ทานน้ำจิ้มเมืองตรังของอร่อย รสชาติหรอยจังฮู้คู่เมืองใหญ่
สูตรเฉพาะส้มเจื้องเลื่องลือไป ขจรไกลทั่วไทยในปฐพี
ตราแม่เกดแฟนเพจในเฟสบุ๊ค จัดส่งทุกที่ทางทางเคอรี่
คนใกล้ไกลได้ทานล้วนเปรมปรี ยุคสี่จีวันนี้โด่งดังไกล
#น้ำจิ้มติ่มซำเมืองตรังสูตรส้มเจื้อง
กล่าวถึงการทานติ่มซำซึ่งเป็นที่นิยมแก่คนทุกชาติทุกภาษา ติ่มซำเป็นอาหารที่หาทานได้ไม่ยาก ในปัจจุบันมีร้านเปิดขายติ่มซำเปิดให้บริการแก่ลูกค้าเกิดขึ้นมากมาย ซึ่งแต่ละร้านอาจมีรสชาติคล้ายคลึงกันหรืออาจจะแตกต่างกันออกไปบ้างขึ้นอยู่กับสูตรเด็ดของร้าน ปัจจัยสำคัญของรสชาติอันแสนอร่อยที่ชูรสชาติให้ชวนลิ้มลองที่จะขาดไปไม่ได้ก็คือ"น้ำจิ้ม"
#ทำไมต้องเป็นน้ำจิ้มติ่มซำเมืองตรัง
เมืองตรังเป็นจังหวัดที่ขึ้นชื่อในเรื่องอาหารการกิน โดยเฉพาะการทานติ่มซำซึ่งต้องทานคู่กับน้ำจิ้มส้มเจื้อง เป็นที่ถูกปากแก่คนที่ได้ทาน แขกบ้านแขกเมืองผู้มาเยือน
#สาเหตุที่ทำให้แม่เกดผลิตน้ำจิ้ม
ปัจจุบันน้ำจิ้มส้มเจื้องไม่มีขายตามท้องตลาดห้างร้าน ท่านที่ต้องการทานติ่มซำคู่กับน้ำจิ้มส้มเจื้อง จึงหาร้านทานค่อนข้างยาก(สำหรับท่านที่อยู่ภาคอื่นๆ)
วัตถุประสงค์ในการผลิตและจำหน่ายน้ำจิ้มติ่มซำ สูตรส้มเจื้อง (แม่เกด) ซึ่งใช้ส้มเจื้องหรือค้อมเจื้องเป็นวัตถุดิบหลักทำให้รสชาติของน้ำจิ้มเป็นเอกลักษณ์สูตรเฉพาะของชาวใต้โดยเฉพาะจังหวัดตรังเป็นจังหวัดที่ขึ้นชื่อมีชื่อเสียงในเรื่องหารการกิน อาหารหลายอย่างที่เป็นเอกลักษณ์ของชาวตรัง หมูย่างเมืองตรัง ขนมเค็กเมืองตรัง ติ่มซำยามเช้าซึ่งจะขาดไปเสียไม่ได้ก็คือต้องทานกับซอสหรือน้ำจิ้มสูตรเฉพาะ"น้ำจิ้มส้มเจื่อง"ให้รสชาติอร่อยติดใจ ไม่เหมือนใคร เป็นที่ถูกปากแก่คนที่ได้ทาน ปัจจุบันลูกหลานชาวใต้หลายๆท่านต้องทำงานอยู่ต่างภาคต่างจังหวัดนานๆครั้งถึงจะได้กลับบ้านเกิด อาหารการกินของแต่ละภาคก็แตกต่างกันออกไป ร้านติ่มซำอาจหาทานได้ไม่ยากหรือบางท่านอาจทำทานเองที่บ้านหรือง่ายที่สุดไปซื้อมาจากตลาดซึ่งก็มีขายทั่วไปหาซื้อได้ไม่ยากนัก แต่น้ำจิ้มล่ะอันนี้แหละที่สำคัญ มีขายก็แค่แบบทั่วไปซึ่งรสชาติไม่เหมือนกัน (แม่เกด)จึงได้มีความตั้งใจผลิตน้ำจิ้มตื่มซำ สูตรส้มเจื้องเมืองตรัง