บทสรุปการดำเนินงาน
ความเดิมจากตอนที่แล้ว
ภายหลังที่พวกเราได้ผนึกกำลังร่วมกันระหว่าง ม.ฟาร์อีสเทอร์น และ กศน. จังหวัดเชียงใหม่ ( MOU เมื่อวันที่ 18 สิงหาคม 2564) กลไกการขับเคลื่อนครู กศน.ในการผลิตคอนเทนต์การสอนก็ได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว !!! ความท้าทายของโปรเจคนี้ คือ "เราจะสามารถสร้างระบบการเรียนรู้บนพื้นที่ชายขอบในพื้นที่ที่ไม่มีอินเทอร์เนตได้อย่างไร ?" ซึ่งที่สุดแล้วพวกเราจะสามารถดำเนินงานได้ตามวัตถุประสงค์โครงการได้หรือไม่ ติดตามได้ตามรายละเอียดตลอด 18 เดือน ได้เลย ..
กลไกการขับเคลื่อน
การขับเคลื่อนกลไกเริ่มต้นจากการจัดทำ MOU ระหว่างผู้บริหารทั้งสองฝ่ายโดย ดร.ฉัตรทิพย์ สุวรรณชิน รองอธิการบดีฝ่ายวิชาการ มหาวิทยาลัยฟาร์อีสเทอร์น และสำนักงาน กศน. จังหวัดเชียงใหม่ โดยนางสาวทิพวรรณ เตียงธวัช ผู้อำนวยการสำนักงาน กศน.จังหวัดเชียงใหม่ ในวันที่ 18 สิงหาคม 2564 ณ สำนักงาน กศน.จังหวัดเชียงใหม่ อันเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนการพัฒนาศักยภาพบุคลากรในหน่วยงาน กศน.ให้มีความสามารถในออกแบบและพัฒนาคอนเทนต์เพื่อให้ผู้เรียน กศน.
ผลการดำเนินงานตามการบันทึกข้อตกลร่วมมือทางวิชาการ ทำให้เกิด การดำเนินงานตามกรอบการดำเนินงานที่ผ่านการประชุมร่วมกัน การมอบหมายภารกิจ กำหนดตัวชี้วัดการดำเนินการที่ตรงกับความเชี่ยวชาญ เนื่องจากงานวิจัยนี้ประกอบด้วย 3 องค์ประกอบหลัก ได้แก่ การพัฒนาอุปกรณ์ การพัฒนาดิจิทัลคอนเทนต์ (Digital Content) ต้นแบบจากทีมนักวิจัย และการพัฒนาผู้พัฒนาดิจิทัลคอนเทนต์ การสอนจากครู กศน. โดยที่ผู้รับผิดชอบในแต่ละส่วนมีความเชี่ยวชาญในศาสตร์แต่ละด้าน มีขอบเขตงานที่กำหนดบทบาทและหน้าที่ในแต่ละส่วนที่ชัดเจน
กระบวนการดำเนินงาน
การสร้างสื่อการสอนแบบดิจิทัลคอนเทนต์ สำคัญที่สุดคือการพัฒนา "ครู" ดังนั้นเราจึงได้มีการขับเคลื่อนการดำเนินงานได้มีการดำเนินกิจกรรม Coaching & Mentoring : Content Creator ทีมผู้สอน กศน จำนวน 3 รุ่น ครอบคลุมพื้นที่ชายขอบในจังหวัดเชียงใหม่ จำนวนทั้งสิ้น 16 อำเภอ
รุ่นที่ 1 ระหว่างวันที่ 9-11 กุมภาพันธ์ 2564 เวลา 9:00 - 16:00 น. ณ โรงแรมพิงภูเขา 558 หมู่ 14 ตำบลข่วงเปา อำเภอจอมทอง จังหวัดเชียงใหม่
รุ่นที่ 2 ระหว่างวันที่ 4 - 5 เมษายน 2565 เวลา 9:00 - 16:00 น. ณ ฮักร่มไม้ รีสอร์ท อำเภอหางดง จังหวัดเชียงใหม่
