ฟิล์มกรองแสง-ฟิล์มฝ้าขาวขุ่น-สติกเกอร์

1.ฟิล์มกรองแสง

ฟิล์มกรองแสง คือ ฟิล์มลามิเนตที่ผลิตมาจากแผ่นโพลีเอทิลีน เทเรฟทาเลต (Polyethylene Terephthalate หรือ PET) เป็นแผ่นพลาสติกตระกูลโพลีเอสเตอร์ (Polyester) มีคุณสมบัติเหนียว บางเรียบ ใส ไร้รอยย่น ยืดหยุ่นน้อย มีความทนทานต่อสภาพอากาศ สามารถยึดเกาะกับเนื้อกระจกได้อย่างเรียบสนิทโดยใช้กาวที่มีความบางใสเป็นตัวเชื่อม โดยฟิล์มกรองแสงจะมีการใช้วัสดุเคลือบที่ใช้เพื่อป้องกันความร้อน และป้องกันรังสีต่างๆ ฉะนั้นฟิล์มกรองแสงจึงช่วยลดความร้อน ลดรังสีอินฟราเรด และรังสียูวีที่เข้ามากระทบได้เป็นอย่างดี

ฟิล์มกรองแสงสามารถแบ่งประเภทได้ตามสารเคลือบแสงที่ใช้ ซึ่งจะมีการใช้สารเคลือบแสงต่างกัน เช่น การย้อมสี การเคลือบโลหะ การเคลือบสารนาโนเซรามิค เป็นต้น หรืออาจจะแบ่งได้ตามการใช้งาน เช่น ฟิล์มกรองแสงติดรถยนต์ ฟิล์มกรองแสงติดอาคาร เป็นต้น

ขอขอบคุณข้อมูลจาก https://en.wikipedia.org/wiki/Window_film

ด้วยคุณสมบัติดังกล่าวฟิล์มกรองแสงจึงนิยมนำมาใช้เพื่อลดแสง ลดความร้อน ตามอาคาร สำนักงาน บ้าน คอนโด ที่พักอาศัย และด้วยเทคโนโลยีในปัจจุบันมีการพัฒนากระบวนการผลิตฟิล์มกรองแสงให้มีคุณภาพดียิ่งขึ้นตามความต้องการของท้องตลาดและตอบโจทย์ผู้บริโภคได้มากที่สุด

สเปคของ ฟิล์มกรองแสงและมีวิธีอ่านค่าต่างๆ

หลายๆคนเวลาคิดจะเลือกฟิล์มกรองแสงยี่ห้อต่างๆแล้ว มักจะปวดหัวกับการอ่านค่าSpecต่างๆ อ่านกันถูกบ้าง ผิดบ้าง แล้วค่าต่างๆเหล่านี้บ่งบอกถึงอะไรได้บ้าง ไม่ว่าจะเป็นค่า VLT, TSER, VLR, IRR, UVR เป็นต้น และอีกหลายตัวเยอะแยะเต็มไปหมด

ซึ่งถ้าจะให้อธิบายกันอย่างละเอียดแล้ว เราจะต้องเข้าใจว่า รังสีที่ส่องมาจากดวงอาทิตย์นั้น คือคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าที่มีความยาวคลื่น และ ความถี่ของคลื่นที่แตกต่างกันออกไป ซึ่งในความถี่ของคลื่นบางชนิด ก็จะมีพลังงานที่แตกต่างออกไป ทำให้เกิดเป็นคลื่นความถี่ต่างๆ เช่น รังสี UV รังสีinfared แสงสว่าง เป็นต้น

ค่าแสงสว่างส่องผ่าน VLT คือ

ค่าแสงสว่างส่องผ่าน (Visible Light Trasmittance หรือ VLT) คือ %ค่าแสงสว่างที่สามารถผ่านเข้ามาในฟิล์มกรองแสงติดกระจกได้ ยิ่งค่าแสงสว่างส่องผ่านน้อย ยิ่งป้องกันความร้อนได้ดี แต่ภายในก็จะยิ่งมืดด้วยเช่นกัน

เช่น ถ้าค่าแสงสว่างส่องผ่านของฟิล์มกรองแสง VLT 3-5% ฟิล์มก็จะทึบแสงมาก ถ้าค่าแสงสว่างส่องผ่าน VLT 70-80% ฟิล์มก็แทบจะโปร่งใสเลยทีเดียว ซึ่งสามารถเทียบได้กับกระจกปกติที่ไม่ติดฟิล์มกรองแสงจะมีค่าแสงสว่างส่องผ่าน (VLT) ประมาณ 89%

การเรียกความเข้มฟิล์ม 40 60 80 จะไม่ใช่ค่าแสงสว่างส่องผ่านนะครับ จะเป็นค่าคร่าวๆที่คนไทยเรียกง่ายๆ ว่าฟิล์มเข้มน้อยเบอร์ 40 เข้มกลางเบอร์ 60 เข้ามากเบอร์ 80 เพียงแค่นั้น

ขอขอบคุณข้อมูลจาก http://www.johnsonwindowfilms.com/dealer/articleView.php?ARTICLE_ID=153

ค่าการสะท้อนแสง VLR คืออ

ค่าการสะท้อนแสง (Visible Light Reflectance หรือ VLR) คือ %ค่าความมันวาวของฟิล์มกรองแสงที่สามารถสะท้อนแสงไปฝั่งตรงข้าม โดยปกติค่าสะท้อนแสงของฟิล์มกรองแสง อยู่ที่ประมาณ 6% ถึง 40% พูดง่ายๆคือ ยิ่งฟิล์มกรองแสงมีค่าสะท้อนแสงมากเท่าไร ฟิล์มกรองแสงยิ่งมีความมันวาวคล้ายกระจกมากขึ้น สะท้อนแสงออกมาขึ้น และยังสามารถป้องกันความร้อนได้ดีขึ้นด้วย

