ผ้าม่าน

1.ลักษณะของผ้าม่าน.....

ผ้าม่านมีอยู่ด้วยกัน3ประเภทคือ


1.1.ผ้ากันแสง100% (Black Out)ผ้าชนิดนี้นิยมทำกันมากในบ้านบุคลที่มีฐานะนิดนึงเพราะราคาค่อนค่างแพงแต่แลกมาด้วยคุณภาพ เส้นด้ายทำจากPolyester100%ฉาบหลังผ้าด้วย PVCที่มีส่วนผสมของคาร์บอน อายุการใช้งานยาวนานสีผ้าไม่ซีดจาง


1.2.ผ้ากันแสง80%(Dim Out) คุณภาพใกล้เคียงกับผ้า Black Out ทอด้วยด้าย Polyesterหรือผ้าฝ้ายธรรมดา หรือFiberglass แต่ทอ3ชั้น ชั้นกลางเป็นด้ายดำ ใช้งานนานๆไปสีอาจจะซีดจืดลงบ้างจาง

1.3.ผ้ากันแสง50% นิยมทำกันตามโรงเรียน,โรงแรม3ดาว,สถานทีราชการต่างๆเนื่องจากราคาค่อนข้างถูกไม่ค่อยมีลวดลายนัก ทอด้วยด้าย Polyester ชั้นเดียว การป้องกันแสงจึงน้อยมากประมาณ50%โดยประมาณ


1.1 ผ้ากันแสง 100% Black Out

1.2 ผ้ากันแสง 80% Dim Out

1.3 ผ้ากันแสง50%

2.รูปแบบการใช้งาน การตัดเย็บ

ผ้าม่านแบบเย็บจีบ

2.1 ม่านจีบ..... เป็นแบบม่านที่ได้รับความนิยมสูงสุดและใช้กันมายาวนานที่สุด เพราะมีความสวยงามทนทาน แต่คนรุ่นใหม่อาจมองว่าโบราณ,เป็นระเบียบมากเกินไป แต่ม่านจีบแบบอัดกรีบ หรือ แบบปล่อยลอนก็ยังคงได้รับความนิยมเสมอ แต่อุปกรณ์รางแล้วแต่ความเหมาะสม ของแต่ละพื้นที่


2.2 ม่านต่าไก่ ม่านตาไก่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายในสมัยนี้ เนื่องจากการเข้ามาของผ้าตลาดโรงเกลือ และเนื่องจากใช้งานง่ายไม่ยุ่งยาก แต่อายุในการใช้งานสั้นไปนิดเนื่องจากต้องเจาะผ้าทะลุเป็นรูเพื่อร้อยรางผ้าม่านใช้ไปนานๆห่วงตาไก่มักจะหลุดง่าย อุปกรณ์รางและราคาก็เหมือนๆกันกับม่านจีบรางโชว์ (ข้อ 2.1.1 )


2.3 ม่านลอน ม่านลอนใช้อุปกรณ์รางได้ทั้งรางMและรางโชว์ แต่จะไม่จับจีบที่หัวผ้ามองผิวเผินจะคล้ายๆม่านตาไก่แต่จะไม่เจาะรูที่ตัวผ้าม่าน ผ้าจะอยูใต้รางอายุการใช้งานก็ยาวนานเหมือนม่านจีบเช่นกัน


2.4 ม่านพับ ...... อีกหนึ่งรูปแบบที่เป็นที่นิยม ด้วยลักษณะที่เรียบง่าย ด้วยการพับเป็นชั้นๆ ใช้ร่วมรางสำหรับม่านพับโดยเฉพาะ เมื่อต้องการเปิดม่าน แค่ดึงโซ่วนหรือโซ่ไข่ปลา ผ้าม่านจะถูกดึงไปเก็บที่ด้านบน ไม่เสียพื้น เปิดทัศนะวิศัยทำให้การมองเห็นมากกว่า การใช้งาน รูดเปิด-ปิดขึ้นลงแนวดิ่ง เป็นผ้าม่านที่นิยมอีกแบบ ด้วยเป็นรูปแบบที่ทันสมัย สำหรับคนรุ่นใหม่ ม่านพับจะใช้รางเฉพาะ ตัวรางเป็นอลูมิเนียมทรงเหลี่ยม มีอุปกรณ์ควบคุมในการหยุดม่านในตำแหน่งที่ต้องการ เมื่อหยุดการดึง