ในปัจจุบันการจัดการเรียนการสอนมีหลากหลายมากยิ่งขึ้น ซึ่งวิธีการส่วนใหญ่ก็จะเน้นผู้เรียนเป็นศูนย์กลางเพื่อให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้มากที่สุด ครูในฐานะผู้ออกแบบการจัดการเรียนรู้จึงต้องคำนึงถึงความแตกต่างของผู้เรียน เพื่อให้ผู้เรียนได้มีพัฒนาการการเรียนรู้ที่หลากหลายรูปแบบการจัดการเรียนรู้มีส่วนสำคัญที่จะพัฒนาผู้เรียนให้บรรลุตามนโยบายการศึกษาของชาติ ตามวิสัยทัศน์แผนการศึกษาชาติ พ.ศ. ๒๕๖๐ – ๒๕๗๙ รูปแบบการจัดการเรียนรู้เชิงรุก การเรียนรู้เชิงรุก คือ พฤติกรรมผู้เรียนใช้กระบวนการเรียนรู้ คือ ร่วมคิด ร่วมทำ ร่วมปฏิบัติ ด้วยการมีอุปนิสัยกับเจตคติ ผ่านการทำกิจกรรม แล้วสร้างความรู้ใหม่ ได้ประสบการณ์ใหม่ เกิดการเรียนรู้ (Learning) ก่อให้เกิดความรู้(knowledge: K) ทักษะ (Skills: S) และอุปนิสัยกับเจตคติ (Attibute and Attitude: A) การเรียนรู้เชิงรุกมีเป้าหมายเป็นการเรียนรู้อย่างตื่นตัว มีชีวิตชีวาสู่พัฒนาการทั้งร่างกาย จิตใจ อารมณ์ สังคมและสติปัญญา การเรียนรู้แบบรวมพลัง(Collaborative Learning) คือ กลุ่มที่มารวมตัวกันอาจ 2 คน หรือ 4 คน ต่อ 1 กลุ่ม ที่มีการคละเพศ คละความสามารถ ความสนใจ และคละความสามารถ (เก่ง กลาง อ่อน) ทำงานร่วมกันแบบคนเก่งช่วยสอนคนที่อ่อน หรือเรียนรู้ช้า คนที่มีความสามารถป่านกลาง ก็ร่วมด้วยช่วยกันจนงานสำเร็จ และทุกคนบรรลุเป้าหมายเดียวกัน ถ้าเป็นการเรียนรู้ก็พบว่าเด็กอ่อนมีผลการเรียนรู้สูงขึ้น เด็กปานกลางก็มีการพัฒนาสูงขึ้นเช่นกันอันเป็นการแสดงความร่วมมือ ร่วมใจ รวมพลัง เน้นการให้นักเรียนร่วมมือกันทำงาน ช่วยเหลือกัน เด็กเก่งช่วยเด็กเรียนช้า เด็กถนัดกว่าช่วยเด็กถนัดน้อย โดยมีเป้าหมายเพื่อความเสมอภาค
สภาพปัญหาการจัดการเรียนรู้รายวิชาภาษาไทย ของผู้เรียนด้านภาษาไทย ยังพบปัญหาอย่างมากในการคิด วิเคราะห์ และการขาดความใส่ใจในการเรียนภาษาไทยเพราะนักเรียนส่วนใหญ่เห็นความสำคัญน้อยเพราะคิดว่าเป็นวิชาที่น่าเบื่อ ซึ่งแนวทางการจัดการเรียนการสอนแบบเดิมยังไม่ส่งผลให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้เท่าที่ควร นักเรียนที่มีการเรียนรู้แตกต่างกัน จึงส่งผลให้การจัดการเรียนรู้ต่อผู้เรียนยังไม่เป็นไปตามค่าเป้าหมาย ดังนั้น เพื่อให้เกิดการพัฒนาด้านการเรียนรู้วิชาภาษาไทยที่ดีขึ้น ครูผู้สอนจึงใช้การจัดกิจกรรมการเรียนการสอนในรูปแบบ Active Learning ด้วยการจัดการเรียนรู้แบบรวมพลัง(Collaborative Learning) ซึ่งนวัตกรรมที่นำมาปรับประยุกต์ใช้ในการพัฒนาความสามารถในการแก้ปัญหาการเรียนของนักเรียน เร้าความสนใจของผู้เรียนท้าทายความสามารถ โดยผู้สอนได้จัดเตรียมเนื้อหาสาระกิจกรรมเสื่อการสอนที่หลากหลาย นักเรียนสามารถค้นคว้าความรู้จากแหล่งเรียนรู้ต่าง ๆ แบบรวมพลัง เพื่อทำให้การเรียนรู้ในรายวิชาภาษาไทยบรรลุตามวัตถุประสงค์
3.1 เชิงปริมาณ
ผู้เรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๔ โรงเรียนหนองกรดพิทยาคม จำนวน ๓๘ คน ร้อยละ ๘๐ ที่เรียนในรายวิชา
ภาษาไทย มีผลการพัฒนาทักษะการอ่านแปลความตีความที่ถูกต้องและผลสัมฤทธิ์เพิ่มสูงขึ้น
3.2 เชิงคุณภาพ
การปรับประยุกต์/เทคนิค/สื่อการเรียนการสอนเพื่อพัฒนาทักษะเรื่องการอ่านแปลความ ตีความ โดยการจัดการเรียนการสอนเชิงรุก (Active learning) โดยใช้กระบวนการเรียนรู้แบบรวมพลัง ๕ ขั้นตอน Co-5STEPs รายวิชาภาษาไทย ในการพัฒนาผู้เรียนให้เกิดการเรียนรู้
SAR
สรุปโครงการ
ID PLAN