โดยปกติ ฟิล์มดำ หรือฟิล์มเซรามิค ค่าสะท้อนแสงจะประมาณ ไม่เกิน 10% แต่ถ้าเป็น ฟิล์มปรอท ค่าสะท้อนแสงจะประมาณ 10-40 % ขึ้นอยู่กับปริมาณสารโลหะที่เคลือบอยู่ในตัวฟิล์มกรองแสงครับ

ข้อควรระวัง กฏหมายการติดฟิล์มกรองแสงของไทย ไม่ให้คิดฟิล์มกรองแสง ที่ค่าแสงสะท้อนเกิน 30% จะผิดกฏหมายได้ หรือบางคอนโด จะตั้งกฏไว้เข้มงวดกว่านี้ คือติดฟิล์มกรองแสงที่ค่าสะท้อนแสงได้ไม่เกิน 20% นั่นเอง

ค่าป้องกันรังสีอินฟราเรด (IRR) คืออ

ค่าป้องกันรังสีอินฟราเรด (Infrared Light Rejection หรือ IRR) คือ %ค่าการป้องกันรังสีอินฟาเรด หรือบางครั้งก็เรียกว่า รังสีIR หรือ รังสีความร้อน มีตั้งแต่ค่า 0-100% ยิ่งค่ามากยิ่งป้องกันความร้อนได้ดี ในแสงอาทิตย์นั้น จะมีรังสีอินฟราเรดเป็นส่วนประกอบอยู่ถึง 53% ถึงถือว่าเป็นสัดส่วนที่สูงที่สุด

นั่นหมายความว่า ฟิล์มเกรดพรีเมียม ควรจะป้องกันรังสีอินฟราเรดได้มากกว่า 80% เราถึงจะรู้สึกเย็นสบายภายในรถครับ

ความเข้มของฟิล์มกรองแสง จะไม่เกี่ยวข้องกับการป้องกันรังสีอินฟราเรด นั่นหมายความว่า ฟิล์มเข้มมากก็อาจจะกันอินฟราเรดไม่ดี(กันร้อนไม่ดี) ในทางกลับกัน ฟิล์มใสอาจจะกันรังสีอินฟราเรดได้มาก (กันร้อนสูง) กว่าฟิล์มดำก็เป็นไปได้

ข้อสังเกตุ ในการวัดรังสีอินฟราเรดโดยเครื่องวัดรังสีฟิล์มแต่ละรุ่น อาจจะให้ผลในแต่ละเครื่องไม่เท่ากัน เนื่องมาจาก Spec ของเครื่องวัดแต่ละเครื่องอาจจะไม่เท่ากัน บางเครื่องอาจจะวัดได้ถึงแค่ความยาวคลื่น 950 nm บางเครื่องวัดได้เต็มระดับ Full-IR เพราะฉะนั้น การดูรังสีอินฟราเรดจากเครื่องวัดฟิล์ม อาจจะสามารถใช้อ้างอิงได้แค่ระดับหนึ่งเท่านั้น แต่ไม่ทั้งหมด

2.ฟิล์มฝ้าขาวขุ่น, สติ๊กเกอร์ฝ้า

ฟิล์มฝ้าขาวขุ่น, สติ๊กเกอร์ฝ้า เหมาะใช้สำหรับกั้นห้อง เพื่อความเป็นส่วนตัว เพื่อความสวยงาม พรางหรือบังสายตาได้ดี ลดแสงจ้าจากภายนอก นิยมใช้อย่างมากในอาคารสำนักงาน ออฟฟิศ หรือแม้แต่บ้านพักอาศัย คอนโดมิเนี่ยม โรงแรม รีสอร์ท จะนิยมใช้ติดกระจกเพื่อกั้นห้องนอน ห้องน้ำ หรือ ห้องครัว และยังรวมไปถึงร้านค้า ร้านกาแฟ โชว์รูม ฯลฯ ที่ใช้แตกแต่งเพื่อความสวยงามเป็นต้น ประโยชน์ของฟิล์มฝ้า และสติ๊กเกอร์ฝ้ายังสามารถช่วยยึดเกาะกระจกไม้ให้แตกกระจายอีกด้วย

3.สติ๊กเกอร์ซีทรู

สติ๊กเกอร์ซีทรู (See Through Sticker) เป็นสติ๊กเกอร์ พีวีซี อย่างหนา มีการเจาะรูพรุนเหมือนตะแกรง

ด้านหลังเป็นกาวสีดำ เป็นนวัตกรรมใหม่ ใช้ติดกระจกเท่านั้น เมื่อติดแล้วคนด้านนอกจะมองเห็นภาพกราฟฟิคชัดเจนและจะมองไม่เห็นคนด้านใน

ในขณะที่คนด้านในมองออกไปข้างนอกได้ชัดเจน เหมือนไม่มีอะไรมาบังตา

สามารถใช้ได้ดีในสภาวะกลางวัน ภายนอกออฟฟิศแสงสว่างมีความเข้มแสงมากกว่าภายในออฟฟิศ สำนักงาน สถานที่ราชการ

สามารถลดความจ้าของแสงแดดลงได้ประมาณ 50 เปอร์เซ็นต์

นิยมใช้ในการติดสื่อโฆษณา กระจกหน้าออฟฟิศ กระจกรถขนส่งบริษัท กระจกหน้าร้านอาหาร คลินิคความงาม เป็นต้น