หน่วยที่ 4

การบำรุงรักษาอุปกรณ์คอมพิวเตอร์

สาระสำคัญ

การดูแลรักษาเครื่องคอมพิวเตอร์ เป็นวิธีที่ช่วยให้สามารถใช้งานเครื่องคอมพิวเตอร์ได้นานขึ้น จึงจำเป็นต้องรู้ถึงปัจจัยต่างๆ ที่ทำให้เครื่องคอมพิวเตอร์เกิดการขัดข้องหรือเสียหาย และวิธีการบำรุงรักษาเครื่องคอมพิวเตอร์เบื้องต้น

เนื้อหาในหน่วยนี้จะกล่าวถึงวิธีดูแลรักษา ตรวจสอบเครื่องคอมพิวเตอร์ขั้นพื้นฐาน และการใช้โปรแกรมบำรุงรักษาเครื่องคอมพิวเตอร์ เช่นโปรแกรม Disk Cleanup โปรแกรม Disk defragmenter โปรแกรม Action center โปรแกรม Administrative tools และการสร้างพาร์ทิชั่นใน Windows 7

สมรรถนะอาชีพประจำหน่วย

1. ดูแลรักษา ตรวจสอบเครื่องคอมพิวเตอร์

2. ใช้โปรแกรมบำรุงรักษาเครื่องคอมพิวเตอร์

จุดประสงค์การสอน/การเรียนรู้

• จุดประสงค์ทั่วไป / บูรณาการเศรษฐกิจพอเพียง

1.เพื่อให้มีความรู้พื้นฐานเกี่ยวการบำรุงรักษาเครื่องคอมพิวเตอร์และมีทัศนคติที่ดี (ด้านความรู้)

2.เพื่อให้มีทักษะการใช้โปรแกรมบำรุงรักษาเครื่องคอมพิวเตอร์ (ด้านทักษะ)

3.เพื่อให้มีเจตคติที่ดีต่อการเตรียมความพร้อมด้าน วัสดุ อุปกรณ์ และการปฏิบัติงานอย่างถูกต้อง สำเร็จภายในเวลาที่กำหนด มีเหตุและผลตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง (ด้านคุณธรรม จริยธรรม)

•จุดประสงค์เชิงพฤติกรรม / บูรณาการเศรษฐกิจพอเพียง

1. บอกถึงวิธีการดูแลรักษา ตรวจสอบเครื่องคอมพิวเตอร์ขั้นพื้นฐาน ได้ (ด้านความรู้)

2. อธิบายวิธีการใช้โปรแกรม Disk Cleanup ได้ (ด้านความรู้)

3. อธิบายวิธีการใช้โปรแกรม Disk defragmenter ได้ (ด้านความรู้)

4. อธิบายวิธีการใช้โปรแกรม Action center ได้ (ด้านความรู้)

5. อธิบายวิธีการใช้โปรแกรม Administrative tools ได้ (ด้านความรู้)

6. อธิบายวิธีการสร้างพาร์ทิชั่นใน Windows 7 ได้ (ด้านความรู้)

7. การเตรียมความพร้อมด้านการเตรียมวัสดุ อุปกรณ์ ผู้เรียนจะต้องกระจายงานได้ทั่วถึง และตรงตามความสามารถของสมาชิกทุกคน มีการจัดเตรียมสถานที่ สื่อ วัสดุ อุปกรณ์ไว้อย่างพร้อมเพรียง (ด้านคุณธรรม จริยธรรม/บูรณาการเศรษฐกิจพอเพียง)

8. ความมีเหตุมีผลในการปฏิบัติงาน ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ผู้เรียนจะต้องมีการใช้หลักการเรียนรู้และเวลาที่เหมาะสมกับการเรียนรู้ (ด้านคุณธรรม จริยธรรม/บูรณาการเศรษฐกิจพอเพียง)

เนื้อหาสาระการสอน/การเรียนรู้

• ด้านความรู้ (ทฤษฎี)

