หน่วยที่ 5

การตรวจและกําจัดไวรัส

สาระสำคัญ

ไวรัสคอมพิวเตอร์ (Computer Virus) เป็นการเรียกชื่อเลียนแบบไวรัสที่เป็นสิ่งมีชีวิตที่หมายถึงโปรแกรมชนิดหนึ่งที่มีความสามารถในการสำเนาตัวเองเข้าไปติดอยู่ในระบบคอมพิวเตอร์ได้ และถ้ามีโอกาสก็สามารถแทรกเข้าไประบาดในระบบคอมพิวเตอร์อื่น

การป้องกันไวรัสคอมพิวเตอร์ และการกำจัดไวรัสออกจากเครื่องคอมพิวเตอร์ เพื่อให้คอมพิวเตอร์สามารถกลับมาใช้งานได้เป็นปกตินั้น จะต้องตรวจสอบให้ชัดเจนว่าเครื่องนั้นติดไวรัสจริงหรือไม่ ด้วยการใช้โปรแกรมเพื่อตรวจหาและทำลายไวรัส และควรคัดลอกหรือสำรองข้อมูลหรือโปรแกรมที่ติดไวรัสเสียก่อนที่จะกำจัดไวรัส เพื่อการรักษาข้อมูลให้ยังคงสามารถใช้งานได้อยู่ โดยเนื้อหาในหน่วยนี้จะกล่าวถึงการตรวจและกําจัดไวรัส ด้วยโปรแกรม MS Security Essentials

สมรรถนะอาชีพประจำหน่วย

1. แสดงความรู้เกี่ยวกับการกำจัดไวรัสคอมพิวเตอร์

2. ใช้โปรแกรมตรวจและกำจัดไวรัสคอมพิวเตอร์

จุดประสงค์การสอน/การเรียนรู้

• จุดประสงค์ทั่วไป / บูรณาการเศรษฐกิจพอเพียง

1.เพื่อให้มีความรู้พื้นฐานเกี่ยวการตรวจและกําจัดไวรัส และมีทัศนคติที่ดี (ด้านความรู้)

2.เพื่อให้มีทักษะการใช้โปรแกรมตรวจและกำจัดไวรัสคอมพิวเตอร์ (ด้านทักษะ)

3.เพื่อให้มีเจตคติที่ดีต่อการเตรียมความพร้อมด้านวัสดุ อุปกรณ์ และการปฏิบัติงานอย่างถูกต้อง สำเร็จภายในเวลาที่กำหนด มีเหตุและผลตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง (ด้านคุณธรรม จริยธรรม)

•จุดประสงค์เชิงพฤติกรรม / บูรณาการเศรษฐกิจพอเพียง

1. บอกความหมายของไวรัสคอมพิวเตอร์ ได้ (ด้านความรู้)

2. บอกถึงวิธีการป้องกันไวรัสคอมพิวเตอร์ ได้ (ด้านความรู้)

3. บอกถึงวิธีการกำจัดไวรัสคอมพิวเตอร์ ได้ (ด้านความรู้)

4. อธิบายการใช้โปรแกรม MS Security Essentials ได้ (ด้านความรู้)

5. การเตรียมความพร้อมด้านการเตรียมวัสดุ อุปกรณ์ ผู้เรียนจะต้องกระจายงานได้ทั่วถึง และตรงตามความสามารถของสมาชิกทุกคน มีการจัดเตรียมสถานที่ สื่อ วัสดุ อุปกรณ์ไว้อย่างพร้อมเพรียง (ด้านคุณธรรม จริยธรรม/บูรณาการเศรษฐกิจพอเพียง)

6. ความมีเหตุมีผลในการปฏิบัติงาน ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ผู้เรียนจะต้องมีการใช้หลักการเรียนรู้และเวลาที่เหมาะสมกับการเรียนรู้ (ด้านคุณธรรม จริยธรรม/บูรณาการเศรษฐกิจพอเพียง)