ออกจำหน่ายแก่ทุกๆท่าน ทำการขายผ่านระบบออนไลน์ โดยใช้ชื่อเพจเฟสบุ๊คว่า "น้ำจิ้มติ่มซำ สูตรส้มเจื้องเมืองตรัง" อีกทั้งวางร้านในร้านค้าออนไลน์shopee เพื่อให้ทุกๆท่านสามารถสั่งผ่านช่องทางดังกล่าวไปเก็บไว้ทานได้ ซึ่งก็ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี หลายๆท่านสั่งไปทานพอหมดก็สั่งมาใหม่สั่งเพิ่ม บางท่านเอาไปใช้เปิดร้านขายติ่มซำซึ่งก็ช่วยเพิ่มยอดขายเรียกลูกค้าได้เป็นอย่างดี จริงๆแล้วแม่เกดหวังเพียงอยากให้ทุกๆท่านโดยเฉพาะพี่น้องชาวใต้ที่อยู่ต่างเมืองห่างบ้านได้ทานรสชาติอาหารพื้นบ้าน บ้านเกิดของท่านอีกทั้งให้คนต่างภาคได้ลิ้มลองและเป็นที่รู้จักแก่คนทั่วไป
ติ่มซำ (อังกฤษ: Dimsum; อักษรจีน: 點心 สำเนียงกวางตุ้งแปลว่า ตามใจ, ตามสั่ง) เป็นอาหารว่างหรืออาหารเรียกน้ำย่อยของจีน นิยมรับประทานกับน้ำชา (หยำฉ่า 飲茶 ว่า ดื่มน้ำชา เสิร์ฟพร้อมติ่มซำ) ที่เป็นที่รู้จักกันทั่วโลก เป็นคำเรียกรวมอาหารหลายอย่าง มักเป็นอาหารจำพวกปรุงด้วยการนึ่ง เช่น ขนมจีบ, ซาลาเปา, ฮะเก๋า, เกี๊ยวซ่า เป็นต้น บรรจุในภาชนะขนาดเล็ก เช่น เข่งไม้ไผ่ หรือจานใบเล็ก ในร้านอาหารจีนบางร้านนึ่งติ่มซำไว้บนเตารอลูกค้าสั่ง บางร้านใส่รถเข็นหรือใส่ตะกร้าคล้องคอ ให้พนักงานนำไปเสนอลูกค้าในร้าน ขณะที่กำลังรออาหารอื่น นอกจากนั้นอาหารทอดบางอย่างก็อาจรวมอยู่ในเมนูติ่มชำด้วย
ในประเทศไทย จังหวัดที่ขึ้นชื่อทางด้านติ่มซำ คือ จังหวัดตรัง ตามร้านกาแฟยามเช้า จะขายกาแฟหรือชาพร้อมกับติ่มซำหลากหลายชนิด หรือรับประทานคู่กับหมูหัน
โดยมากแล้ว ติ่มซำจำพวกขนมจีบหรือฮะเก๋า จะรับประทานโดยจิ้มกับซอสเปรี้ยว หรือจิ๊กโฉ่ว แต่ที่จังหวัดตรัง จะเป็นซอสลักษณะสีแดงขุ่น มีรสชาติหวาน ทำมาจากมันเทศ ถั่วลิสงต้มสุก ปรุงรสด้วยน้ำตาล น้ำส้ม และเกลือ เรียกว่า "ค้อมเจือง" หรือ "น้ำส้มเจือง" ซึ่งเพี้ยนมาจากคำว่า "กำเจือง" สันนิษฐานว่าที่มาจากซอสมะเขือเทศของฝรั่ง
#ที่มาของบทความ :ติ่มซำ-วิกีพีเดีย