การดูแลรักษาเครื่องคอมพิวเตอร์ เป็นวิธีที่ช่วยให้สามารถใช้งานเครื่องคอมพิวเตอร์ได้นานขึ้น จึงจำเป็นต้องรู้ถึงปัจจัยต่างๆ ที่ทำให้เครื่องคอมพิวเตอร์เกิดการขัดข้องหรือเสียหาย และวิธีการบำรุงรักษาเครื่องคอมพิวเตอร์เบื้องต้น

1. การดูแลรักษา ตรวจสอบเครื่องคอมพิวเตอร์ (จุดประสงค์เชิงพฤติกรรมข้อที่ 1)

เครื่องคอมพิวเตอร์ เป็นเครื่องคำนวณที่ประกอบด้วยชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ และอุปกรณ์ทางไฟฟ้ามากมาย ซึ่งจะต้องดูแลรักษา ทำความสะอาด ให้อยู่ในสภาพพร้อมใช้ตลอดเวลา ดังนี้

1) การดูแลรักษาด้านระบบไฟฟ้า

-สายไฟ สายสัญญาณต่างๆ ที่หลวมหรือหักชำรุด เสียบปลั๊กแล้วไฟติดๆ ดับๆ บ่อย ให้รีบแก้ไขซ่อมแซมหรือซื้อเปลี่ยน เพราะอาจจะสร้างความเสียหายให้กับคอมพิวเตอร์ได้

-กระแสไฟฟ้าตก ไฟรั่ว ไฟเกิน สามารถสร้างความเสียหายให้กับเครื่องคอมพิวเตอร์ได้ ซึ่งหากเกิดเหตุการณ์ไฟดับหรือไฟกระชาก จะทำให้ฮาร์ดแวร์หยุดทำงานชั่วคราวจนกว่าจะมีกระแสไฟฟ้ากลับมาหล่อเลี้ยงอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งในช่วงเวลาที่ฮาร์ดแวร์หยุดทำงานอย่างฉับพลันนี้อาจจะเป็นสาเหตุทำให้ฮาร์ดแวร์เสียหายได้ ในพื้นที่ที่มีปัญหาไฟดับ ไฟตก ไฟเกิน ไฟกระชากอยู่บ่อยๆ ควรซื้อ UPS มาใช้งานซึ่งนอกจากช่วยรักษาระดับแรงดันไฟฟ้าให้คงที่และกรองสัญญาณไฟฟ้าได้แล้วยังจ่ายไฟฟ้าสำรองได้อีกด้วยสามารถใช้เครื่องคอมพิวเตอร์ต่อไปได้อีก 10-15 นาที ทำให้บันทึกข้อมูลได้ทัน

-สายดิน ควรต่อสายดินจากเคสส่วนที่เป็นโลหะแล้วนำไปต่อกับโลหะชิ้นอื่นที่ตั้งอยู่บนพื้น เช่น ท่อน้ำเหล็กประตูโครงฝ้า ที่เป็นอลูมิเนียมเพื่อให้สามารถระบายกระแสไฟฟ้าลงดินได้การต่อสายดินนี้จะช่วยแก้ปัญหาจากตัวเครื่องคอมพิวเตอร์ทำให้ไม่ถูกไฟดูดเวลาเผลอไปแตะตัวเครื่อง รวมทั้งยังช่วยลดความรุนแรงปัญหาไฟกระชากได้อีกด้วย

-การต่อพ่วงอุปกรณ์กับเต้ารับ ไม่ควรเชื่อมต่ออุปกรณ์หลายอย่างกับปลั๊กพ่วงเพียงอันเดียว ควรใช้รางเต้ารับสำหรับใช้กับเครื่องคอมพิวเตอร์ที่มีขายอยู่โดยทั่วไปแทน ซึ่งรางเต้ารับนี้จะช่องเสียบหลายช่องและมีเต้ารับแบบใช้กับปลั๊กแบบ 3 ขาได้ เพราะถ้าใช้เต้ารับแบบรวมหรือไม่ได้มาตรฐานอาจจะทำให้เกิดการอาร์กที่เต้ารับ ทำให้เกิดสัญญาณรบกวนระบบไฟฟ้าและเกิดความร้อนสะสมจนอาจเกิดไฟไหม้ได้

