ เลยทำให้เขานำวิทยาศาสตร์มาหลอมรวมกับนิยายกำลังภายในจนเกิดเป็นแนวทางอีกแนวทางหนึ่ง

แล้วด้วยการนำนิยายกำลังภายในไปโลดแล่นอยู่ในประวัติศาสตร์ ทำให้ตัวเอกในนิยายนั้นเสมือนกับมีตัวตนในเหตุการ์ที่เกิดขึ้นจริงในอดีต จึงทำให้เป็นที่ติดอกติดใจของนักอ่านเป็นจำนวนมาก

การทำให้นิยายของตนเองกลมกลืนไปกับประวัติศาสตร์นี้เองที่ทำให้นิยายส่วนใหญ่ของหวงอี้นั้น กลายเป็นนิยายที่มีความยาวเป็นอย่างมาก ซึ่งจุดประกายให้เกิดการเขียนนิยายเรื่องยาวอีกทั้งยังประสมปนเปของยุคโซเชียลจึงมีนิยายเรื่องยาวออกตามหลังมาเป็นจำนวนมาก

การดำเนินเรื่องของหวงอี้ จะเป็นการกล่าวถึงยอดยุทธผู้อยู่จึงสูงสุด และตัวเอกทั้งหลายจะดำเนินเรื่องอยู่ตามความสัมพันธ์ของยอดยุทธเหล่านี้ อีกทั้งตัวเอกมักจะไม่ใช่คนเก่งกาจอะไรมากมาย ได้วิชามาแบบงงๆ อีกทั้งบ้างครั้งก็ใช้ไม่เป็น ตัวเรื่องจะดำเนินไปในทางได้รับสมบัติ หนีตายเอาชีวิตรอด เก่งกาจ พัวพันกับสาวงามหลากหลาย มีบทรักลึกซึ้ง วาบวิวรัญจวนใจ

ทำให้ผมจึงมักเรียกยุคนี้ว่า “มหากาพย์กำลังภายใน” จึงจะเหมาะสมกับการผสมกันระหว่างกำลังภายในและประวัติศาสตร์

นิยายที่แต่ง

เจาะเวลาหาจิ๋นซี (尋秦記) (ต้นราชวงศ์ฉิน)

นวนิยายวิทยาศาสตร์ผสมกำลังภายใน เล่าเรื่องราวของ “เซี่ยงเส้าหลง” ที่เข้าไปช่วยงานวิจัยทางวิทยาศาสตร์เกี่ยวกับการย้อนกาลเวลา แต่ด้วยความผิดพลาดทำให้เขาไม่สามารถกลับไปยังปัจจุบันได้ และติดอยู่ในยุคสมัยต้นราชวงศ์ฉินด้วยการได้รำเรียนวิชาจากยอดฝีมือ และความรู้ด้านการทหารยุคสมัยใหม่ เขาจึงใช้มันในการเอาชีวิตให้รอดพ้นจากเภทภัยในยุคโกลาหลนี้

มังกรคู่สู้สิบทิศ (大唐雙龍傳) (ปลายราชวงศ์สุย ต่อ ต้นราชวงศ์ถัง)

เรื่องราวได้กล่าวถึงยุคแห่งการล้มสลายของราชวงศ์สุย ทำให้ขุนศึกทั่วประเทศ ต้องตัวเป็นใหญ่ ตัวเอกทั้งคู่ “โค่วจง” และ “ฉีจื่อหลิง” ได้เคล็ดวิชาอมตะมาโดยบังเอิญ และด้วยการตั้งตัวจากอันธพาลลักเล็กขโมยน้อย สู่การข้องเกี่ยวกับ “หลี่ซื่อหมิน” ปฐมอ่องเต้แห่งราชวงศ์ถัง การต่อสู้สู่ความเป็นใหญ่ล้วนได้มาไม่เคยง่ายดาย

เทพมารสะท้านภพ (覆雨翻雲) (ต้นราชวงศ์หมิง)

ในยุทธจักรได้มีการนัดประลองฝีมือกันระหว่าง กระบี่คลุมวรุณ “ล่างฟานหวิน” กับปรมาจารย์มาร “ผังปาน” การนัดหมายของยอดฝีมือ หนึ่งธรรมะ หนึ่งอธรรม มันไม่ใช่การต่อสู้เพียงแค่ หนึ่งต่อหนึ่งอีกต่อไป การต่อสู้ครั้งนี้ได้ก่อกวนฝุ่นควันแห่งความโกลาหลขึ้นทั่วทั้งยุทธภพ ในยุทธจักรได้เกิดเหตุการณ์จากการนัดหมายนี้มากมาย รวมถึงเหตุการณ์ของเด็กน้อยนาม “หานป๋อ” ที่ไม่รู้อิโน่อิเหน่ใดๆ แต่กลับกลายเป็นยอดยุทธผู้ไม่รู้จักวรยุทธในชั่วข้ามคืน อีกทั้งเกิดการไล่ล่า ความรัก แผนการ การสมรู้ร่วมคิดและยังมีราชสำนักราชวงศ์หมิงมาเกี่ยวข้องทำให้เรื่องราวปั่นป่วนวุ่นวายขึ้นไปอีก

สรุป

ยุคสมัยของนิยายกำลังภายในก็มีอยู่ด้วยกัน 3 ยุคด้วยกันตามนักเขียน นั้นก็คือ ยุคแรก “ต้นกำเนิดกำลังภายใน” ยุคสมัยของกิมย้ง ยุคที่สอง “ยอดยุทธกำลังภายใน” ยุคสมัยของโกงเล้ง และยุคสุดท้ายยุคที่สาม “มาหกาพย์กำลังภายใน” ยุคสมัยของหวงอี้

ซึ่งอาจารย์ทั้งสามท่านที่ได้เขียนนิยายมากันนับสิบเรื่องนั้น ก็ได้ล่วงลับจากโลกนี้กันไปหมดแล้ว ทำให้นิยายกำลังภายในที่ผมอ่านนั้นก็ไม่ได้ปรากฎขึ้นมาอีกเลย

ผมหวังเป็นอย่างยิ่งว่าในอนาคตอันใกล้นั้นจะสามารถให้กำเนิดนักเขียนนิยายกำลังภายในที่จะให้กำเนิดยุคที่สี่แห่งกำลังภายในขึ้นมาได้