รุ่นที่ 3 ระหว่างวันที่ ในวันที่ 21-22 เมษายน 2565 เวลา 9:00 - 16:00 น. ณ ริมดอย รีสอร์ท ตำบลเมืองงาย อำเภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่
การดำเนินกิจกรรม Coaching & Mentoring: Content Creator นี้ ได้พัฒนา ครู กศน. จำนวนทั้งสิ้น 79 คน โดยครูที่เข้าร่วมในรุ่นที่ 1 จะได้ทำหน้าที่เป็นพี่เลี้ยงให้ครูในพื้นที่ของตนในแต่ละอำเภอ โดยบางส่วนได้กลายมาเป็นวิทยากรแกนนำในรุ่นที่ 2 และ รุ่นที่ 3 เป็นการขับเคลื่อนงานที่ทุกฝ่ายสนับสนุนการทำงานแบบซึ่งกันและกัน ค่าเฉลี่ยการดำเนินกิจกรรมในภาพรวม 4.42 อยู่ในระดับ ดี ผลสะท้อนกลับจากผู้เข้าร่วมกิจกรรมผ่านกระบวนการติดตามในพื้นที่ กศน. รายอำเภอ พบว่าครู ผู้สอนมีความเข้าใจในการใช้แอปพลิเคชันเพื่อการสร้างดิจิทัลคอนเทนต์ที่มากขึ้น มีทักษะการสร้างสื่อคอนเทนต์ผ่านแอปพลิเคชัน Capcut ที่ง่ายกว่าเมื่อเทียบกับประสบการณ์การใช้แอปพลิเคชันที่ผ่านมาทำให้สามารถสร้าง สื่อคอนเทนต์ต่างๆ ได้ทันที โดยมีประเด็นที่น่าสนใจ ดังนี้
ด้านผลสัมฤทธิ์
สามารถสร้างคลิปสั้นบรรยากาศการจัดกิจกรรมของ กศน. การสร้างคลิปสั้นทักษะการประกอบอาชีพ ได้แก่ อาหารพื้นเมือง ขนมจีนน้ำยาป่า แกงฮังเล การทำสบู่ น้ำยาล้างจาน เป็นต้น
มีความรู้ในการจัดการเรียนการสอนในรูปแบบชุมชนเป็นฐาน
มีความรู้ความเข้าใจในการพัฒนาสื่อการสอนด้วยการนำเอาผู้เรียนมาเป็นส่วนหนึ่งในดำเนินงานตามภารกิจต่าง ๆ ของหน่วยงาน
ครู ผู้สอนสามารถทำหน้าที่เป็นวิทยากรบรรยายให้แก่เพื่อนร่วมงานได้
ด้านทักษะที่เกิดขึ้น
ครู ผู้สอนเข้าใจในหลักการสร้างสื่อการสอนดิจิทัลคอนเทนต์ สามารถใช้โทรศัพท์สร้างสื่อคอนเทนต์ได้ทันที แต่ยังต้องใช้เวลาและสะสมประสบการณการทำงานให้มากกว่านี้
ครู ผู้สอนเข้าใจสภาพปัญหาต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในการสร้างสื่อการสอนดิจิทัลคอนเทนต์ และมีแนวทางการดำเนินงานเพื่อแก้ไขและสามารถพัฒนาคุณภาพของสื่อได้
ครู ผู้สอน สามารถส่งผ่านทักษะทางด้านเทคโนโลยีการสร้างสื่อการสอนดิจิทัลคอนเทนต์ไปยังกลุ่มครู ผู้สอนที่ไม่ได้เข้าร่วมกิจกรรมได้
มีทักษะการสร้างคลิปที่สามารถลบพื้นหลังได้ง่ายและรวดเร็ว ทำให้สามารถสร้างสรรค์ผลงานต่างๆ ได้อย่างรวดเร็ว
ด้านปัญหา อุปสรรค และข้อเสนอแนะ
สภาพปัญหาที่พบส่วนใหญ่ คือ การขาดแคลนอุปกรณ์อุปกรณ์ในการผลิตสื่อการสอนดิจิทัลคอนเทนต์ ได้แก่ กล้องบันทึกวิดีโอคุณภาพสูง ไมค์เสียงไร้สาย อุปกรณ์ประกอบ เนื่องจาก ครู ผู้สอนส่วนใหญ่ใช้ทุนส่วนตัวในการจัดทำ อยากให้มีการจัดซื้ออุปกรณ์ต่างๆ ไว้ที่ส่วนกลางเพื่อให้ทุกหน่วยงานภายในสามารถนำไปใช้
