การประยุกต์ใช้สื่อให้เหมาะสมกับบริบทของโรงเรียน
สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาฉะเชิงเทรา เขต 2
สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาฉะเชิงเทรา เขต 2
สื่อการเรียนการสอน คือ เครื่องมือช่วยสอนที่สำคัญอย่างหนึ่งในกระบวนการเรียนรู้ การเลือกใช้สื่อที่มีอยู่หลากหลายได้อย่างเหมาะสม จะช่วยให้ผู้เรียนสามารถเข้าใจเนื้อหาความรู้ที่ผู้สอนต้องการสื่อได้รวดเร็วและดียิ่งขึ้น แต่กลับกันการที่ครูเลือกใช้สื่อผิดประเภทหรือใช้อย่างไม่เหมาะสมก็อาจจะส่งผลเสียกับผู้เรียนได้เช่นเดียวกัน
แม้ว่าแต่ละโรงเรียนจะได้รับการสนับสนุนสื่อการเรียนรู้ต่าง ๆ มากมาย ไม่ว่าจะเป็น หนังสือ สื่อวัสดุ อุปกรณ์ช่วยสอน สื่อวีดีทัศน์ คอมพิวเตอร์หรือแท็บเล็ต ตามสัดส่วนการเติบโตของแต่ละโรงเรียน แต่ปัญหาในเรื่องของการใช้สื่อก็ยังคงมีให้พบเห็นอยู่โดยทั่วไป ซึ่งปัญหาและอุปสรรคในการใช้สื่อนั้น สามารถจำแนกออกมาเป็นด้าน ๆ ได้ดังนี้
1. ปัญหาด้านบุคลากร คือ บุคลากรขาดความรู้ความเข้าใจในการผลิตสื่อ ขาดประสบการณ์และความรู้ความชำนาญในการใช้สื่อนวัตกรรมทางการศึกษา รวมถึงการไม่ส่งเสริมให้เกิดการใช้งานอย่างต่อเนื่อง
2. ปัญหาด้านวัสดุ อุปกรณ์และงบประมาณ คือ ขาดการสนับสนุนด้านงบประมาณ ในการจัดหาวัสดุและอุปกรณ์ในการผลิตสื่อหรือนำสื่อมาประยุกต์ใช้กับการสอนต่าง ๆ
3. ปัญหาด้านสภาพแวดล้อม คือ การที่สิ่งแวดล้อมเป็นอุปสรรคหรือไม่เหมาะต่อการใช้สื่อบางประเภท หรือสื่อนวัตกรรมบางชนิด ไม่เหมาะกับการจัดกิจกรรมให้ผู้เรียนในห้องเรียนที่มีจำนวนมาก
4. ปัญหาด้านการเรียนการสอน คือ ความแตกต่างของผู้เรียนส่งผลทำให้การใช้สื่อมีผลลัพธ์ที่หลากหลาย มีทั้งสนใจและไม่สนใจ และสื่อหรือนวัตกรรมบางชนิดใช้เวลาในการใช้มากเกินไป ไม่เหมาะสมกับการจัดเวลาเรียน
5. ปัญหาด้านการวัดและประเมิน คือ การขาดการวัดและประเมินผลการใช้สื่อ ทำให้ไม่สามารถหาได้ว่าสื่อหรือนวัตกรรมใด มีผลต่อผู้เรียนอย่างไร
จากปัญหาที่พบจากการใช้สื่อโดยทั่วไปในแต่ละโรงเรียน จะเห็นได้ว่าปัญหาในการใช้สื่อนั้น เกิดทั้งจากตัวผู้สอนและตัวผู้เรียน รวมไปถึงสภาพโดยทั่วไปของแต่ละโรงเรียน จึงควรที่จะประยุกต์ใช้สื่อให้เหมาะสมกับบริบทของแต่ละโรงเรียนให้มากขึ้น เพื่อให้การใช้สื่อและนวัตกรรมเพื่อพัฒนาการเรียนการสอนเป็นไปได้อย่างเหมาะสม ซึ่งหลักในการประยุกต์ใช้สื่อตามบริบทของโรงเรียน ควรจะต้องพิจารณาถึงเรื่อง ดังต่อไปนี้