2) การดูแลรักษาเครื่องคอมพิวเตอร์และฮาร์ดแวร์ชิ้นอื่น ๆ

ก่อนการซ่อมบำรุงเครื่องคอมพิวเตอร์ทุกครั้งต้องปิดสวิตซ์เครื่องและดึงปลั๊กไฟออกจากเต้าเสียบเพื่อป้องกันอันตรายที่เกิดจากกระแสไฟฟ้า และสิ่งต่อไปนี้เป็นสิ่งที่ควรปฏิบัติเพื่อไม่ให้ เครื่องคอมพิวเตอร์และฮาร์ดแวร์ชิ้นต่าง ๆ เสียหายควรปิดเครื่องให้สนิทอยู่เสมอเพื่อป้องกันไม่ให้หนูหรือแมลงสาบเข้าไปทำความเสียหายภายในเครื่องในกรณีที่ดึงแผ่นเหล็กปิดสล็อตด้านหลังเครื่องออกเพื่อใส่การ์ดต่างๆ เข้าไปก็ควรเก็บแผ่นเหล็กนั้นเองด้วยเพื่อเวลาที่ไม่ได้ใช้การ์ดนั้นแล้วจะได้นำแผ่นเหล็กมาปิดกลับคืน

-พื้นที่ว่างบนฮาร์ดดิสก์ หลังจากเปิด Windows มาแล้ว ลองตรวจสอบพื้นที่ในฮาร์ดดิสก์ ว่าเหลือพื้นที่เท่าใด ถ้าเหลือน้อยกว่า 500 MB ก็ควรพิจารณาเพื่มพื้นที่ว่าง โดยเฉพาะกับ Drive C ซึ่งเป็นที่เก็บโปรแกรม ด้วยการสำรองข้อมูล โดยเฉพาะไฟล์ต่างๆ ทีอยู่ใน My Documents หรือสำรองลง Drive อื่นๆ

-ตรวจสอบสภาพฮาร์ดดิสก์ นอกเหนือเรื่องพื้นที่ว่างแล้ว สิ่งสำคัญอีกอย่างหนึ่งก็คือ การตรวจสอบฮาร์ดดิสก์ว่ามีจุดไหนเสียหรือไม่ โดยใช้โปรแกรมช่วยตรวจสอบประเภท Disk Defragment เพื่อตรวจสอบพื้นที่ฮาร์ดดิสก์ว่ามีจุดเสียหรือ Bad Sector ของฮาร์ดดิสก์หรือไม่ ถ้ามีให้สำรองข้อมูลและเปลี่ยนฮาร์ดดิสก์

-ตรวจสอบไวรัส ถึงแม้ว่าเราจะมีโปรแกรม Antivirus แล้วก็ตาม เราก็ยังคงจำเป็นต้องมีการตรวจสอบไวรัสอย่างสม่ำเสมอ อย่างน้อยอาทิตย์ละครั้ง และควรอัปเดทโปรแกรมแบบออนไลน์ให้ทันสมัยอยู่เสมอด้วยเช่นกัน นอกจากนั้นให้ Scan Virus ทุกวัน โดยเฉพาะช่วงพักกลางวันจะได้ตรวจสอบไวรัสอย่างเต็มที่ไม่ขัดจังหวะเวลาทำงาน เพราะระหว่างการ scan virus จะทำให้เครื่องคอมพิวเตอร์ทำงานช้าลงไปบ้าง ระหว่างนี้สามารถปิดหน้าจอได้ด้วย

