ข้อมูลผู้ประเมิน

ข้าพเจ้าขอแสดงเจตจำนงในการจัดทำข้อตกลงในการพัฒนางานตำแห่งครูผู้ช่วย ซึ่งเป็นตำแหน่งและวิทยฐานะที่ดำรงอยู่ในปัจจุบันกับผู้อำนวยการสถานศึกษา ไว้ดังต่อไปนี้

  1.1 ชั่วโมงสอนตามตารางสอน รวมจำนวน  20.80  ชั่วโมง/สัปดาห์ดังนี้

       - กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย  วิชาภาษาไทยพื้นฐาน3 (ท22101)  

  จำนวน  5  ชั่วโมง/สัปดาห์

- กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย  วิชาภาษาไทยพื้นฐาน1 (ท31101)  

  จำนวน  3.33  ชั่วโมง/สัปดาห์

- กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย  วิชาภาษาไทยพื้นฐาน5 (ท33101)  

  จำนวน  3.33  ชั่วโมง/สัปดาห์

      - กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย  วิชาเสริมทักษะการเขียนร้อยแก้ว (ท22201) 

  จำนวน  1.66  ชั่วโมง/สัปดาห์

- กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย  วิชาการเขียน 1  (ท31201) 

  จำนวน  1.66  ชั่วโมง/สัปดาห์

- กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย  วิชาวรรณกรรมท้องถิ่น  (ท33201) 

   จำนวน  1.66  ชั่วโมง/สัปดาห์

- กิจกรรมพัฒนาผู้เรียน วิชากิจกรรมชุมนุม        จำนวน   50   นาที/สัปดาห์

- กิจกรรมพัฒนาผู้เรียน วิชากิจกรรมแนะแนว     จำนวน   50   นาที/สัปดาห์

      - กิจกรรมพัฒนาผู้เรียน วิชากิจกรรมกีฬา        จำนวน   50   นาที/สัปดาห์

       - กิจกรรมพัฒนาผู้เรียน วิชาลูกเสือ-เนตรนารี     จำนวน   50   นาที/สัปดาห์

- กิจกรรมส่งเสริมคุณธรรมจริยธรรม              จำนวน   50  นาที/สัปดาห์

   1.2 งานส่งเสริมและสนับสนุนการจัดการเรียนรู้ จำนวน  4.10  ชั่วโมง/สัปดาห์

- การมีส่วนร่วมในชุมชนทางวิชาชีพ (PLC)       จำนวน  4.10  ชั่วโมง/สัปดาห์

   1.3 งานพัฒนาคุณภาพการจัดการศึกษาของสถานศึกษาจำนวน 5.50 ชั่วโมง/สัปดาห์

       - หัวหน้ากลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย       จำนวน  1.40  ชั่วโมง/สัปดาห์ 

- งานครูที่ปรึกษานักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5/1    จำนวน  4.10  ชั่วโมง/สัปดาห์ 

   1.4 งานตอบสนองนโยบายและจุดเน้น จำนวน      1 ชั่วโมง/สัปดาห์

- โครงการพัฒนาทักษะภาษาไทย       จำนวน  50  นาที/สัปดาห์ 

ส่วนที่ 2 ข้อตกลงในการพัฒนางานที่เป็นประเด็นท้าทายในการพัฒนาผลลัพธ์การเรียนรู้ของผู้เรียน
          ประเด็นที่ท้าทายในการพัฒนาผลลัพธ์การเรียนรู้ของผู้เรียนของผู้จัดทำข้อตกลง ซึ่งปัจจุบัน

ดำรงตำแหน่งครู วิทยฐานะครูชำนาญการ ต้องแสดงให้เห็นถึงระดับการปฏิบัติที่คาดหวังของวิทยฐานะครูชำนาญการ คือ การแก้ไขปัญหา การจัดการเรียนรู้และการพัฒนาคุณภาพการเรียนรู้ของผู้เรียน ให้เกิดการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นหรือมีการพัฒนามากขึ้น (ทั้งนี้ ประเด็นท้าทายอาจจะแสดงให้เห็นถึงระดับการปฏิบัติที่คาดหวังในวิทยฐานะที่สูงกว่าได้)

   ประเด็นท้าทาย เรื่อง การแต่งคำประพันธ์ประเภทกาพย์ยานี 11 ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 โดยใช้แบบฝึกทักษะการแต่งคำประพันธ์ประเภทกาพย์ยานี11

