แหล่งซากดึกดำบรรพ์ไม้กลายเป็นหินและไม้กลายเป็นหินตาก อยู่ในบริเวณที่ทำการอุทยานแห่งชาติดอยสอยมาลัยฯ พื้นที่ประมาณ 20 ตารางกิโลเมตร มีลักษณะที่โดดเด่นของแหล่งธรณีวิทยาประเภทซากดึกดำบรรพ์ เป็นซากดึกดำบรรพ์ไม้กลายเป็นหินที่มีอายุประมาณ 120,000 ปี อยู่ในตะกอนที่มีอายุประมาณ 20,000 - 30,000 ปี
ขุดพบซากดึกดำบรรพ์ไม้กลายเป็นหินที่ยาวที่สุดในโลก ความยาว 69.70 เมตร เส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 1.80 เมตร ซึ่งได้รับการรับรองจาก Guinness World Records อย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม 2565 ปัจจุบันได้ดำเนินการขุดเปิดไม้กลายเป็นหินให้นักท่องเที่ยวได้เข้าชมทั้งหมด 7 ต้น และยังพบซากดึกดำบรรพ์ไม้กลายเป็นหินกระจัดกระจายอยู่ในบริเวณโดยรอบอีกจำนวนมาก
ไม้กลายเป็นหินเปิดให้เข้าชมทุกวัน ตั้งแต่เวลา 08.00 - 17.30 น.
กิจกรรมศึกษาด้านธรณีวิทยา ชมซากดึกดำบรรพ์ไม้กลายเป็นหิน และกิจกรรมเดินป่าศึกษาธรรมชาติ (เส้นทางไปชมซากดึกดำบรรพ์ไม้กลายเป็นหิน) แบ่งเป็นจุดชมฟอสซิลไม้กลายเป็นหินต้นที่ 1-7 มีพื้นที่ประมาณ 5,250 ตารางเมตร ขีดความสามารถในการรองรับทางกายภาพไม่เกิน 170 คนต่อช่วงเวลาเดียวกัน รองรับได้ 680 คนต่อวัน (วันละ 4 ช่วงเวลา)
เส้นทางเที่ยวชมซากดึกดำบรรพ์ไม้กลายเป็นหิน (Petrified Wood)
ต้นที่ 1 - 4 เป็นเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติ ระยะทาง 170 เมตร
ต้นที่ 5 เป็นเส้นทางเดินเท้าระยะห่างจากศูนย์บริการนักท่องเที่ยว 230 เมตร
ต้นที่ 6-7 เป็นเส้นทางรถ ระยะห่างจากศูนย์บริการนักท่องเที่ยว 1.7 กิโลเมตร สามารถเที่ยวชมได้ตลอดทั้งปี
ต้นที่ 1 ลำต้นมีความสมบูรณ์มาก ปัจจุบันเป็นซากดึกดำบรรพ์ไม้กลายเป็นหินที่ยาวที่สุดในโลก ขนาดความโตเฉลี่ย 1.8 เมตร ความยาวประมาณ 69.70 เมตร ขุดเปิดหน้าดินเมื่อปี พ.ศ. 2546 เทียบเคียงได้กับไม้ปัจจุบันเป็น "ต้นทองบึ้ง"
ต้นที่ 2 ลำต้นแตกหักออกเป็นชิ้นเล็ก ๆ แต่ยังคงเห็นเป็นลำต้น ขนาดความโตเฉลี่ย 0.5 เมตร ยาว 31.3 เมตร ขุดเปิดหน้าดินเมื่อปี พ.ศ. 2548 เทียบเคียงได้กับไม้ปัจจุบันเป็น "ต้นมะค่าโมง"
ต้นที่ 3 ลำต้นแตกหักออกเป็นชิ้นเล็ก ๆ แต่ยังคงเห็นเป็นลำต้น ขนาดความโตเฉลี่ย 2.1 เมตร ยาว 33.5 เมตร ขุดเปิดหน้าดินเมื่อปี พ.ศ. 2548 เทียบเคียงได้กับไม้ปัจจุบันเป็น "ต้นทองบึ้ง"
ต้นที่ 4 ลำต้นแตกหักออกเป็นชิ้นเล็ก ๆ แต่ยังคงเห็นเป็นลำต้น ขนาดความโตเฉลี่ย 1.4 เมตร ยาว 42.4 เมตร ขุดเปิดหน้าดินเมื่อปี พ.ศ. 2548 เทียบเคียงได้กับไม้ปัจจุบันเป็น "ต้นทองบึ้ง"
ต้นที่ 5 ลำต้นไม่ค่อยสมบูรณ์ แตกหักเป็นชิ้นเล็ก ๆ ขนาดความโตเฉลี่ย 1.2 เมตร ยาว 22.2 เมตร ขุดเปิดหน้าดินเมื่อปี พ.ศ. 2548 เทียบเคียงได้กับไม้ปัจจุบันเป็น "ต้นมะค่าโมง"
ต้นที่ 6 ลำต้นค่อนข้างสมบูรณ์ ส่วนโคนหายไป ขนาดความโตเฉลี่ย 1.5 เมตร ยาว 33.6 เมตร ขุดเปิดหน้าดินเมื่อปี พ.ศ. 2548 เทียบเคียงได้กับไม้ปัจจุบันเป็น "ต้นทองบึ้ง"
ต้นที่ 7 ลำต้นมีความสมบูรณ์มาก ส่วนปลายต้นหายไป ขนาดความโตเฉลี่ย 1.5 เมตร ยาว 38.8 เมตร ขุดเปิดหน้าดินเมื่อปี พ.ศ. 2548 เทียบเคียงได้กับไม้ปัจจุบันเป็น "ต้นทองบึ้ง"