เนื้อหาสาระการสอน/การเรียนรู้

• ด้านความรู้ (ทฤษฎี)

โปรแกรมหรือซอฟท์แวร์อีกประเภทหนึ่งที่สร้างความเสียหายให้กับคอมพิวเตอร์ ทำให้ไม่สามารถใช้งานได้ หรือทำลายข้อมูลที่มีค่าของเรา เรียกว่าไวรัสคอมพิวเตอร์ เราจึงต้องเรียนรู้วิธีการตรวจและกำจัดไวรัสเหล่านั้นเพื่อป้องกันข้อมูลในคอมพิวเตอร์

1. ไวรัสคอมพิวเตอร์ (จุดประสงค์เชิงพฤติกรรมข้อที่ 1)

ไวรัสคอมพิวเตอร์ (Computer Virus) เป็นการเรียกชื่อเลียนแบบไวรัสที่เป็นสิ่งมีชีวิต ซึ่งหมายถึงโปรแกรมชนิดหนึ่งที่มีความสามารถในการสำเนาตัวเองเข้าไปติดอยู่ในระบบคอมพิวเตอร์ได้ และสามารถแทรกเข้าไประบาดในเครื่องคอมพิวเตอร์อื่น ซึ่งอาจเกิดจากการนำเอาสื่อบันทึกข้อมูลที่ติดไวรัสจากเครื่องหนึ่งไปใช้อีกเครื่องหนึ่ง หรือติดต่อผ่านระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ ซึ่งส่วนมากไวรัสคอมพิวเตอร์มักจะประสงค์ร้ายและสร้างความเสียหายให้กับเครื่องคอมพิวเตอร์แทบทั้งสิ้น

ไวรัสคอมพิวเตอร์ เป็นโปรแกรมประเภทมัลแวร์ (Malware) หรือโปรแกรมประสงค์ร้าย โดยทั่วไปจะไม่ส่งผลก่อให้เกิดความเสียหายต่อฮาร์ดแวร์โดยตรง แต่จะทำความเสียหายต่อซอฟต์แวร์ ซึ่งในปัจจุบันการกระจายตัวของไวรัสจะอาศัยบริการเครือข่ายบนเครื่องคอมพิวเตอร์ เช่น www, e-Mail และระบบแฟ้มข้อมูลที่ใช้ร่วมกัน มีลักษณะต่างๆ ดังนี้

1) Boot Sector Virus เป็นไวรัสที่เก็บตัวเองอยู่ใน Boot Sector ของดิสก์ เมื่อเครื่องคอมพิวเตอร์เริ่มทำงานและเข้าไปอ่าน Boot Sector ที่มีโปรแกรมเล็กๆ ไว้ใช้เรียกระบบปฏิบัติการขึ้นมาทำงานอีกทีหนึ่ง Boot Sector Viruses จะเข้าไปแทนที่โปรแกรมดังกล่าวทันที

2) Program Virus หรือ File Virus เป็นไวรัสที่ติดอยู่กับโปรแกรมหรือไฟล์ ด้วยการแทรกตัวเข้าไปอยู่ในโปรแกรม หลังจากนั้นโปรแกรมจะมีขนาดใหญ่ขึ้น หรืออาจมีการสำเนาตัวเองเข้าไปทับส่วนต่างๆ ของโปรแกรมที่มีอยู่เดิม ทำให้ขนาดของโปรแกรมไม่เปลี่ยนแปลง เมื่อเปิดใช้โปรแกรมที่ติดไวรัสอยู่ ตัวไวรัสจะเข้าไปหาโปรแกรมตัวอื่นที่อยู่ในดิสก์เพื่อทำสำเนาตัวเองลงไปทันที

