ประเด็นท้าทายในการพัฒนาผลลัพธ์การเรียนรู้ของผู้เรียน
ประเด็นท้าทายในการพัฒนาผลลัพธ์การเรียนรู้ของผู้เรียน
ประเด็นท้าทาย เรื่อง การจัดการเรียนการสอน โดยใช้วิธีการสอนด้วยสื่อทฤษฎีสี และแบบฝึกทักษะการไล่น้ำหนักสี เพื่อต่อยอดทักษะด้านการระบายสีในงานทัศนศิลป์
ชั้น ประถมศึกษาปีที่ 2 ห้อง 1 รายวิชา ศิลปะ กลุ่มสาระการเรียนรู้ ศิลปะ ปีงบประมาณ 2568
ผลลัพธ์การพัฒนาที่เกิดขึ้นกับผู้เรียน
นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 ห้อง 1 มีการพัฒนาทักษะด้านการระบายสี รายวิชาศิลปะ (ทัศนศิลป์) โดยใช้แบบฝึกทักษะการวาดภาพระบายสี ต้องผ่านเกณฑ์ ร้อยละ 80 ขึ้นไป ของนักเรียนระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 ห้อง 1 ทั้งหมด
นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 ห้อง 1 จำนวน 48 คน มีความเข้าใจหลักการวาดภาพอย่างถูกต้องและสามารถนำความรู้ไปเชื่อมโยงกับชีวิตประจำวันได้
ผลลัพธ์จากประเด็นท้าทาย
ผลลัพธ์การเรียนรู้ของผู้เรียนที่คาดหวัง
2.1 เชิงปริมาณ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 ห้อง 1 มีพัฒนาการด้านทักษะการวาดภาพระบายสี เรื่อง รูปแบบการไล่น้ำหนักสี และมีความคิดสร้างสรรค์ อยู่ในระดับร้อยละ 80 ขึ้นไป และส่งผลให้มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนสูงกลุ่มสาระการเรียนรู้ ศิลปะตามค่าเป้าหมายที่โรงเรียนกำหนด
2.2 เชิงคุณภาพ นักเรียนมีความเข้าใจทักษะการวาดภาพระบายสี เรื่อง รูปแบบการไล่น้ำหนักสี และมีความคิดสร้างสรรค์ เน้นการสร้างองค์ความรู้ของนักเรียนได้อย่างถูกต้องและสามารถนำความรู้ไปเชื่อมโยงกับชีวิตประจำวันได้
ผลสัมฤทธิ์การเรียนรู้ ของนักเรียนหลังการจัดการเรียนรู้จัดการเรียนการสอนโดยใช้แบบฝึกทักษะการวาดภาพระบายสี เรื่อง รูปแบบการไล่น้ำหนักสี ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 ห้อง 1 มีคุณภาพและประสิทธิภาพอย่างดียิ่ง ตามวัตถุประสงค์ได้ดังนี้ เพื่อศึกษาประสิทธิภาพของแบบฝึกทักษะและเพื่อเพิ่มผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียน โดยสรุปผลได้จากกการศึกษาวิจัยเรื่อง “ศึกษาและพัฒนาความรู้สู่ทักษะทางด้านศิลปะ ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2/1 เพิ่มผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน โดยใช้แบบฝึกทักษะ ชุดการวาดภาพระบายสี” ในการวิจัยครั้งนี้ สรุปผลการวิจัยโดยแบ่งตามวัตถุประสงค์ได้ดังนี้
แบบฝึกทักษะชุดการวาดภาพระบายสี สามารถพัฒนาความรู้สู่ทักษะทางด้านศิลปะและเพิ่มผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 ห้อง 1 ได้อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ ครูผู้สอนสามารถพัฒนาแบบฝึกทักษะนี้ไปใช้กับรายวิชาศิลปะในระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 ได้ทุกห้องในการจัดการเรียนการสอนได้จริง เพื่อส่งเสริมพัฒนาการด้านศิลปะของนักเรียนให้ดียิ่งขึ้น นอกจากนี้ การใช้แบบฝึกทักษะยังเป็นแนวทางหนึ่งในการปรับปรุงและพัฒนาการเรียนการสอนวิชาศิลปะให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น โดยครูผู้สอนอาจพิจารณาปรับปรุงหรือเพิ่มเติมเนื้อหาในแบบฝึกทักษะให้สอดคล้องกับบริบทและความสนใจของนักเรียนในแต่ละห้องเรียน