ครู ผู้สอนมีความเข้าใจว่า สื่อการสอนดิจิทัลคอนเทนต์ เป็นแนวทางการดำเนินงานที่มีประโยชน์อย่างมากต่อการเรียนการสอนในปัจจุบัน และไม่ได้มองว่าเป็นภาระงานที่เพิ่มขึ้น แต่อาจจะมีอุปสรรคต่อการทำงานอยู่บ้าง เนื่องจาก ภารกิจที่ต้องดำเนินงานในแต่ละวันมีปริมาณมาก
ครู ผู้สอนมีความเข้าใจดีว่าการสร้างสื่อการสอนดิจิทัลคอนเทนต์ เป็นหลักฐานเชิงประจักษ์หรือผลงานที่มีความเป็นรูปธรรมชัดเจน ง่ายต่อการเข้าถึง และตรวจสอบผลการดำเนินงานได้ง่าย
ครูผู้สอนอยากให้มีการปรับข้อจำกัดด้านงบประมาณ หรือระเบียบการต่าง ๆ เพื่อลดขั้นตอนการดำเนินงาน และเป็นการสนับสนุนการสร้างสื่อการสอนดิจิทัลคอนเทนต์
ด้านการสนับสนุนเชิงโครงสร้างของผู้บริหาร
ผู้อำนวยการ กศน. มีส่วนสำคัญในการผลักดันและสนับสนุนให้เกิดกระบวนการพัฒนาบุคลากรครู ผู้สอนให้มีทักษะการสร้างสื่อการสอนดิจิทัลคอนเทนต์ ดังจะพบได้ว่า มีการกำหนดให้การสร้างสื่อการสอนดิจิทัลคอนเทนต์เป็นส่วนหนึ่งของภาระงาน ผู้สอนจะต้องทำคลิปสื่อการสอนเพื่อไว้ใช้สอนในช่วงสถานการณ์โควิด – 19 มีการประเมินด้วยการนำเอาสื่อการสอนดิจิทัลคอนเทนต์มาเป็นส่วนหนึ่งในการพิจารณาเลื่อนขั้นประจำปี
การสนับสนุนให้บุคลากรเข้ารับการอบรมเพื่อพัฒนาทักษะทางด้านดิจิทัลเทคโนโลยีอย่างต่อเนื่อง ผ่านการกำหนดแผนการดำเนินงานประจำปี
การเชื่อมโยงความร่วมมือกับหน่วยงานทางด้านการศึกษา
ด้านความต้องการของครู ผู้สอน
ต้องการเรียนรู้การบูรณาการเนื้อหาที่สอนร่วมกับการสร้างสื่อการสอนดิจิทัลคอนเทนต์ รวมถึงการสร้างแผนปฏิบัติสำเร็จรูปสำหรับการเรียนการสอนบนพื้นที่สูง
ต้องการเรียนรู้เทคนิคการสร้างสื่อการสอนให้มีความน่าสนใจ ผ่านเทคนิคการสร้างผลงานต่าง ๆ การแลกเปลี่ยนเรียนรู้ด้วยการลงพื้นที่จริง ปฏิบัติการจริง
ต้องการเรียนรู้เทคนิคการสร้างสื่อดิจิทัล ได้แก่ การตัดต่อจากคอมพิวเตอร์ การสร้าง E-Book การสร้างแบบทดสอบแบบออนไลน์ การสร้างกราฟิกอินโฟ เป็นต้น
ความสับสนเชิงการปฏิบัติในการคิดนอกกรอบ แต่ส่วนใหญ่ทำงานตามนโยบายที่มีกรอบคิดมาจากส่วนกลาง
ต้องการให้มีการจัดโครงการเพื่อทบทวนความเข้าใจ และต่อยอดจากเรื่องเดิมอย่างต่อเนื่อง
กศน.ที่ดำเนินกิจกรรมร่วมกัน จำนวน 16 อำเภอ
ข้อมูล ณ วันที่ 23 กรกฏาคม 2564
กศน.ที่เข้าร่วมกิจกรรมการประชุมสรุปผลการดำเนินงาน (ขยายผล) 25 อำเภอ ครอบลุมจังหวัดเชียงใหม่ ข้อมูล ณ วันที่ 16 ธันวาคม 2565