3) Worm เป็นโปรแกรมไวรัสที่แพร่กระจายผ่านเครือข่ายไปยังคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์เครื่องต่างๆ ที่เชื่อมต่ออยู่บนเครือข่ายด้วยกัน ลักษณะการแพร่กระจายคล้ายตัวหนอนที่เจาะไชไปยังเครื่องคอมพิวเตอร์ต่างๆ กระจายตัวด้วยการคัดลอกตัวเองออกเป็นหลายๆ โปรแกรม และส่งต่อผ่านเครือข่ายออกไป และสามารถแพร่กระจายผ่านทางอีเมล์ได้ด้วย

4) Trojan เป็นโปรแกรมที่แอบแฝงเพื่อกระทำการบางอย่างในเครื่องคอมพิวเตอร์ จากผู้ที่ไม่หวังดี ชื่อเรียกของโปรแกรม Trojan นี้มาจากตำนานม้าไม้แห่งเมืองทรอย ซึ่งการติดนั้นไม่เหมือนกับไวรัสและหนอนที่จะกระจายตัวได้ด้วยตัวมันเอง แต่โทรจันจะถูกแนบมากับอีเมล์หรือโปรแกรมที่มีให้ดาวน์โหลดตามอินเทอร์เน็ตในเว็บไซต์

5) Polymorphic Virus เป็นชื่อเรียกไวรัสที่มีความสามารถในการเปลี่ยนตัวเองได้ เมื่อมีการสร้างสำเนาตัวเองเกิดขึ้นซึ่งอาจเปลี่ยนได้ถึงหลายร้อยรูปแบบ ทำให้ไวรัสเหล่านี้ยากต่อการถูกตรวจจับ โดยโปรแกรมตรวจหาไวรัสที่ใช้วิธีการสแกนอย่างเดียว

6) Stealth Virus เป็นชื่อเรียกไวรัสที่มีความสามารถในการพรางตัวต่อการตรวจจับได้ ไวรัสประเภทที่ไปติดโปรแกรมใดแล้วจะทำให้ขนาดของโปรแกรมนั้นใหญ่ขึ้นและไม่สามารถตรวจดูขนาดที่แท้จริงของโปรแกรมที่เพิ่มขึ้นได้

2. การป้องกันไวรัสคอมพิวเตอร์ (จุดประสงค์เชิงพฤติกรรมข้อที่ 2)

การป้องกันไวรัสคอมพิวเตอร์ไม่ให้ติดต่อและสร้างความเสียหายให้กับเครื่องคอมพิวเตอร์ได้ มีเทคนิคและการป้องกันหลายวิธี เช่น

1) การสำรองข้อมูล เป็นวิธีการที่ดีเพื่อลดความเสี่ยงต่อการติดไวรัสของข้อมูลแล้วทำให้ข้อมูลเหล่านั้นเสียหาย ถึงแม้ข้อมูลถูกไวรัสทำลายเสียหายแต่ยังมีข้อมูลสำรองที่สามารถทดแทนได้อยู่ หรือใช้วิธีสร้างแผ่นบูต Emergency disk หรือ Rescue disk เพื่อใช้ในการกู้ข้อมูลและกำจัดไวรัสออกจากเครื่องจนทำให้บูตเครื่องได้ตามปกติ

2) การใช้งานซอฟท์แวร์หรือโปรแกรมต่างๆ ต้องตรวจสอบแหล่งที่มาหรือลิขสิทธิ์เพื่อความแน่ใจก่อนนำไปใช้ เพื่อป้องกันภัยคุกคามจากภายนอกโดยผ่านทางซอฟต์แวร์ที่เราใช้งาน

3) ตรวจสอบฮาร์ดแวร์และซอฟแวร์อย่างสม่ำเสมอ เพื่อสำรวจสิ่งผิดปกติต่างๆ เช่นการทำงานที่ช้าลง ขนาดไฟล์ที่เปลี่ยนแปลงไป หน้าจอแสดงผลผิดปกติ หรือไดรฟ์มีเสียงผิดปกติ