ผลการประเมินความคิดสร้างสรรค์ ของนักเรียนยังชี้ให้เห็นว่า การใช้แบบฝึกทักษะส่งผลให้นักเรียนมีความคิดสร้างสรรค์อยู่ในระดับมากถึงมากที่สุด ในหลายด้าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านบรรยากาศการเรียนรู้ กิจกรรมการเรียนรู้ และประโยชน์ที่นักเรียนได้รับ ครูผู้สอนสามารถนำผลการวิเคราะห์นี้ไปใช้เป็นแนวทางในการออกแบบกิจกรรมการเรียนรู้ที่เน้นการส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์ของนักเรียนให้มากยิ่งขึ้น เช่น การเปิดโอกาสให้นักเรียนได้แสดงออกอย่างอิสระ การกระตุ้นให้เกิดการเชื่อมโยงไอเดียที่แปลกใหม่ และการส่งเสริมให้นำความคิดสร้างสรรค์ไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน
โดยสรุป แบบฝึกทักษะการวาดภาพระบายสี เรื่อง รูปแบบการไล่น้ำหนักสี นี้มีประโยชน์อย่างยิ่งต่อครูผู้สอนวิชาศิลปะในระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 ห้อง 1 ในการนำผลการวิจัยและแบบฝึกทักษะไปใช้เพื่อพัฒนาความรู้ ทักษะ และความคิดสร้างสรรค์ของนักเรียน อันจะนำไปสู่การยกระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาศิลปะให้สูงขึ้นต่อไป
แสดงผลการวิเคราะห์การเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนเรียนและหลังเรียน ของกลุ่มตัวอย่าง นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 ห้อง 1 จำนวน 48 คน โดยแบบฝึกทักษะชุดการวาดภาพระบายสี วิชาศิลปะ โรงเรียนเมืองเลย
แสดงค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และผลการเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน กิจกรรมพัฒนาผู้เรียน ชุมนุมศิลปะ ก่อนและหลังการใช้แบบฝึกทักษะชุดการวาดภาพระบายสี ของนักเรียนจำนวน 48 คน
จากตารางผลการเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน พบว่า คะแนนเฉลี่ยผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน รายวิชาศิลปะของนักเรียนหลังการใช้แบบฝึกทักษะชุดการวาดภาพระบายสี (̅x = 9.00, S.D. = 0.82) สูงกว่าคะแนนเฉลี่ยก่อนการ ใช้แบบฝึกทักษะ (̅x = 7.40, S.D. = 1.15) อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 (t = -6.52, p = .000)
ซึ่งบ่งชี้ว่า การใช้แบบฝึกทักษะการวาดภาพระบายสี เรื่อง รูปแบบการไล่น้ำหนักสี ส่งผลให้ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน รายวิชาศิลปะ ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 ห้อง 1 จากกลุ่มตัวอย่างสูงขึ้นอย่างชัดเจน
แสดงค่าเฉลี่ยและส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานของความคิดสร้างสรรค์ ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 ห้อง 1 จำนวน 48 คน ที่เรียนรายวิชาศิลปะหลังจากการใช้แบบฝึกทักษะชุดการวาดภาพระบายสี โดยจำแนกตามด้าน
จากตารางแสดงค่าเฉลี่ยและส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานของความคิดสร้างสรรค์ พบว่า โดยภาพรวมความคิดสร้างสรรค์ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 ห้อง 1 ที่เรียนรายวิชาศิลปะ โดยใช้แบบฝึกทักษะ เรื่อง รูปแบบการไล่น้ำหนักสี มีค่าเฉลี่ยอยู่ในระดับมาก (̅x = 4.32, S.D. = 0.58) เมื่อพิจารณาในแต่ละด้าน พบว่า ด้านกิจกรรมการเรียนรู้ในเนื้อหาความคิดสร้างสรรค์มีค่าเฉลี่ยสูงสุด (̅x = 4.48, S.D. = 0.59) ซึ่งอยู่ในระดับมากที่สุด รองลงมาคือ ด้านบรรยากาศการเรียนที่มีต่อนักเรียน (̅x = 4.32, S.D. = 0.55) และด้านประโยชน์ที่นักเรียนจะได้รับมีค่าเฉลี่ยต่ำสุด (̅x = 4.16, S.D. = 0.61) แต่อย่างไรก็ตาม ค่าเฉลี่ยของความคิดสร้างสรรค์ในทุกด้านยังคงอยู่ในระดับมาก
ผลงานนักเรียนหลังการจัดการเรียนรู้
โดยใช้แบบฝึกทักษะการวาดภาพระบายสี เรื่อง รูปแบบการไล่น้ำหนักสี
ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2