การติดตามลงพื้นที่แบบฝังตัว
ภายหลังจากที่ได้ดำเนินกิจกรรม ทีมวิจัยได้มีการลงพื้นที่ ศศช. จำนวน 5 แห่ง เพื่อทำการติดตั้งโซลาร์เซลล์ ได้แก่ ศศช.บ้านแม่ป๊อกบน กศน.อำเภอดอยเต่า,ศศช.บ้านหลวง กศน.อำเภอดอยเต่า, ศศช.บ้านนามะอื้น กศน.อำเภอแม่อาย, ศศช.บ้านจะโต๊ะ กศน.อำเภอแม่อาย (รอยต่ออำเภอฝาง), ศศช.บ้านห้วยแม่เกี๋ยง กศน.อำเภอเชียงดาว, ศศช.บ้านนาสิริ กศน.อำเภอเชียงดาว, ศศช.บ้านห้วยปูหลวง กศน.อำเภออมก๋อย, ศศช.บ้านห้วยตองน้อย กศน.อำเภออมก๋อย
ผลการดำเนินงานพบว่า ครูมีความสุขในการสอนเด็กๆ ศศช. มีหน้าที่ให้ทำตลอดทั้งวันทั้งสอนหนังสือ จัดกิจกรรมเสริมสร้างทักษะการอ่านออกเขียนได้ ตลอดจประกอบอาหารกลางวันในทุกๆ วัน ซึ่งเป็นบทบาทที่หนักและเปิดประสบการณ์ใหม่ๆ ให้แก่ทีมนักวิจัย จากการที่ได้สัมภาษณ์ในประเด็นภาระงานที่ต้องพัฒนาสื่อการสอนดิจิทัลว่าเป็นอย่างไร ผลสะท้อนโดยภาพรวมครูเข้าใจในการที่จะต้องมีการปรับเปลี่ยนแนวทางการทำให้งานสอดคล้องกับเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลง ไม่ได้มองว่าการสร้างสื่อดิจิทัลเป็นภาระ หากแต่เป็นการดีที่จะได้มีข้อมูลสารสนเทศด้านการเรียนการสอนจัดเก็บไว้ในรูปแบบดิจิทัลเพื่อการแลกเปลี่ยนต่อไปในอนาคต ในส่วนของการทดลองใช้เครื่องมือ Digital Offline Learning Platform พบว่า การใช้งานแพลตฟอร์มมีความง่าย ไม่ยุ่งยาก สามารถนำมาปรับใช้กับผู้เรียนได้
การลงพื้นที่ ณ ศศช.บ้านห้วยปูหลวง และ ศศช.บ้านห้วยตองน้อย ต.อมก๋อย อ.อมก๋อย จ.เชียงใหม่
การลงพื้นที่ ณ กศน.อำเภอแม่อาย จังหวัดเชียงใหม่
สัมภาษณ์ ครูวรวลัญจ์ สิงห์สุวรรณ กศน.อำเภอแม่อาย จ.เชียงใหม่ โดยพบว่า อุปกรณ์ Digital (Offline) Learning Platform มีรูปแบบการใช้งานที่ง่าย สามารถแก้ไขและใช้งานได้ทันที ทั้งในรูปแบบออนไลน์และออฟไลน์
บรรยากาศการติดตั้ง Solar Cell บนพื้นที่ ศศช.บ้านนามะอื้น อำเภอแม่อาย จังหวัดเชียงใหม่ อากาศวันนี้ตอนเช้าฝนพรำๆ ตอนเที่ยงร้อนสุดๆ ตอนบ่ายมีฝนตกหนัก ลุ้นตลอดทางว่าจะสามารถเดินทางลงมาตัวอำเภอได้หรือไม่ ชีวิตครูดอยนี่มันไม่ได้ง่ายๆ เลยจริงๆ ครับ
นบรรยากาศแบบอบอุ่นของผู้คนบนดอย ณ เส้นทางจาก ศศช.บ้านห้วยปูหลวงมุ่งหน้าสู่ ศศช. บ้านห้วยตองน้อย เพื่อไปติดตั้งชุดอุปกรณ์โซล่าร์เซลล์ เพื่อให้ ศศช. ได้มีไฟฟ้าซึ่งเป็นระบบสาธารณูปโภคที่สำคัญ (มากกกกก) ต่อการเรียนรู้ของน้องๆ ในยุคแห่งข้อมูลข่าวสาร นวัตกรรม เทคโนโลยี และการสร้างสรรค์ ให้การศึกษาเป็นเรื่องที่ทุกคนเท่าเทียม มีความสุขที่ได้ทำมากเลย