4) ไม่ควรใช้สื่อบันทึกข้อมูลกับเครื่องหลายๆ เครื่อง หรือใช้งานกับเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ไม่รู้จัก หรือเครื่องที่มีความเสี่ยง โดยเฉพาะการแชร์ไฟล์ ควรจะแชร์ไฟล์เป็นประเภทอ่านอย่างเดียว และควรตั้งรหัสผ่านด้วย

5) ใช้โปรแกรมป้องกันและกำจัดไวรัส โดยเลือกใช้โปรแกรมป้องกันและกำจัดไวรัสที่เหมาะสมกับความสามารถของเครื่องคอมพิวเตอร์หรือตามที่องค์กรกำหนด โดยจะต้องปรับปรุงฐานข้อมูลไวรัส (Update) ทุกวันหรืออย่างน้อยอาทิตย์ละครั้ง เนื่องจากไวรัสคอมพิวเตอร์ถูกพัฒนาออกมาใหม่ทุกวัน ดังนั้นจึงควรที่จะต้องทำให้โปรแกรมป้องกันและกำจัดไวรัสรู้จักไวรัสชนิดใหม่ๆ ด้วย และต้องกำหนดให้โปรแกรมทำการป้องกันแบบอัตโนมัติด้วย ส่วนการใช้งานควรจะใช้โปรแกรมป้องกันและกำจัดไวรัสตรวจหาไวรัสทุกสัปดาห์ โดยการสแกนหาทั้งระบบ ซึ่งอาจจะกำหนดให้เป็นทุกเย็นของวันศุกร์ก่อนกลับบ้าน หรือในช่วงเวลาพักเที่ยงของทุกวันก็ได้

6) ติดตามข่าวสาร เนื่องจากมีไวรัสคอมพิวเตอร์ออกมาใหม่เป็นจำนวนมาก ดังนั้นการรับรู้ข้อมูลข่าวสารที่รวดเร็วและหาทางป้องกันจึงนับเป็นหนทางที่ดีที่สุดวิธีหนึ่งในการป้องกันไวรัสคอมพิวเตอร์ ไม่ว่าจะเป็นผู้ใช้ทั่วไปหรือแม้กระทั่งผู้ดูแลระบบเอง จึงควรที่จะหาช่องทางในการรับรู้ข่าวสารเกี่ยวกับไวรัสคอมพิวเตอร์และข่าวสารเกี่ยวกับความมั่นคงปลอดภัยทางคอมพิวเตอร์ด้วย

3. การกำจัดไวรัสคอมพิวเตอร์ (จุดประสงค์เชิงพฤติกรรมข้อที่ 3)

การกำจัดไวรัสออกจากเครื่องคอมพิวเตอร์ เพื่อให้คอมพิวเตอร์สามารถกลับมาใช้งานได้เป็นปกตินั้น จะต้องตรวจสอบให้แน่ชัดว่าเครื่องนั้นติดไวรัสจริง ด้วยการใช้โปรแกรมเพื่อตรวจหาและทำลายไวรัส และควรจะต้องคัดลอกหรือสำรองข้อมูลหรือโปรแกรมที่ติดไวรัสเสียก่อนที่จะกำจัดไวรัส เพื่อการรักษาข้อมูลให้ยังคงสามารถใช้งานได้อยู่ ซึ่งโปรแกรมป้องกันและกำจัดไวรัสในปัจจุบันมีอยู่หลายแบบหลายชนิดมีทั้งฟรีและมีค่าใช้จ่าย โปรแกรมป้องกันและกำจัดไวรัสแบบใช้ฟรีส่วนใหญ่ความสามารถในการกำจัดไวรัสจะไม่เทียบเท่าแบบมีค่าใช้จ่ายแน่นอน เช่นอาจจะใช้วิธีการกักเก็บไวรัสไม่ให้แพร่กระจายหรือไปทำลายซอฟท์แวร์ โดยไม่สามารถกำจัดออกได้