-ลบขยะภายในเครื่องคอมพิวเตอร์ ควรมีการตรวจสอบและลบไฟล์ใน Recycle Bin เพื่อเพิ่มพื้นที่ และป้องกันแหล่งสะสมของปัญหา รวมทั้งไวรัส ด้วยโปรแกรม Disk Cleanup

-การเปิดปิดเครื่องคอมพิวเตอร์ ไม่ควรปิดแล้วเปิดเครื่องทันที เพราะจะทำให้ Power Supply แบบสวิทชิ่งของเครื่องคอมพิวเตอร์มีอายุการใช้งานสั้นลง แต่หากต้องการปิดแล้วเปิดเครื่องใหม่ให้ปิดเครื่องแล้วรออย่างน้อย 10 วินาที เพื่อให้กระแสไฟฟ้าไหลออกจากตัวเครื่องให้หมดก่อนแล้วจึงเปิดเครื่องใหม่จึงจะไม่สร้างความเสียหายให้กับฮาร์ดแวร์ แต่ในกรณีที่เครื่องแฮงก์ให้ลองบูทเครื่องใหม่โดยการวอร์มลูทคือกดปุ่ม Ctrl + Alt + Del เสียก่อนแต่ถ้าไม่ได้ผลให้ กดปุ่มรีเซตที่ด้านหน้าเครื่องแทนซึ่งจะได้ผลเท่ากับการปิดเครื่องและเปิดเครื่องใหม่ โดยไม่ทำให้ Power Supply มีอายุการใช้งานสั้นลง และที่สำคัญควรปิดเครื่องหรือ Shutdown Windows ให้ถูกวิธี โดยคลิก Start / Shutdown และห้ามปิดด้วยปุ่ม Power

-การทำงานของพัดลมระบายอากาศ ควรตรวจสอบการทำงานของพัดลมระบายอากาศด้านหลังเครื่องคอมพิวเตอร์ ซึ่งควรจะทำงานปกติตลอดเวลา ไม่ควรมีสิ่งใดไปปิดกั้น มิฉะนั้นทำให้อุณหภูมิในเครื่องคอมพิวเตอต์สูงเกินไปและมีผลเสียต่อตัวเครื่อง

-การดูแลคีย์บอร์ด ควรนำคีย์บอร์ดมาคว่ำแล้วเคาะฝุ่นละอองที่ติดตามซอกออก หรือใช้น้ำยาเช็ดทำความสะอาดเพื่อให้สามารถใช้งานได้ปกติ

3) การดูแลรักษาเรื่องความร้อน

ความร้อนที่เกิดขึ้นภายในเครื่องคอมพิวเตอร์เกิดมาจากการทำงานของอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์แต่ละชิ้น ซึ่งความร้อนนี้หากสูงเกินขอบเขตที่ฮาร์ดแวร์ทนได้ก็จะทำให้เกิดการเสื่อมของฮาร์ดแวร์ชิ้นนั้น ดังนั้นจึงต้องมีวิธีที่ใช้ในการระบายความร้อนออกจากเครื่องคอมพิวเตอร์ เช่นการระบายความร้อนด้วยการติดตั้งพัดลมที่มีขนาดใหญ่หรือการติดตั้งพัดลมเพิ่มเข้าไปการใช้งานเครื่อง คอมพิวเตอร์ในช่วงเวลาที่มีอุณหภูมิเหมาะสม การใช้เคสที่มีระบบระบายความร้อนที่ดี การจัดวางเครื่องคอมพิวเตอร์ให้สามารถถ่ายเทอากาศได้อย่างสะดวกเป็นอีกทางหนึ่งที่จะช่วยแก้ปัญหาเรื่องความร้อนได้ โดยในการจัดวางเครื่องคอมพิวเตอร์ควรจะจัดให้ตำแหน่งด้านหลังของเครื่องอยู่ห่างจากผนังหรือกำแพงพอสมควรเพื่อให้สามารถถ่ายเทอาศได้อย่างสะดวก แสงแดดก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ทำให้เกิดความร้อนขึ้นได้ ซึ่งโดยปกติแล้วอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ทุกชิ้นไม่ควรถูกจัดวางให้สัมผัสกับแสงแดด เครื่องคอมพิวเตอร์ก็เช่นกันไม่ควรจัดวางให้สัมผัสกับแสงแดดโดยตรง