ผลผลิต
การพัฒนาแพลตฟอร์มสังคมแห่งการเรียนรู้และอุปกรณ์พกพาเพื่อสนับสนุนการสอนของผู้เรียนนอกระบบและตามอัธยาศัยในพื้นที่ชายขอบ จังหวัดเชียงใหม่
การลงพื้นที่ ณ ศศช.บ้านดอยหลวง ต.มืดกา อ.ดอยเต่า จ.เชียงใหม่
แนวคิดการทำงานของระบบคือ “ง่ายและเปิดกว้าง” เน้นการใช้งานตามพื้นฐานคอมพิวเตอร์ที่ใช้ในชีวิตประจำวัน ในกรณีที่ต้องการสร้างสื่อการสอน ผู้สอนสามารถใช้เมาท์ลาก Folder ที่สามารถตั้งชื่อเป็นวิชาที่ผู้สอนต้องการ เมื่อทำการ Copy & Paste ไว้ในระบบเสร็จสิ้นแล้ว ระบบจะดำเนินงานสร้าง Template ไฟล์ประกอบสำหรับการสร้างสื่อการสอนอัตโนมัติ เพื่อสามารถนำไปต่อเข้ากับอุปกรณ์การสอนได้ทันที โดยในการทำงานสามารถดำเนินงานผ่านเว็บไซต์ http://nonformaledu.org/sandbox/ ได้อีกทางหนึ่ง ปัจจุบันอยู่ระหว่างการจัดเตรียมชุด Content การสอนจากครู กศน.เพื่อ Upload ขึ้นระบบเพื่อใช้สำหรับการศึกษาเรียนรู้ผ่านระบบออนไลน์
2. การออกแบบและพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนการสอนเพื่อพัฒนาสมรรถนะของผู้เรียนนอกระบบและตามอัธยาศัย
S T U D E N T Model
ที่มา ฐิติมา ญาณะวงษา
STUDENT Model เป็นโมเดลการเรียนรู้ที่พัฒนาขึ้นจากทีมวิจัยที่ตกผลึกมาจากกระบวนการดำเนินงานวิจัย นำไปใช้เป็นแนวทางการสร้างสื่อการสอนแบบดิจิทัลคอนเทนต์ของครูกศน. เกิดการแลกเปลี่ยนแนวทางการดำเนินงานผ่านกิจกรรมต่าง ๆ ทำให้เกิดประสิทธิภาพในการจัดการเรียนส่งผลให้ผู้เรียนมีสมรรถนะตามวัตถุประของเนื้อหาการ ประกอบด้วย
Self-Directed Learning แนวทางการออกแบบบทเรียนที่ส่งเสริม การเรียนแบบนำตนเอง
TPCK Technology Pedagogy Content Knowledge Upskill Reskill พัฒนาทักษะเดิม เพิ่มเติมทักษะใหม่
Design Digital Content ออกแบบดิจิทัลคอนเทนต์
Elaboration & Evaluation ขยายความรู้ และการประเมินผล
Nourishing ดูแล ช่วยเหลือ
Tribe ผู้เรียนชาติพันธุ์
รูปแบบการจัดการเรียนการสอนเพื่อพัฒนาสมรรถนะผู้เรียนกศน.ที่พัฒนาขึ้นประกอบด้วย
1. Self-Directed Learning ผู้สอนออกแบบแนวทางการจัดการเรียนการสอนที่ส่งเสริมการเรียนรู้แบบนำตนเองของผู้เรียนด้วย 4 ขั้นตอนสำคัญ ดังนี้
ประเมินความพร้อมที่จะเรียนรู้ (Assess readiness to learn) ผู้สอนประเมินความพร้อมหรือวิเคราะห์ผู้เรียนของสถานศึกษาตนเอง หรือให้ผู้เรียนได้ประเมินตนเองก่อนนำข้อมูลที่ได้มาออกแบบ วางแผน คัดเลือกกิจกรรมและเนื้อหาการเรียนรู้ที่เหมาะสมกับผู้เรียนต่อไป