ภาษาจีนกลาง อ่านว่า เตี่ยนซิน หรือที่คนไทยเราคุ้น เรียกกันตามภาษาจีนกวางตุ้งว่า ติ่มซำ แปลว่าขนม การกินติ่มซำเป็น วัฒนธรรม เฉพาะของชาวจีนกวางตุ้ง ซึ่งกำเนิดอาศัยในมณฑลกวางตุ้งทางใต้ของจีน เดิมนั้นนิยมละเลียดติ่มซำตั้งแต่เช้าเดินเข้าไปในร้านหยิบหนังสือพิมพ์มาฉบับ สั่งน้ำชาโป๋วเหวล (ชาดำๆที่หมักมาอย่างดีเป็นชาโปรดประจำของคนกวางตุ้ง) สั่งซาลาเปาเข่งหนึ่ง ขนมจีบเข่งหนึ่ง บรรยากาศนั่งคุย คีบขนมจีบแกล้มน้ำชา บ้างก็นั่งจิบชาอ่านหนังสือพิมพ์
เป็นทั้งอาหารเช้าและอาหารติ่มซำ ถือกำเนิดที่เมืองกวางตุ้ง มีตำนานเล่ากันว่าในสมัยก่อนนั้นมีนักเดินทางตามเส้นทางสายไหมมักจะหาสถานที่เพื่อแวะพักผ่อนระหว่างการเดินทาง ดังนั้นบนเส้นทางสายไหมจึงเต็มไปด้วย " ร้านน้ำชา"หรือ "Yum Cha" เพื่อต้อนรับอาคันตุกะนักเดินทางแปลกหน้าเป็นประจำ ขณะเดียวกันชาวนาตามชนบทเมื่อทำงานเหนื่อยล้าก็จะแวะพักผ่อนและดื่มน้ำชายามบ่ายตามร้านน้ำชาเหล่านี้ ขณะที่ดื่มน้ำชาก็จะต้องมีอาหารกินเล่นเพื่อกินคู่กับน้ำชาบรรดาเจ้าของร้านจึงเริ่มคิดหาอาหารกินเล่นต่างๆ บรรดาเจ้าของร้านจึงเริ่มคิดหาอาหารกินเล่นต่างๆขึ้นมาจึงเป็นที่มาของติมซำในเวลาต่อมา ด้วยความที่เป็นอาหารกินง่ายและรสชาติแปลกใหม่ติ่มซำจึงกลายเป็นอาหารที่นิยมไปทั่วโลก
คำว่า "ติมซำ" มาจากภาษากวางตุ้ง แปลว่า Touch The Heart หมายถึง การทำอาหารคำเล็กคำน้อยที่นอกจากจะต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์แล้ว ยังต้องใช้ฝีมือประดิษฐ์ปะดอยให้สวยงาม น่าลิ้มลอง และอร่อย ดังนั้นหัวใจสำคัญในการทำติมซำให้อร่อยนั้นคือ จะต้องใส่ใจลงไปกับติมซำทุกคำนั่นเอง เมื่อติมซำเริ่มมาจากความคิดสร้างสรรค์ดังนั้นรูปแบบของอาหารชนิดนี้จึงมีการพัฒนารูปแบบออกไปมากมายไม่มีที่สิ้นสุดเมนูติมซำจึงมีความหลากหลายเป็นพัน ๆ ชื่อ แล้วแต่ว่าเชฟคนไหนจะคิดเมนูอะไรขึ้นมา ซึ่งจะต้องอยู่ในกระบวนการ นึ่ง อบ ทอด แช่เย็น เป็นต้น แต่การทำติมซำนั้นกลับไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ เชฟหยิบ ผู้เชี่ยวชาญด้านอาหารจีน ได้กล่าวถึงอาชีพว่าจะทำเฉพาะติมซำเท่านั้น ไม่ปะปนกับเชฟทำอาหารทั่วไป แต่กว่าจะมาเป็นเชฟทำติมซำได้นั้นจะต้องผ่านการฝึกฝนมาไม่ต่ำกว่า 3 ปี "คนที่จะทำติมซำให้เก่งจริง ๆ นั้นจะต้องฝึกทำติมซำมาไม่ต่ำกว่า 3 ปี กว่าจะตบแป้งฮะเก๋าให้บางได้นั้นอย่างน้อยก็ฝึกมืออยู่ถึง 