จักรวาลตัวละครสมมุติ (Original Character Verse) ที่พูดถึงความพยาบาท ความโลภและเวรกรรมซึ่งสอดแทรกคติชนไทยไว้ด้วย นอกจากนี้ยังมีเรื่องความสมดุลของธาตุทั้งสี่ ไสยศาสตร์ และบางส่วนมีการอิงพุทธศาสนานิกายเถรวาทด้วย โดยใช้ไอเดียชื่อจาก "มัตย-" แปลว่าเดรัจฉาน ผู้ต้องเกิดต้องตาย (อาจคุ้นหูมากขึ้นหากใช้คำว่า มรรตัย: Mortal) และ "ปกรณัม" แปลว่าเรื่องเล่า รวมกันแล้วจึงหมายถึงเรื่องเล่าจากเดรัจฉาน
***ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการค้นคว้าและวางโครงเรื่อง มีแผนที่จะเริ่มดำเนินการ web-comic ในปี 2028
เป็นภาพที่เกิดขึ้นเพื่อจำลองตอนจบแบบแรก กล่าวคือถึงแม้จะคืนหัวใจให้เทพแล้ว แต่เวลานั้นสายเกินไป ทำให้การตายของ "พะงา" ตัวละครเอกนั้นเสียเปล่า
ในเมื่อจักรวาลมาด้วยธีมสิ้นโลก จึงได้ค้นคว้าเพิ่มเติมเรื่องการสิ้นโลกในทางพระพุทธศาสนาด้วย โดยในพุทธวจนกล่าวไว้ว่าจะเริ่มที่การทำลายด้วยธาตุไฟ คืออาทิตย์ 7 ดวงเผาโลกให้วอด ก่อนที่จะถูกทำลายด้วยน้ำ ลม และดิน จุดนี้เชื่อมกับ world building โดยรวมของจักรวาลนี้ว่ามีความแห้งแล้ง ธรรมชาติแปรปรวน ดูเป็นดินเป็นทรายไปหมด เนื่องจากส่วนตัวแล้วมองว่ามันคือภาวะโลกร้อนที่โลกเรากำลังเผชิญอยู่ ณ ปัจจุบัน
ในส่วนของตัวละคร "พะงา" ตัวละครหลักที่เป็นภาชนะหัวใจของเทพ เมื่อคืนแก่เจ้าของแล้วจึงไม่มีหัวใจของตัวเอง เป็นเหตุให้สิ้นชีวิตในที่สุด สุดท้ายแล้วความฝันลมๆ แล้งๆ ของพะงาที่ต้องการใช้ชีวิตอย่างเรียบง่ายก็ไม่มีวันเป็นจริง ซึ่งคล้ายคลึงกับเทพที่ไม่สมควรถูกถอดดวงใจโดยมนุษย์ตั้งแต่ต้น จึงได้ชื่อภาพเป็น "อกาลมรณะ" ที่หมายถึงการมรณะที่ยังไม่ถึงเวลาอันสมควร ผนวกเข้ากับการมัดตราสังคอ-มือ-เท้า ซึ่งต้องการให้สามารถมองได้สองแบบ คือ กำลังมัดให้เพื่อให้ดำเนินไปอย่างที่ควรจะเป็น (ไล่จากคอ มือ เท้า) หรือกำลังปลดมัดให้เพื่อคืนชีพใหม่ (ไล่ปลดจากเท้าขึ้นไปคอ)
เมื่อมีฝ่ายที่ต้องคืนหัวใจเทพ ก็ต้องมีฝ่ายที่กีดกันไม่ให้ทำสำเร็จ และในฝ่ายที่กีดกันนั้นก็เกิดมีกบฏขึ้นมา
ฐานทัพลับที่มีตัวละครเป็นเจ้าเมือง-เพชฌฆาต-และหมอผีหญิงผู้กลายเป็นกบฏ เนื่องจากไม่เห็นด้วยกับแผนการชิงหัวใจเทพองค์ที่สองของเจ้าเมือง โดยที่พยายามพาเพชฌฆาตให้ออกมาจากระบบกดขี่สุดโต่งด้วย
"การพยายามเอาชนะจักรวาลคือการขัดขาตนเอง" ศศิรังสี — หมอไสยเวทที่รู้เห็นอนาคตแต่เปิดปากพูดกับใครไม่ได้ เพราะหากถูกเผยแพร่แล้วจะเป็นการขัดกรรมของเจ้าเมือง จะทำให้เส้นทางอนาคตถูกเปลี่ยน และอาจเลวร้ายกว่าที่คิด จึงต้องเริ่มลงมือทุกอย่างด้วยตนเอง ทำให้เกิดชื่อ "กบฏเดือนฉาย" ซึ่งมีชื่อจากการแปลงความหมายชื่อเป็นคำบ้านๆ (ศศิ+รังสี)
สินจัตวาคือหนึ่งในหัวเมืองหลักทั้งสี่ ชื่อหมายถึงทรัพย์สินของเทพจัตวา — เทพแห่งลม
เป็นเมืองแห่งธาตุลม จึงทำให้บรรยากาศโดยรวมของสถานที่นี้เป็นไปด้วยความเบาสบาย อากาศปลอดโปร่ง ตั้งใจให้มีความเป็นไทยบ้านๆ หน้าตาเหมือนเดินข้างตึกแถวที่เป็นชุมชนลูกหลานคนจีน แต่ในขณะเดียวกันก็เป็นเมืองที่มีผีดิบเยอะที่สุด จึงทำให้เป็นแหล่งค้าขายอาวุธสำหรับต่อกรผีดิบด้วย