1. สื่อหรือนวัตกรรมที่จะนำมาใช้นั้น จะต้องมีจุดเด่นที่เห็นได้ชัดในการเป็นสื่อที่ช่วยเหลือในการจัดการเรียนการสอน มากกว่ารูปแบบการสอนแบบเดิมๆ เช่น การใช้สื่อวีดีทัศน์นำเสนอเรื่องของการเติบโตของสัตว์ ซึ่งเป็นสื่อที่ดีกว่าการสอนตามหนังสือแบบเดิม เป็นต้น
2. สื่อหรือนวัตกรรมนั้น ต้องมีความสอดคล้องกับสภาพแวดล้อมของโรงเรียนและสภาพความเป็นอยู่ของผู้เรียน ยกตัวอย่างเช่น การยกตัวอย่างการแล่นของรถไฟในการคำนวณความเร็ว แต่ใช้กับผู้เรียนในพื้นที่ที่ไม่มีรถไฟวิ่งผ่าน ซึ่งลักษณะนี้ นับว่าเป็นการเลือกใช้สื่อที่ไม่เหมาะสม
3. ควรเลือกใช้สื่อหรือนวัตกรรมที่มีงานวิจัยหรือกรณีศึกษารองรับ ในเรื่องของการนำมาใช้ได้ในสภาวการณ์ที่คล้ายคลึงกัน คือ เมื่อใช้ในโรงเรียนหนึ่งแล้ว ไปใช้กับอีกโรงเรียนหนึ่ง ก็ส่งผลให้ผู้เรียนทั้งโรงเรียนแรกและโรงเรียนที่สอง มีความเข้าใจในเนื้อหาใกล้เคียงกัน
4. สื่อและนวัตกรรมนั้น ควรมีความเกี่ยวข้องกับความต้องการของผู้เรียน เช่น การหยิบยกข่าวหนังสือที่กำลังเป็นที่สนใจของผู้เรียนเพื่ออธิบายถึงสถานการณ์ทางสังคมต่างๆ เป็นต้น
5. ควรคำนึงถึงงบประมาณของแต่ละโรงเรียนในการเลือกซื้อหรือผลิตสื่อและนวัตกรรม พยายามเลือกสรรสื่อโดยคำนึงถึงความคุ้มค่าเป็นหลัก ไม่ควรให้สิ้นเปลืองมากจนเกินไป ควรเลือกสื่อที่สามารถนำมาใช้ได้หลากหลาย มากกว่าสื่อที่ใช้ได้เพียงครั้งเดียว
6. ในการใช้สื่อและนวัตกรรมต่างๆ ผู้ใช้จำเป็นต้องศึกษาคู่มือการใช้หรือออกแบบวิธีการใช้ให้เหมาะสมก่อนนำมาใช้ เพื่อให้สามารถใช้สื่อได้มีประสิทธิภาพและไม่ให้เกิดความเสียหายกับตัวสื่อ
7. ปัจจุบันควรเน้นการใช้สื่อเทคโนโลยีให้มากขึ้น โดยสามารถใช้สื่อเทคโนโลยีมาทดแทนสื่อสิ้นเปลืองต่างๆ เช่น ใช้การฉายภาพจากอินเตอร์เน็ต แทนการปริ้นรูปภาพลงบนกระดาษ หรือการให้ผู้เรียนส่งงานทางอีเมลล์แทนการส่งรูปเล่มรายงาน เป็นต้น
การประยุกต์ใช้สื่อให้เหมาะสมกับบริบทของโรงเรียนนั้น นับเป็นแนวทางที่ดีที่ช่วยกระตุ้นให้โรงเรียน ครูผู้สอนและผู้เรียน ใช้สื่อและนวัตกรรมในการส่งเสริมการเรียนรู้มากขึ้น ซึ่งถ้าผู้สอนสามารถประยุกต์ใช้สื่อได้อย่างเหมาะสมกับเนื้อหาที่ต้องการสอนแล้ว ก็จะช่วยให้ผู้เรียนมีความเข้าใจในบทเรียนมากขึ้นตามไปด้วย