วางแผนการเรียนรู้ (Set learning goals) ได้แก่ กำหนดเป้าหมายของการเรียนแต่ละบท ลำดับการเรียนรู้ วิธีการให้คะแนน การให้ผลป้อนกลับระหว่างเรียน และการกำหนดแหล่งการเรียนรู้เพิ่มเติมที่ผู้เรียนสามารถศึกษาได้
การมีส่วนร่วมในการเรียนรู้ (Engage in the learning process) วิเคราะห์ความต้องการในการเรียนรู้ของผู้เรียน วิธีการเรียนรู้ที่เหมาะกับผู้เรียน (learning style) รวมถึงวิธีการกำหนดแนวทางการเรียนจนผู้เรียนสามารถนำความรู้ไปประยุกต์ใช้ได้
การประเมินการเรียนรู้ (Evaluate learning) ออกแบบการวัดและประเมินผลผู้เรียน เพื่อให้ผู้เรียนเห็นความก้าวหน้า และพัฒนาการการเรียนรู้ของตนเอง
2. TPCK Technology Pedagogy Content Knowledge ผู้สอนวิเคราะห์ และออกแบบการจัดการเรียนรู้โดยการบูรณาการเทคโนโลยีและศาสตร์การสอนและเนื้อหาสาระ (TPCK) โดยผู้สอนทำการวิเคราะห์และออกแบบ 3 องค์ประกอบที่สำคัญ ดังนี้
ความรู้ด้านเทคโนโลยี (Technological Knowledge) องค์ความรู้ด้านเทคโนโลยีดิจิทัลของผู้สอน และสื่ออุปกรณ์ด้านเทคโนโลยีสารสนเทศทางการศึกษาที่ผู้สอนจะนำมาประยุกต์ใช้ หรือพัฒนาสื่อการเรียนการสอน
ความรู้ด้านวิธีการสอน (Pedagogical Knowledge) แนวทางการจัดการเรียนการสอนให้กับผู้เรียน วิธีการถ่ายถอดความรู้ไปสู่ผู้เรียน และเทคนิคการสอนที่ใช้ในการจัดการเรียนรู้ และวิธีการประเมิน (Assessment methods)
ความรู้ด้านเนื้อหา (Content Knowledge) สาระ, ข้อมูล, แนวคิด, หลักการที่เกี่ยวข้องกับเนื้อหาวิชาการในหลักสูตรกศน.ที่ต้องการที่จะถ่ายทอดไปยังผู้เรียน
3. Upskill Reskill พัฒนาทักษะเดิม เพิ่มเติมทักษะใหม่ ผู้สอนออกแบบกิจกรรมการเรียนรูการทบทวนความรู้พื้นฐานและทักษะพื้นฐานเดิมของผู้เรียน ก่อนนำเข้าสู่เนื้อหาและการพัฒนาทักษะใหม่
4. Digital Content พัฒนาสื่อการสอนดิจิทัลคอนเทนต์ ตามขั้นตอนที่สำคัญดังนี้
กำหนดสาระสำคัญการเรียนการสอน และโครงสร้างการเรียนรู้ของสื่อ (Conceptualize)
ออกแบบกระบวนการพัฒนาสื่อและเลือกเทคโนโลยีดิจิทัลที่ใช้ในการจัดการเรียนรู้ (Learning Design)
สร้างสื่อการสอนดิจิทัลคอนเทนต์ต้นแบบ (Rapid Prototype)
ประเมินและปรับปรุงสื่อการสอนดิจิทัลคอนเทนต์ (Evaluation and Revision)
เผยแพร่ ใช้สื่อการสอนดิจิทัลคอนเทนต์จัดการเรียนรู้ และประเมินผลการใช้สื่อการสอนดิจิทัลคอนเทนต์ (Elaboration & Evaluation)