4) การดูแลรักษาเรื่องฝุ่นละออง

ฝุ่นละอองเป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ฮาร์ดแวร์ต่างๆ เสียหายได้เร็วขึ้น เนื่องจากฝุ่นละอองจะเข้าไปขัดขวางทางเดินของกระแสไฟฟ้าบนแผงวงจร ทำให้ฮาร์ดแวร์ชิ้นนั้นทำงานได้ไม่เต็มที่หรือทำงานติดขัด นอกจากนี้ฝุ่นละอองยังเป็นอุปสรรคในการระบายความร้อน โดยเฉพาะเครื่องพิมพ์แบบพ่นหมึก (Inkjet Printer) หากฝุ่นละอองจะเข้าไปขวางกั้นการทำงานของเครื่องพิมพ์ทำให้การพิมพ์ภาพหรือตัวอักษรบนกระดาษเลอะเลือนได้

ควรเปิดฝาครอบเครื่องออกมาเป่าฝุ่นที่เกาะอยู่ตามแผงวงจร ถ้าไม่มีเครื่องเป่าลมให้ใช้แปรงทาสีที่มีขนนุ่มๆ มาทำความสะอาดฝุ่นละอองที่เกาะบนแผงวงจรภายในเครื่องซึ่งจะช่วยให้กระระบายความร้อนดีขึ้น

5) การดูแลรักษาเรื่องน้ำ

น้ำหรือของเหลวเป็นสาเหตุสำคัญที่สุดที่ทำให้ฮาร์ดแวร์ชิ้นต่างๆ เสียหายได้ เนื่องจากฮาร์ดแวร์ทุกชิ้นต้องใช้ไฟฟ้าในการทำงานและน้ำก็เป็นตัวการที่ทำให้กระแสไฟฟ้าลัดวงจร ดังนั้นจึงไม่ควรนำน้ำหรือของเหลวใดๆ เข้าใกล้ฮาร์ดแวร์ทุกชิ้น แต่ถ้ามีความจำเป็นต้องใช้น้ำในการทำความสะอาดก็ควรถอดปลั๊กไฟออกก่อน และใช้ผ้าชุบน้ำหมาดๆ เช็ดทำความสะอาด แล้วใช้ผ้าแห้งเช็ดอีกครั้ง

2. โปรแกรมบำรุงรักษาเครื่องคอมพิวเตอร์

นอกเหนือจากการดูแลรักษาภายนอกหรือส่วยประกอบต่างๆ ของเครื่องคอมพิวเตอร์แล้ว ควรจะต้องมีหรือใช้โปรแกรมเพื่อการบำรุงรักษาเครื่องคอมพิวเตอร์ด้วย ดังนี้