2 ปีแล้ว เพราะฮะเก๋าถือเป็นติมซำที่ทำยากที่สุด คือเนื้อแป้งจะต้องเนียนและบางเท่ากันทั้งแผ่นจะจีบฮะเก๋านั้น 2วันก็หัดจีบเป็นแล้วแต่จะจีบให้สวยให้ได้ 13 จีบนั้นก็ต้องใช้เวลาเช่นกันอย่างซาลาเปาที่เป็นฝีมือเชฟติมซำนั้นทุกลูกจะต้องมีน้ำหนักเท่ากัไม่ว่าจะเป็นแป้งหรือไส้จะต้องชั่งน้ำหนักพอดีเป๊ะและปั้นให้ไส้อยู่ตรงกลางทั้งนี้อยู่ที่ประสบการณ์และความคิดสร้างสรรค์ของเชฟแต่ละคนที่จะไปพลิกแพลงกุ้งกับแป้งให้ออกมาหน้าตาเป็นอย่างไรก็สุดแล้วแต่" วัฒนธรรมการกินติ่มซำคนจีนจะกินติ่มซำจะคู่กับน้ำชามาตั้งแต่โบราณแล้ว ที่ประเทศฮ่องกงเมื่อหลายสิบปีก่อนนั้น ชาวฮ่องกงจะนิยมกินติมซำ ในช่วงสาย ๆ โดยบรรดาเศรษฐีมีเงินทั้งหลายมักจะนิยมหิ้วกรงนกเขามาอวดกันที่ร้านกาแฟ ขณะที่รอเพื่อนๆอยู่นั้นก็จะนำ กรงนกเขามาแขวนอยู่หน้าร้านแล้วก็สั่งติมซำมานั่งกินรองท้องก่อนสัก 2 - 3 เข่ง เมื่อพรรคพวกมากันพร้อมแล้วถึงจะเริ่มสั่งอาหารจานหลักอย่างอื่นๆกินเพื่อให้อิ่มท้องกันต่อไปแต่ปัจจุบันจะตามภัตตาคารและร้านอาหารทั่วไปจะเสิร์ฟเมนูติมซำในมื้อกลางวันและโดยมากไม่นิยมกินติมซำในมื้อเย็น แม้คนกวางตุ้งกินติ่มซำตอนเช้า แต่ถ้าช่วงบ่ายๆ มีแขกมาก็จะเอาติ่มซำเสิร์ฟเป็นอาหารว่างรับรองแขกไม่ได้กินเพื่มอิ่ม
อีกด้านหนึ่งติ่มซำจึงเป็นวัฒนธรรมของชาวกวางตุ้งชนชั้นสูงที่มักจัดเตรียมติ่มซำไว้รับรองแขกผู้มีเกียรติ ปัจจุบันติ่มซำยังเป็นเครื่องมือทางวัฒนธรรมจีนอย่างหนึ่งในการรับรองต้อนรับไม่ว่าจะเป็นการเจรจาธุรกิจ เลี้ยงลูกค้า และการจัดคู่นัดดูตัวระหว่างฝ่ายชายกับฝ่ายหญิง ข้อแรกการกินติ่มซำต้องใช้เวลา ค่อยๆ เลือก ค่อยๆ สั่ง ค่อยๆ คีบ..ละเลียดเคล้าการจิบชาทำให้การสนทนาไม่รีบร้อนมีเวลาพูดคุยถามไถดูเชิงเรียนรู้ กันและกัน ขณะเดียวกันหลังจากละเลียดติ่มซำรองท้องแล้วค่อยสั่งอาหารหลัก อย่างก๋วยเตี๋ยวราดหน้า ปลานึ่งซีอิ๋ว หรือหูปลาฉลามคล้ายกับเป็นการโชว์ว่าจะเลี้ยงติ่มซำและตบท้ายด้วยก๋วยเตี๋ยว หรือเลี้ยงติ่มซำแล้วสั่งหูฉลามต่อ ข้อหลังนี้ มีความหมายถึงการให้เกียรติ ความสำคัญซึ่งกันและกัน
แหล่งที่มาของข้อมูล
จากแหล่งความรู้ของ...คนชอบกินติ่มซำ
pirun.ku.ac.th