5. Elaboration & Evaluation การขยายความรู้ และการประเมินผล
6 Nourishing สร้างแนวทางในการติดตาม ดูแล และช่วยเหลือผู้เรียนในการเรียนรู้ผ่านสื่อการสอนดิจิทัลคอนเทนต์ 3 ระยะ ได้แก่ ก่อนเรียน ระหว่างเรียน และหลังเรียน
7. Tribe ผู้เรียนชาติพันธุ์ ประเมินผลสมรรถนะผู้เรียนซึ่งเป็นผู้เรียนชาติพันธุ์ การอ่านออกเขียนได้ (การใช้ภาษาไทยเพื่อการสื่อสาร) ทักษะการประกอบอาชีพ
3. การสร้างกลไกความร่วมมือและการพัฒนาศักยภาพบุคลากรในสำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย
MCEP MODEL
นวัตกรรมเชิงระบบ MCEP Model เป็นนวัตกรรมเชิงระบบกลไกความร่วมมือและการพัฒนาบุคคลากร สำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและศึกษาตามอัธยาศัย (กศน.) MCEP ประกอบด้วย
MOU เป็นการขับเคลื่อนกลไกด้วยการจัดทำ MOU ระหว่างผู้บริหารมหาวิทยาลัยฟาร์อีสเทอร์น และ กศน. จังหวัดเชียงใหม่
Coaching & Mentoring เป็นการสร้างครูแกนนำ เทคนิคการสร้างสื่อการสอนแบบดิจิทัลคอนเทนต์
Embedded เป็นการลงพื้นที่เพื่อสร้างกระบวนการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกันในระดับปฏิบัติการ
Policy เป็นการนำวิเคราะห์ผลวิจัยไปสู่แนวทางการจัดทำนโยบายให้เกิดสัมฤทธิ์ผลอย่างยั่งยืน
นวัตกรรมเชิงระบบแบ่งออกเป็น 3 ระดับ ได้แก่ ระดับสถาบัน แนวทางการพัฒนา และระดับบุคคล (ครู กศน.) ดังนี้
ระดับสถาบัน
สนับสนุนการใช้ระบบเทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามาบริหาร
พัฒนาแหล่งการเรียนรู้ สื่อ และนวัตกรรมการศึกษาในชุมชน
ประชาสัมพันธ์ การเผยแพร่องค์ความรู้และการหาทุนสนับสนุนในชุมชน
การถอดบทเรียนการจัดการเรียนรู้จาก ครู กศน. แต่ละบริบทเชิงพื้นที่
การเสริมสร้างความตระหนัก และความร่วมมือ
การสร้างชุมชน การเรียนวิชาชีพครู (Professional Learning Community: PLC)
การกำหนดแผนงานประจำปีด้านการสร้างสื่อการสอนดิจิทัลคอนเทนต์
แนวทางการพัฒนา
วางแผนและการประเมินผล สมรรถนะผู้เรียนบนดิจิทัลแพลตฟอร์ม
เลือกบริบทเชิงพื้นที่ที่กี่ยวข้อง เช่น อาชีพ ทรัพยากรท้องถิ่น อัตลักษณ์
การจัดทำกระบวนเรียนรู้บนดิจิทัลแพลตฟอร์มและการประยุกต์ใช้ในชั้นเรียน
แลกเปลี่ยนเทคนิค / วิธีการสอน และการพัฒนาสมรรถนะผู้เรียน กศน.
ออกแบบกิจกรรมพัฒนาสมรรถนะ โดยใช้บริบทเชิงพื้นที่เป็นฐาน และการประยุกต์เทคโนโลยีดิจิทัล
ระดับบุคคล (ครู กศน.)