2.1 Disk cleanup (จุดประสงค์เชิงพฤติกรรมข้อที่ 2)

การสร้างประสิทธิภาพของการใช้ระบบประการหนึ่งคือการกำจัดข้อมูลที่ไม่ถูกใช้งาน ซึ่งอาจเป็นข้อมูลที่สร้างขึ้นชั่วคราวระหว่างการใช้โปรแกรมแล้วไม่ได้ถูกลบทิ้งเมื่อเลิกใช้ หรือข้อมูลที่มีอยู่ซ้ำซ้อนกันแต่เก็บในต่างตำแหน่งกัน ไฟล์ข้อมูลของระบบปฏิบัติการที่อาจไม่ได้ใช้แล้ว ซึ่งเมื่อมีข้อมูลที่ไร้ประโยชน์เก็บอยู่นอกจากจะทำให้เปลืองเนื้อที่บันทึกในดิสก์โดยเปล่าประโยชน์แล้วยังอาจกระทบต่อการสร้างประสิทธิภาพอื่นๆ เช่น การกระจายของข้อมูลที่เก็บในดิสก์ (fragmented file) การเลื่อนของหัวอ่านดิสก์ที่จะต้องเลื่อนไปในแทรกต่างๆ หากมีการเก็บข้อมูลมากจำนวนแทรกที่มีข้อมูลก็จะมากทำให้หัวอ่านมีโอกาสที่จะต้องเลื่อนไปมาไกลขึ้น

โปรแกรมกวาดล้างข้อมูลส่วนเกิน (disk cleanup utility) จะตรวจสอบข้อมูลไฟล์ประเภทต่างและให้ผู้ใช้ได้เลือกว่าต้องการลบข้อมูลกลุ่มใดออกจากระบบ หรือให้เลือกแยกเป็นไฟล์ไปว่าไฟล์ใดต้องการลบออกบ้าง โดยจะแสดงชื่อไฟล์ที่น่าจะไม่ได้ถูกใช้งานออกมาให้เลือก

2.2 Disk defragmenter (จุดประสงค์เชิงพฤติกรรมข้อที่ 3)

โปรแกรมช่วยจัดระเบียบข้อมูลในดิสก์ (Disk defragmentation) หากเป็นฮาร์ดดิสก์ที่เริ่มใช้งานใหม่หลังจากถูกฟอร์แมต ระบบปฏิบัติการจะจัดเก็บข้อมูลของไฟล์ไว้อย่างต่อเนื่องบนเนื้อดิสก์ แต่หลังจากที่มีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลที่อยู่ในไฟล์ เช่นมีการลบไฟล์ เพิ่มข้อมูล ฯลฯ ข้อมูลใหม่ของไฟล์จะถูกกระจายไปยังเนื้อที่ว่างที่ยังไม่ได้ถูกใช้งาน ทำให้ข้อมูลในไฟล์ไม่ต่อเนื่องกัน การที่เนื้อหาของไฟล์เดียวกันถูกจัดเก็บกระโดข้ามตำแหน่งกันไม่อยู่ต่อเนื่องทำให้ประสิทธิภาพในการอ่านข้อมูลไฟล์นั้นลดลงเนื่องจากต้องใช้เวลาในการเลื่อนหัวอ่านข้อมูลของดิสก์ข้ามไปมาในระหว่างอ่านชุดของข้อมูล

การจัดเก็บไฟล์ที่กระโดดข้ามไปมานั้นเป็นผลที่เกิดขึ้นจากการทำงานตามปกติ ซึ่งเรียกว่าไฟล์ที่แบ่งแยกออกเป็นชิ้นเล็กน้อย หรือ Fragmented file คือส่วนต่างๆ ของไฟล์กระจัดกระจายไม่ต่อเนื่องกันอยู่บนดิสก์ ซึ่งมีผลทำให้การเข้าถึงข้อมูลต้องใช้เวลามากขึ้น

โปรแกรมรวมรวมจัดระเบียบการจัดเก็บไฟล์ใหม่ (File defragmentation utility) เป็นโปรแกรมยูทิลิตี้ที่ทำการจัดตำแหน่งเนื้อที่ในแต่ละไฟล์ให้มาอยู่ต่อเนื่องกัน เพื่อจะเพิ่มความเร็วในการเข้าถึงข้อมูลในดิสก์ และบางโปรแกรมยังทำการจัดตำแหน่งไฟล์ให้อยู่ในตำแหน่งในดิสก์ให้เหมาะสมกับการใช้งาน โดยดูจากโอกาสในการถูกใช้งานมากน้อยเพียงใด หากเป็นกลุ่มไฟล์ที่จะถูกเรียกใช้งานบ่อยก็อาจนำมาวางเรียงกันในตำแหน่งใกล้กัน เพื่อไม่ให้หัวอ่านดิสก์ต้องเลื่อนตำแหน่งไปไกลมาก เป็นต้น

