ม้าจกคอก
ม้าจกคอก
การเล่นม้าจกคอก เป็นการละเล่นเพื่อให้ความสนุกสนาน เพลิดเพลิน ทำให้เกิดความสามัคคีภายในกลุ่มและความมีมนุษยสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน
เต้นกำรำเคียว
เต้นกำรำเคียว เป็นการละเล่นพื้นบ้านซึ่งเกิดขึ้นเมื่อครั้งพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้า เจ้าอยู่หัวทรงประกาศเลิกทาส กำเนิดครั้งแรกที่บ้านสระทะเล ตำบลสระทะเล อำเภอพยุหคีรี จังหวัดนครสวรรค์ โดยหลวงศรีบุรีขวัญ เป็นผู้ประดิษฐ์เนื้อร้อง
การละเล่นแมงตับเต่าเป็นการละเล่นพื้นเมืองชนิดหนึ่ง ซึ่งเล่นกันอยู่ในแถบพื้นที่ตอนเหนือของจังหวัดเพชรบูรณ์ คือ อำเภอหล่มสัก และอำเภอหล่มเก่า การละเล่นชนิดนี้เคยเป็นที่นิยมกันมากเมื่อสมัย ๕๐ - ๖๐ปีมาแล้ว คล้ายการแสดงลิเก ปัจจุบันได้พัฒนามาเป็นการแสดงเพื่อความบันเทิง
การละเล่นแมงตับเต่า
การละเล่นแมงตับเต่าจะมีผู้เล่นจำนวน ๕ - ๑๐ คน ในอดีตผู้เล่นจะใช้ชายล้วน ปัจจุบันมีหญิงเข้ามา เป็นผู้เล่นด้วย การเล่นแมงตับเต่าจะเป็นการแสดงเพื่อความบันเทิง ผู้เล่นแต่งกายคล้ายลิเก บทร้องและบท เจรจาใช้ภาษาถิ่นกลุ่มภาษาหล่มซึ่งมีสำเนียงลาว ดังนั้นการ ละเล่นแมงตับเต่าบางครั้งจึงเรียกว่า ลิเกลาว เครื่องดนตรีใช้ประกอบ
ไก่ชนมะม่วง
การเล่นไก่ชนมะม่วงจะแบ่งผู้เล่นออกเป็น ๒ ฝ่าย กี่คนก็ได้แต่แข่งขันกันทีละคู่ โดยมีวิธีการเล่นดังนี้
๑. ใช้วิธีเสี่ยงว่าใครจะเป็นผู้เริ่มต้นสับไก่มะม่วงก่อน หรือจะใช้วิธีตกลงกันโดยกำหนดให้คนที่มีมะม่วงขนาดเล็กรับก่อน
๒. เจ้าของไก่มะม่วงจะต้องดึงเชือกให้ตึง ห้ามหย่อน ผลัดกันสับคนละครั้ง สับกันไปจนกระทั่งมะม่วงแตก ก็จะใช้ไม้ไผ่เย็บจนเย็บไม่ได้ถือว่าแพ้ หรือเชือกขาดก็ถือว่าแพ้เช่นกัน
เล่นตากระโดด
๑. ขีดช่องสำหรับกระโดดเป็น ๖ ช่อง ขนาดโตพอที่จะกระโดดเข้าไปยืนได้ แล้วแบ่งครึ่งช่องที่ ๓ ที่ ๕ สำหรับที่พัก และกลับหลังหัน จึงมีช่องทั้งหมด ๘ ช่อง
แล้วเขียนหัวกระโหลกเล็ก ๆ ในช่องบนสุด
๒. ใช้อะไรเป็นเบี้ยก็ได้แต่ควรเป็นของที่มีน้ำหนักถ้า
โยนเข้าหัวกระโหลกที่เล็กๆนั้นก็จะได้เล่นก่อน
๓. โยนเบี้ยลงช่องที่ ๑ แล้วกระโดดขาเดียวข้ามช่องที่ ๑ เข้าไปยังช่องที่ ๒ แล้วกระโดด ๒ ขา เข้าไปในช่องที่ ๓ และ ๔ ให้เท้าข้างหนึ่งอยู่ช่องที่ ๓ อีกข้างหนึ่งอยู่ที่ช่องที่
๔ จากนั้นกระโดดขาเดียว ต่อไปยังช่องที่ ๕ และ ๒ ขา ที่ช่องที่ ๖ และ ๗ตามลำดับ กระโดดตัวกลับ หันหน้ากลับมาทางเดิม กระโดดขาเดียวมายังช่องที่ ๕ สองขาที่ช่องที่ ๓ และ ๔ ขาเดียวที่ช่องที่ ๒ และช่องที่ ๑ พร้อมกับก้มลงเก็บเบี้ยที่ช่องที่ ๑ จากนั้นก็กระโดดออกมา
อีหึ่ม