การสำรองข้อมูล เป็นวิธีการหนึ่งที่ช่วยป้องกันความเสียหายของข้อมูล เนื่องจากการใช้โปรแกรมป้องกันและกำจัดไวรัสออกไป โปรแกรมหรือข้อมูลนั้นอาจจะไม่สามารถทำงานได้ตามปกติหรือทำงานไม่ได้ วิธีการตรวจขั้นต้นให้ลองเปรียบเทียบขนาดของโปรแกรมหลังจากที่ถูกกำจัดไวรัสไปแล้วกับขนาดเดิม ถ้ามีขนาดน้อยกว่าแสดงว่าโปรแกรมนั้นไม่สมบูรณ์ ให้นำโปรแกรมที่ติดไวรัสที่สำรองไว้ไปหาโปรแกรมป้องกันและกำจัดไวรัสตัวอื่นมาใช้แทน และถ้าการใช้โปรแกรมตรวจหาไม่พบไวรัสในโปรแกรมใดๆ อยู่ให้ทดลองเปิดโปรแกรมนั้นขึ้นมาทดสอบการทำงานอย่างละเอียดว่าเป็นปกติดีอยู่หรือไม่

โปรแกรมป้องกันและกำจัดไวรัส (Anti-virus Software) เป็นโปรแกรมที่ใช้ในการตรวจสอบสื่อบันทึกข้อมูลและหน่วยความจำเพื่อตรวจหาไวรัส โดยโปรแกรมจะแจ้งให้ผู้ใช้ทราบหากตรวจพบพฤติกรรมของไวรัสและบางโปรแกรมจะทำลายไวรัสให้ทันที ดังตัวอย่างโปรแกรมตรวจและกำจัดไวรัสต่อไปนี้

1. Microsoft Security Essentials โปรแกรมป้องกันและกำจัดไวรัสฟรีจากค่าย Microsoft และเป็นโปรแกรมป้องกันและกำจัดไวรัสยอดนิยม เพราะเป็นฟรีแวร์ที่แจกฟรีไม่มีข้อผูกมัด มีคุณสมบัติต่างๆ ครบถ้วน สามารถปกป้องคอมพิวเตอร์จากไวรัส สปายแวร์ มัลแวร์และอื่นๆ ที่เป็นอันตรายด้วยการรักษาความปลอดภัยและการทำงานที่มีประสิทธิภาพ

2. avast Free Antivirus โปรแกรมป้องกันและกำจัดไวรัสจากค่าย avast เป็นโปรแกรมที่ได้รับความนิยมจากผู้ใช้งาน มีรูปแบบการใช้งานที่ครบถ้วน สามารถป้องกันไวรัสพร้อมเครื่องมือต่างๆ ป้องกันสปายแวร์ และป้องกันคอมพิวเตอร์จากภัยคุกคามที่มาจากอินเทอร์เน็ต ไฟล์ และอีเมล์ เป็นต้น

3. AVG Anti-Virus Free เป็นโปรแกรมป้องกันและกำจัดไวรัสที่มีเครื่องมือป้องกันไวรัส, สปายแวร์, อีเมลสแกนเนอร์ มีรูปแบบการใช้งานพื้นฐาน และมีการสแกนไวรัสอัตโนมัติ

4. Bit defender เป็นโปรแกรมป้องกันและกำจัดไวรัสที่มีคุณสมบัติครอบคลุมและทำงานได้ดี มีโปรแกรม Bit defender Antivirus Free Edition เป็นโปรแกรมป้องกันและกำจัดไวรัสแบบฟรีแวร์ ที่มีคุณสมบัติการทำงานและป้องกันไวรัสขั้นพื้นฐานและมีประสิทธิภาพป้องกันในระดับหนึ่ง