กระบวนการ Coaching & Mentoring
พัฒนา Growth Mindset
การวัดสมรรถนะ
การเป็นครูเพื่อศิษย์และครูเพื่อพัฒนาท้องถิ่น
ผลลัพธ์
ทีมวิจัยจากมหาวิทยาลัยฟาร์อีสเทอร์น ได้มีการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ร่วมกันกับสำนักงาน กศน.จังหวัดเชียงใหม่ผ่านโครงการอบรมพัฒนางานตามมาตรฐานตำแหน่งของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา สำนักงาน กศน. จังหวัดเชียงใหม่ ในหัวข้อเรื่อง การแลกเปลี่ยนเรียนรู้ในชุมชนการเรียนรู้ทางวิชาการ (PLC) เพื่อการจัดกระบวนการเรียนรู้อย่างเหมาะสม ให้แก่ทีมผู้บริหาร ครู ผู้สอน และบุคคลที่เกี่ยวข้อง กศน.จังหวัดเชียงใหม่ จำนวน 2 รุ่น
ศูนย์การเรียนรู้ชุมชนชาวไทยภูเขา “แม่ฟ้าหลวง” (ศศช.) สำนักงาน กศน. ได้มีข้อเสนอแนะเชิงนโยบายในปี พ.ศ. 2562 ว่า กิจกรรมการเรียนรู้หลักสูตรการศึกษานอกระบบขั้นพื้นฐาน พ.ศ. 2551 ที่นำมาใช้สำหรับผู้เรียนทั่วไปทั้งประเทศ รวมทั้งเด็กและผู้ใหญ่ในชุมชนพื้นที่สูง ซึ่งเมื่อดำเนินการมาได้ระยะหนึ่งทำให้ทราบว่า เนื้อหาหลักสูตรและกิจกรรมไม่สอดคล้องกับสภาพผู้เรียน และบริทบทของชุมชนจำเป็นต้องมีการพัฒนาหลักสูตรเฉพาะที่เอื้อต่อการเรียนรู้ของกลุ่มเป้าหมายชุมชนบนพื้นที่สูง อีกทั้งเหมาะสมกับการจัดกิจกรรมที่สอดคล้องกับวิถีชีวิตและวัฒนธรรมรวมถึงความแตกต่างระหว่างวัยของผู้เรียน ทำให้ทีมวิจัยได้มีโอกาสหารือแนวทางการพัฒนาร่วมกับนางวิไลลักษณ์ สุขสาย ผู้อำนวยการสำนักงาน กศน.อำเภออมก๋อย จังหวัดเชียงใหม่ และนางจุฑาลักษณ์ จันธี ครูชำนาญการ กศน.อำเภออมก๋อย จังหวัดเชียงใหม่ ในวันที่ 12 พฤษภาคม 2565
พบว่า จากข้อเสนอแนะเชิงนโยบายดังกล่าว สอดคล้องกับสภาพปัญหาจริงที่เกิดขึ้นในพื้นที่ เนื่องจาก เราอาจไม่สามารถใช้หลักสูตรแกนกลางเพียงหลักสูตรเดียวมาใช้เป็นเครื่องมือในการจัดการเรียนการสอนของผู้เรียนที่มีความแตกต่างหลากหลายได้ หากพิจารณาสภาพการณ์ในพื้นที่ของอำเภออมก๋อย จะพบว่า ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มชาติพันธุ์ เช่น กะเหรี่ยง ม้ง ลาหู่ ที่มากที่สุดคือชาวกะเหรี่ยง โดยตั้งรกรากกันมาช้านานตามที่ราบลุ่มในหุบเขา หรือตามไหล่เขา มีการทำไร่หมุนเวียนตามวิถีดั้งเดิม ในการจัดการศึกษาการเรียนรู้เพื่อให้ผู้เรียนให้สามารถอ่านออกเขียนภาษาไทยได้ จำเป็นที่จะต้องนำเอาบริบทของพื้นที่ หรือการใช้แนวคิดชุมชนเป็นฐานมาร่วมในการพิจารณาออกแบบหลักสูตรให้สอดคล้องกับผู้เรียนที่มีความหลากหลาย นอกจากนี้อำเภออมก๋อยเป็นพื้นที่ที่มีภูเขาสลับซับซ้อน เป็นอุปสรรคอย่างมากต่อการเข้าถึงของระบบสาธารณูปโภค ได้แก่ ไฟฟ้า สัญญาณโทรศัพท์ และสัญญาณอินเทอร์เนต การออกแบบนวัตกรรมการเรียนรู้ของผู้เรียนในพื้นที่จำเป็นต้องพิจารณาปัจจัยพื้นฐานเหล่านี้ด้วยเช่นกัน
แนวทางการพัฒนาที่เชื่อมโยงกับนโยบายและจุดเน้นกระบวนการดำเนินงาน