การเล่นไทยที่นำมาเล่าสู่กันฟังในคราวนี้เรียกว่า “ไม้หึ่ม” ซึ่งได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมของไทยตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๕๕ ในอดีตการเล่นของเด็กไทยล้วนประยุกต์จากสภาพแวดล้อมและวิถีชีวิต สิ่งที่นำมาใช้เล่นสามารถหาได้ง่ายรอบตัว เช่น ไม้ ก้อนหิน เป็นต้น การเล่นไม้หึ่มมีเล่นกันกว้างขวางแทบทุกจังหวัดในภาคเหนือ ภาคกลาง และภาคใต้ ทำให้มีชื่อเรียกแตกต่างกันออกไป บางที่เรียกไม้หึ่ง บ้างเรียกไม้หึงหรืออีหึง บางท้องที่เรียกแปลกออกไปว่าไม้จ่า และยังมีที่เรียกว่าไม้แคะด้วย แต่เดิมในเทศกาลสงกรานต์นิยมให้มีการเล่นไม้หึ่ม และในฤดูหนาวนิยมเล่นกันกลางแจ้งหลังการเกี่ยวข้าวแล้วเสร็จ
เบี้ยขี้โก่ง
ยิงฉุบกันว่าใครจะเป็นผู้แพ้ต้องปิดตาเป็นโพงพางตาบอด ผู้เล่นคนอื่น ๆ จับมือเป็นวงกลมร้องเพลง โพงพางเอ๋ย โพงพางตาบอด รอดเข้ารอดออก โพงพางตาบอดปล่อยลูกช้างเข้าในวง ขณะเดินวนรอบ ๆ โพงพางตาบอดร้องเพลง ๑-๓ จบ แล้วนั่งลงโพงพางจะเดินมาคลำคนอื่น ๆ ซึ่งต้องพยายามหนี และจะต้องเงียบสนิท
หากโพงพางจำเสียงหัวเราะ รูปลักษณะได้จะเรียกชื่อ
ถ้าเรียกคนถูกต้องออกมาปิดตาเป็นโพงพางต่อไป
ถ้าไม่ถูกก็ต้องเป็นโพงพางอีกไปเรื่อย ๆ
เล่นโพงพาง
ชื่อของกับดักปลาชนิดหนึ่ง ผู้ที่เล่นเป็น “ปลา” จะถูกผูกตาแล้วหมุน 3 รอบ
ผู้เล่นอีกคนอื่นล้อมวงร้องว่า “โพงพางเอ๋ย สำเภาเข้าลอด
ปูปลาตาบอด เข้าลอดโพงพาง” จบแล้วถามว่า “ปลาเป็นหรือปลาตาย?”
ถ้าปลาตอบว่า “ปลาตาย” แปลว่าห้ามขยับ แต่ถ้าตอบว่า “ปลาเป็น”
ก็ขยับได้ หากผู้เล่นเป็นปลา แตะถูกตัวคนใดคนหนึ่งแล้วทายชื่อถูก
ผู้นั้นจะต้องกลายเป็นปลาแทน ถ้าไม่ถูกก็ให้ทายใหม่
ชนกว่าง
เป็นการละเล่นพื้นบ้านของชาวล้านนา ที่นิยมเล่นกันเป็นเวลานานแล้ว
จนกลายเป็นประเพณีแต่จะเริ่มเล่นกันมาตั้งแต่เมื่อใดนั้นไม่มีหลักฐานปรากฏ
ปัจจุบันยังมีการเล่นกันอยู่ แต่อาจจะไม่มากเท่ากับในอดีต
ปั่นหนังว้อง
การปั่นยางวงที่ใช้รัดของ เป็นการเล่นของเด็กผู้หญิงและเด็กผู้ชาย
เล่นโดยการจับคู่เล่นบนพื้นราบที่ไม่สกปรก
การเล่นไม้หึ่ง (อีหึ่ง)
การเล่นไม้หึ่ง (หรือที่รู้จักในชื่ออีหึ่ง) เป็นการละเล่นพื้นบ้านของไทย
โดยมีผู้เล่นสองฝ่าย แบ่งเป็นฝ่ายตีและฝ่ายรับ อุปกรณ์ที่ใช้ในการเล่นมีไม้สองชิ้น
คือ ไม้ยาว (ไม้แม่) และไม้สั้น (ไม้ลูก) ฝ่ายตีจะใช้ไม้แม่งัด
ไม้ลูกให้ลอยออกไป แล้วฝ่ายรับจะพยายามรับไม้ลูกนั้น
หากฝ่ายรับรับไม้ลูกได้ ฝ่ายรับก็จะกลายเป็นฝ่ายตีบ้าง
แต่ถ้าไม่สามารถรับได้จะต้องวิ่งไปยังหลุมที่ขุดไว้พร้อมกับทำเสียง
"หึ่ง" การเล่นนี้ต้องใช้ทักษะ ความแม่นยำ และความคล่องแคล่ว
ลูกโยน (ลูกช่วง)
เป็นการละเล่นพื้นบ้านของไทย นิยมเล่นกันในภาคเหนือ และภาคอื่นๆ โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลสงกรานต์ เป็นการละเล่นที่ใช้ผ้าขาวม้าหรือผ้าเช็ดหน้าผืนใหญ่มาม้วนเป็นลูกกลมๆ แล้วนำมาโยนใส่กันระหว่างผู้เล่นสองฝ่าย จุดมุ่งหมายของการเล่นคือความสนุกสนาน ความสามัคคี และอาจใช้เป็นโอกาสในการเกี้ยวพาราสีระหว่างหนุ่มสาว
ที่มา:google.com