5. Avira Free Antivirus หรือที่รู้จักกันในชื่อร่มแดง เนื่องจากโปรแกรมนี้ใช้สัญลักษณ์ร่มสีแดง และถือว่าเป็นโปรแกรมป้องกันและกำจัดไวรัสที่นิยมใช้งานกันอย่างแพร่หลาย ด้วยประสิทธิภาพการทำงานและเทคโนโลยีชั้นสูงพร้อมความสามารถป้องกันไวรัสได้มากกว่า 300,000 ชนิดและมีการอัพเดทข้อมูลอยู่ตลอดเวลา การใช้งานที่ง่ายรวมไปถึงใช้ทรัพยากรของคอมพิวเตอร์น้อย เหมาะสำหรับผู้ใช้งานที่มีคอมพิวเตอร์รุ่นเก่าๆ

6. Comodo Antivirus เป็นโปรแกรมป้องกันและกำจัดไวรัสที่มีคุณภาพ นอกจากนี้ยังมี Comodo Antivirus Free เป็นโปรแกรมฟรีแวร์ที่มีคุณภาพและคุณสมบัติการป้องกันไวรัส ไม่ว่าจะเป็นไวรัส โทรจัน สปายแวร์ และ Firewall ที่แข็งแกร่ง การรักษาความปลอดภัยที่แข็งแรง

7. Immunet FREE Antivirus เป็นโปรแกรมป้องกันและกำจัดไวรัสทำงานแบบ Cloud based เหมือนกับ Panda Cloud Antivirus และ King soft Antivirus สำหรับ Immunet Free Antivirus สามารถปกป้องคอมพิวเตอร์จากบอท เวิร์ม ไวรัส โทรจัน key loggers และสปายแวร์ ข้อดีของโปรแกรมป้องกันและกำจัดไวรัสแบบ Cloud ไม่กินทรัพยากรเครื่องและมีการอัพเดทรวดเร็ว แต่ต้องเชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ตตลอดเวลา

8. King soft Antivirus เป็นโปรแกรมป้องกันและกำจัดไวรัสทำงานแบบ Cloud based ความสามารถป้องกันไวรัส มัลแวร์ ตรวจสอบไฟล์ที่ดาวน์โหลดจากโปรแกรมต่างๆ รวมไปถึงเครื่องมือปรับแต่งต่างๆ

9. Panda Cloud Antivirus Free เป็นโปรแกรมป้องกันและกำจัดไวรัสทำงานแบบ Cloud based สามารถปกป้องคอมพิวเตอร์จากบอท เวิร์ม ไวรัส โทรจัน key logger สปายแวร์และแอดแวร์ เป็นต้น

10. Rising Antivirus Free Edition เป็นโปรแกรมป้องกันและกำจัดไวรัสฟรีจากผู้ผลิตโปรแกรมป้องกันและกำจัดไวรัสรายใหญ่ที่สุดจากจีน สามารถป้องกันไวรัส โทรจัน หนอน และโปรแกรมที่เป็นอันตรายอื่นๆ พร้อมการป้องกันพื้นฐาน

4. การใช้โปรแกรม MS Security Essentials (จุดประสงค์เชิงพฤติกรรมข้อที่ 4)

Microsoft Security Essentials เป็นโปรแกรมป้องกันและกำจัดไวรัสคอมพิวเตอร์ที่ให้บริการฟรีสำหรับเครื่องคอมพิวเตอร์บนระบบปฏิบัติการ Windows XP (Service Pack 3) Windows Vista, Windows 7 และ Windows 8 สามารถปกป้องเครื่องคอมพิวเตอร์จากไวรัส สปายแวร์ และซอฟต์แวร์ที่เป็นอันตรายอื่นๆ โดยที่โปรแกรมจะทำงานตลอดเวลาขณะที่เราใช้คอมพิวเตอร์ และจะตรวจหาการปรับปรุงฐานข้อมูลไวรัสต่างๆ จากอินเทอร์เน็ตทุกวัน โปรแกรมจะสแกนคอมพิวเตอร์ตรวจหาซอฟต์แวร์ที่เป็นอันตรายต่างๆ และปิดกั้นการคุกคามตามที่ได้กำหนดค่าไว้ โดยรวมแล้วโปรแกรม Microsoft Security Essentials มีคุณสมบัติต่างๆ ดังนี้