ตัวอย่างเช่น โปรแกรมในชุดโปรแกรม Norton Utility ได้แก่ Speed Disk, Optimization Wizard คำสั่ง Disk Defragmenter ในกลุ่มคำสั่ง Accessory ของวินโดว์ เป็นต้น

2.3 Action center (จุดประสงค์เชิงพฤติกรรมข้อที่ 4)

Action Center คือหน้าต่างที่แสดงตอนเข้าสู่ระบบ Windows เพื่อแแสดงให้เห็นว่าเครื่องคอมพิวเตอร์ทำงานได้มีประสิทธิภาพหรือไม่ ตัวอย่างเช่น Action Center จะแสดงโปรแกรมแอนตี้ไวรัสที่ไม่ได้อัปเดท หรืออาจเป็นเรื่องการสำรองข้อมูล (Backup) เป็นต้น ซึ่งจะมีการแสดงสีต่างๆ เพื่อเตือนให้ทราบ

Action Center เป็นคุณสมบัติหนึ่งของระบบปฏิบัติการ Windows ที่ถูกออกแบบให้รวมการตั้งค่าต่างๆ สำหรับความปลอดภัย เช่น Windows Update, ตรวจสอบโปรแกรมแอนตี้ไวรัส, การสำรองข้อมูล อาจจะเรียกว่าเป็นโปรแกรมที่รวมการเตือนความผิดปกติต่างๆ ไว้ หากมีสิ่งผิดปกติเกิดขึ้นบนระบบจะสามารถตรวจเช็คจากจุดดังกล่าวได้ทันที โดยเฉพาะตั้งค่าเกี่ยวกับความปลอดภัยทั้งหมด โดยไอคอนของ Action Center จะเป็นรูปธงสีขาวอยู่ที่ System Tray เมื่อมีการแจ้งเตือนต่างๆ ไอคอนนี้จะมีเครื่องหมาย X สีแดงอยู่ที่ธงเพื่อเตือนให้ผู้ใช้ทราบ

ส่วนการจะเข้าไปใช้งาน Action Center ในระบบปฏิบัติการนั้น ให้สังเกตใน System Tray ว่ามีเครื่องหมายเตือนใดๆ เกิดขึ้นมาหรือไม่ หากมีสามารถเข้าไปคลิกเพื่อให้แสดงผลการรายงานสิ่งผิดปกติเหล่านั้นออกมาให้ได้ทราบ ด้วยการเลือกคลิกที่ Open Action Center

2.4 Administrative tools (จุดประสงค์เชิงพฤติกรรมข้อที่ 5)

Administrative tools เป็นเครื่องมือในการติดตั้ง แก้ไขและเพิ่ม service ต่างๆ เปรียบได้เหมือน control panel ใน windows

กลุ่มโปรแกรมสำหรับผู้ดูแลระบบ หรือเจ้าของเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ติดตั้ง Windows จะต้องมีผู้ดูแลระบบที่เรียกว่า Admin เป็นผู้มีอำนาจสูงสุดในการจัดการกับคอมพิวเตอร์เครื่องนั้นๆ ส่วนใหญ่จะเป็นการตั้งค่าโดยผู้ดูแลคอมพิวเตอร์ในบริษัทมากกว่า กรณีบริษัทแจกคอมพิวเตอร์ให้พนักงานนำไปใช้งานและมีปิดการทำงานบางอย่างไว้ไม่ให้ใช้งานโดยเฉพาะการติดตั้งโปรแกรมเพิ่มลงในระบบปฏิบัติการ Windows โดยเฉพาะโปรแกรมที่ผิดกฏหมาย