   1. สภาพปัญหาการจัดการเรียนรู้และคุณภาพการเรียนรู้ของผู้เรียน

ภาษาเป็นสิ่งที่มีความสำคัญต่อการดำเนินชีวิตของมนุษย์   เพราะมนุษย์ในโลกล้วนใช้ภาษาในการติดต่อสื่อสารกัน  ภาษาคือเครื่องมือที่มนุษย์ใช้สื่อสารทำความเข้าใจซึ่งกันและกัน  การจัดการเรียนการสอนภาษาไทยจำเป็นต้องมุ่งเน้นให้ผู้เรียนมีทักษะทั้ง 4 ด้าน  คือ การฟัง  การพูด  การอ่าน และการเขียนอย่างสัมพันธ์กัน เรียนรู้เรื่องต่าง ๆ อย่างมีประสิทธิภาพ สามารถอ่านออกเสียง  และอ่านในใจเรื่องราวต่าง ๆได้อย่างมีประสิทธิภาพ การเขียนมีความสำคัญการอ่าน คือ การใช้ภาษาเพื่อสื่อสารถึงความรู้ ความคิด ความรู้สึก และอารมณ์ต่าง ๆ จากผู้เขียนไปยังผู้อ่าน การฝึกแต่งคำประพันธ์ ต้องศึกษาให้เข้าใจรูปแบบของคำประพันธ์ประเภทต่าง ๆ ช่วยให้อ่านออกเสียงได้ถูกต้อง และเข้าใจความหมายได้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น     กวีไทยนิยมแต่งวรรณคดีประเภทกาพย์ของไทย เพื่อให้นักเรียนใช้เป็นความรู้พื้นฐานในการแต่งกาพย์  แม้ว่ากาพย์จะเป็นคำประพันธ์ที่แต่งยากแต่หากนักเรียนได้ฝึกแต่งทำให้การแต่งคำประพันธ์ประเภทกาพย์นั้นไม่ยากอย่างที่คิดทั้งยังเกิดความสนุกสนานในการเลือกสรร ถ้อยคำมาใช้ให้ตรงตำแหน่งการสัมผัส การแต่งคำประพันธ์  กาพย์ คือคำประพันธ์ชนิดหนึ่งซึ่งมีกำหนดคณะ พยางค์ และสัมผัส มีลักษณะคล้ายกับฉันท์ แต่ไม่นิยม ครุ ลหุ เหมือนกับฉันท์

ดังนั้น เพื่อเป็นการให้นักเรียนเรียนแต่งคำประเภทกาพย์ได้เข้าใจและง่ายขึ้นสามารถแก้ปัญหาการเข้าใจในบทประพันธ์ดังกล่าว ครูผู้สอนจึงสนใจที่จะนำเอาวิธีการสอนโดยใช้แบบฝึกการแต่งคำประพันธ์              กาพย์ยานี 11 ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4

   2. วิธีการดำเนินการให้บรรลุผล

2.1 ศึกษามาตรฐานและตัวชี้วัดการเรียนรู้ที่สอดคล้องกับมาตรฐานการเรียนรู้แกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 ปรับปรุง 2560

2.2 ออกแบบการเรียนรู้และนวัตกรรมแบบฝึกหัดเรื่องการแต่งคำประพันธ์ประเภทกาพย์ยานี 11     

2.3 ประเมินผลสัมฤทธิ์ก่อนเรียน เรื่องการแต่งคำประพันธ์ประเภทกาพย์ยานี 11

2.4 ดำเนินกิจกรรมการจัดการเรียนรู้ตามแผนที่วางไว้

2.5 ประเมินผลสัมฤทธิ์หลังเรียนเรียน เรื่องการการแต่งคำประพันธ์ประเภทกาพย์กาพย์ยานี 11  และประเมินเจตคติต่อวิชาภาษาภาษาไทยของผู้เรียนและวิเคราะห์สรุปผล

              3. ผลลัพธ์การพัฒนาที่คาดหวัง

             3.1 เชิงปริมาณ

3.1.1 ผู้เรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ร้อยละ 80 ที่เรียนวิชาภาษาภาษาไทยมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนเรื่องการแต่งคำประพันธ์ประเภทกาพย์ยานี 11  ผ่านเกณฑ์

3.1.2 ผู้เรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ร้อยละ 80 ที่เรียนวิชาภาษาไทยและมีเจตคติต่อวิชาภาษาไทยอยู่ในระดับดีขึ้นไป

3.2 เชิงคุณภาพ

3.2.1 ได้นวัตกรรมการแต่งคำประพันธ์ประเภทกาพย์ยานี 11 ที่ใช้เป็นสื่อการเรียนการสอนเพื่อพัฒนาทักษะการแต่งคำประพันธ์ประเภทกาพย์ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4

3.2.2 ผู้เรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ที่เรียนวิชาภาษาไทยมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนที่สูงขึ้นและมีเจตคติที่ดีต่อวิชาที่เรียน