1) การป้องกันแบบ Real time หมายถึงการแจ้งเตือนเมื่อสปายแวร์ ไวรัส หรือซอฟต์แวร์ที่เป็นอันตรายพยายามจะทำงานหรือติดตั้งในเครื่องคอมพิวเตอร์ รวมถึงโปรแกรมและแฟ้มที่น่าสงสัย

2) การสแกนระบบ ซึ่งสามารถสแกนทั้งระบบที่มีตัวเลือกการสแกนตามกำหนดเวลาและตามความต้องการ 3 รูปแบบคือ

• การสแกนแบบเร่งด่วน โดยจะตรวจสอบส่วนที่มักจะติดมัลแวร์อย่างรวดเร็ว รวมถึงโปรแกรมที่เรียกใช้ในหน่วยความจำ แฟ้มระบบ และค่ารีจิสทรี

• การสแกนทั้งหมด โดยจะสแกนแฟ้มทั้งหมดบนเครื่องคอมพิวเตอร์ ค่ารีจิสทรี และโปรแกรมทั้งหมดที่กำลังทำงานอยู่

• การสแกนแบบกำหนดเอง สามารถสแกนเฉพาะส่วนที่เลือกได้

3) การรวมระบบเข้ากับ Windows Firewall ที่เปิดใช้งานเป็นส่วนหนึ่งของการรักษาความปลอดภัยในการใช้งานคอมพิวเตอร์ ซึ่งในระหว่างการติดตั้งโปรแกรม Microsoft Security Essentials จะมีกระบวนการสแกนคอมพิวเตอร์ เพื่อตรวจสอบว่าไฟร์วอลล์ทำงานบนคอมพิวเตอร์หรือไม่

4) การป้องกันการคุกคามและซอฟต์แวร์ที่ไม่ปลอดภัย และเก็บรายชื่อการดาวน์โหลดและเว็บไซต์ยอดนิยมไว้บนอินเทอร์เน็ต เพื่อใช้ในการทดสอบข้อกำหนดและการปรับปรุงการป้องกันมัลแวร์ของเรา ก่อนที่จะดาวน์โหลดและใช้งานเว็บไซต์

5) การสแกนไดร์ฟอื่น นอกเหนือจากฮาร์ดไดรฟ์ เราสามารถสแกนไดรฟ์ภายนอกและ USB Drive ที่เสียหายเนื่องจากติดไวรัสได้เช่นเดียวกัน และสามารถสั่งให้สแกนอัตโนมัติเมื่อมีการเสียบไดรฟ์ภายนอก ทำให้การใช้งานคอมพิวเตอร์มีความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น

4.1 การติดตั้งโปรแกรม Microsoft Security Essentials

โปรแกรม Microsoft Security Essentials สามารถดาวน์โหลดและการติดตั้งได้โดยไม่มีค่าใช้จ่าย โดยเข้าไปที่ http://windows.microsoft.com/th-th/windows/security-essentials-download แล้วคลิกปุ่ม ดาวน์โหลดทันที

4.2 สถานะความปลอดภัยของ Microsoft Security Essentials

โปรแกรม Microsoft Security Essentials จะใช้ไอคอนใน Task Bar แสดงสถานะความปลอดภัยด้วยสัญลักษณ์สีต่างๆ และเมื่อคอมพิวเตอร์มีปัญหา รูปลักษณ์ของ Microsoft Security Essentials จะเปลี่ยนแปลงตามปัญหา รวมทั้งหน้าต่างโปรแกรมจะเปลี่ยนสีขึ้นอยู่กับสถานการณ์ ดังนี้