2.5 การสร้างพาร์ทิชั่นใน Windows (จุดประสงค์เชิงพฤติกรรมข้อที่ 6)

พาร์ติชั่น (Partition) เป็นการแบ่งพื้นที่ของฮาร์ดดิสก์เป็นส่วนๆ หรือแบ่งเป็นหลายไดร์ฟ เพื่อความสะดวกในการเข้าถึงข้อมูลและโปรแกรม โดยปกติเราควรแบ่งพาร์ติชั่นอย่างน้อยเป็น 2 ไดร์ฟ คือ C: และ D: โดยปกติไดร์ฟ C: จะมีไว้สำหรับติดตั้งโปรแกรมต่างๆ ส่วนไดร์ฟ D: สำหรับเก็บข้อมูลหรือเพื่อสำรองข้อมูล

เมื่อมีการใช้งานระบบปฏิบัติการ windows ไปสักระยะหนึ่ง มีการติดตั้งโปรแกรมใหม่ๆ และยกเลิกการติดตั้งบ่อยๆ จะทำให้ระบบปฏิบัติการ windows มีปัญหา ทางแก้ไขที่ดีที่สุดคือการ Format ฮาร์ดดิสก์และติดตั้งโปรแกรมใหม่ ดังนั้นถ้ามีไดร์ฟเดียวจะทำให้มีปัญหาของข้อมูลที่เราต้องการสำรองก่อนติดตั้งระบบปฏิบัติการใหม่

การสร้างพาร์ทิชั่นใหม่ในพื้นที่ฮาร์ดิสก์ของระบบปฏิบัติการ Windows สามารถคลิก Start / Control Panel คลิกเลือกเมนู System and Security และคลิกเมนู Administrative Tools จากนั้นดับเบิ้ลคลิกที่ Computer Management จะปรากฏหน้าต่าง Computer Management ให้คลิกเลือก Disk Management ที่อยู่ภายใต้เมนู Storage จะปรากฏรายการไดร์ฟและรายละเอียดของไดร์ฟต่างๆ ของคอมพิวเตอร์ ซึ่งเราสามารถสร้างพาร์ทิชั่นใหม่ได้ที่นี้ เช่นเดียวกับการคลิก Start แล้วพิมพ์ที่ช่องค้นหาด้วยข้อความ disk ma หรือจะพิมพ์ disk management ก็ได้ จะปรากฏรายชื่อโปรแกรมขึ้นมา ให้คลิกเลือกที่ Create and format hard disk partitions

2.5.1 การลบพาร์ทิชั่น

หลังจากที่สร้างไดร์ฟพาร์ทิชั่นใหม่ขึ้นมาใช้งานแล้ว เมือใดที่เห็นว่าพื้นที่ไม่พอใช้งานหรือต้องการลบไดร์ฟหรือพาร์ทิชั่นที่สร้างขึ้นออกไปก็สามารถทำได้ ซึ่งเมื่อลบพาร์ทิชั่นแล้วไดร์ฟหรือพาร์ทิชั่นนั้นๆ จะถูกรวมกับพาร์ทิชั่นอื่น โดยการคลิกที่ไดร์หรือพาร์ทิชั่น แล้วคลิกคำสั่ง Delete หรือคลิกขวาที่ไดร์ฟหรือพาร์ทิชั่นที่ต้องการลบ แล้วคลิกคำสั่ง Delete Volume… จากนั้นให้คลิกขวาที่ไดร์ฟหรือพาร์ทิชั่นที่ Delete Volume ไปแล้วอีกครั้ง เพื่อเลือกคำสั่ง Delete Partition… อีกครั้ง แล้วทำการรวมพื้นที่ว่างกับพาร์ทิชั่นที่ต้องการ โดยคลิกขวาที่ไดร์ฟหรือพาร์ทิชั่นที่ต้องการรวมกับพื้นที่ว่าง แล้วคลิกคำสั่ง Extend Volume…