ไอคอนสีเขียว หมายถึงสถานะความปลอดภัยของคอมพิวเตอร์ โปรแกรมได้รับการอัพเดทแล้ว และทำงานตลอดเวลา เพื่อช่วยป้องกันคอมพิวเตอร์จากภัยคุกคามที่เป็นอันตรายจากมัลแวร์และอื่นๆ

ไอคอนสีเหลือง หมายถึงสถานะที่อาจจะไม่มีการป้องกัน ควรดำเนินการบางอย่างเช่น เปิดการป้องกันแบบ real-time ใช้การสแกนระบบหรือสแกนสื่อที่เป็นภัยคุกคาม

ไอคอนสีแดง หมายถึงคอมพิวเตอร์มีความเสี่ยงและเป็นภัยคุกคามที่รุนแรง ควรดำเนินการตามคำแนะนำ ทำความสะอาดไฟล์ที่ตรวจพบแล้วสแกนซอฟต์แวร์ที่เป็นอันตรายเพิ่มเติม

4.3 การใช้งานโปรแกรม Microsoft Security Essentials

โปรแกรม Microsoft Security Essentials เป็นโปรแกรมป้องกันและกำจัดไวรัสที่ใช้ง่าย ที่ทำงานตลอดเวลา มีส่วนประกอบต่างๆ ของโปรแกรมไม่ซับซ้อน ซึ่งประกอบไปด้วย 4 ส่วน ดังนี้

1) แท็บหน้าแรก เป็นส่วนแสดงรายงานต่างๆ เช่น มีการอัพเดทฐานข้อมูลไวรัสหรือไม่ มีการสแกนล่าสุดเมื่อใด และรูปแบบการสั่งสแกนไวรัสแบบต่างๆ เช่น

- เร็ว หมายถึงการสแกนไวรัสเฉพาะไฟล์ที่จำเป็นของระบบ Windows

- เต็ม หมายถึงสแกนไวรัสทุกไฟล์ทุก Folder ในเครื่องคอมพิวเตอร์

- กำหนดเอง หมายถึงการสแกนไวรัสเฉพาะไฟล์หรือ Folder ที่เรากำหนดl

2) แท็บปรับปรุง เป็นเมนูคำสั่งเหมือนกับโปรแกรมป้องกันและกำจัดไวรัสอื่นๆ ที่ต้องมีการอัพเดท ซึ่งส่วนนี้จะแสดงเวอร์ชั่นของการป้องกันไวรัสและสปายแวร์ พร้อมทั้งแสดงวันเวลาการอัพเดทล่าสุด และสามารถสั่งอัพเดทได้ทันทีโดยคลิกปุ่ม ปรับปรุง

3) แท็บประวัติ แสดงประวัติการตรวจพบไรวรัส มัลแวร์ สปายแวร์หรืออื่นๆ ที่โปรแกรมแจ้งเตือนว่าไม่ปลอดภัย พร้อมทั้งแสดงข้อมูลคร่าวๆ ของไวรัสที่ตรวจพบว่าทำงานอย่างไร มีระดับความอันตรายระดับใด เป็นต้น

4) แท็บการตั้งค่า ส่วนนี้เป็นการตั้งค่าการใช้งานโปรแกรม เช่น การกำหนดเวลาสแกน การกำหนดสแกน flash drive การตั้งค่าเริ่มต้น เป็นต้น

4.4 การถอนการติดตั้งโปรแกรม

นอกจากการใช้งานตามปกติแล้ว เมื่อต้องการถอนการติดตั้งโปรแกรมตามจุดประสงค์การใช้งานใดๆ ก็ตาม สามารถทำได้โดยเปิดหน้าต่าง Uninstall or change a program โดยคลิก Start / Control panel แล้วคลิกเลือก Uninstall a program แล้วคลิกเลือกโปรแกรมที่ต้องการ แล้วคลิกคำสั่ง Uninstall