ภูสิงห์ หินสามวาฬ

จังหวัดบึงกาฬ แม้จะเป็นจังหวัดน้องใหม่ของภาคอีสานแต่ก็มีความโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ทางด้าน การท่องเที่ยวไม่แพ้จังหวัดอื่นๆ ในประเทศไทย มีสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญมากมาย เช่นแหล่งท่องเที่ยวทางวัฒนธรรม แหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ แหล่งท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์อันเก่าแก่ ร้านอาหารพื้นเมืองที่น่าสนใจ ทำให้ผู้ที่สนใจสามารถเดินทางไปท่องเที่ยวได้ตลอดทุกฤดูกาล ด้วยความโดดเด่นของสถานที่ท่องเที่ยวแต่ละแห่งของจังหวัด บึงกาฬ จึงส่งผลให้กลายเป็นอีกหนึ่งจังหวัดที่มีมนต์เสน่ห์ดึงดูดรอให้นักท่องเที่ยวมาสัมผัส ภูสิงห์ แหล่งท่องเที่ยวตามธรรมชาติ เป็นอีกหนึ่งเป้าหมายในการเดินทางที่เชื่อว่า สิ่งที่ได้สัมผัสจะเต็มไปด้วยความประทับใจอย่างแน่นอน

ภูสิงห์ เป็นภูเขาหินทรายอยู่ในเขตพื้นที่อนุรักษ์ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ป่าดงดิบ กะลา ป่าภูสิงห์ และป่าดงดิบสีชมพู มีเนื้อที่ประมาณ 12,000 ไร่ โดยครอบคลุมพื้นที่อำเภอศรีวิไล กับอำเภอเมืองบึงกาฬ ซึ่งภูเขาหินทรายบนภูสิงห์เกิดจากการเปลี่ยนแปลงทางธรณีวิทยาของเปลือกโลกในลักษณะต่างๆ ทำให้มีการเรียงตังของก้อนหิน เกิดหน้าผา และถ้ำ เกิดกลุ่มหินรูปทรงต่างๆ บนลานหินกระจายทั่ว ภูสิงห์ สามารถชมพระอาทิตย์ขึ้น และชมพระอาทิตย์ตกได้ และยังมีจุดเด่นคือ ลานธรรมภูสิงห์ จุดชมวิวลานธรรม จุดชมวิวผาน้ำทิพย์ ถ้ำใหญ่ จุดชมวิวถ้ำฤาษี สมรภูมิภูสิงห์ หินหัวช้าง หินช้าง หินรถไฟ ส้างร้อยบ่อ กำแพงหินภูสิงห์ และหินสามวาฬ


ไฮไลท์ของภูสิงห์ คือหินสามวาฬ จุดชมวิวที่ไม่ควรพลาดในการชมพระอาทิตย์ขึ้นยามเช้าตรู่ หินสามวาฬ เป็นหินที่มีลักษณะคล้ายปลาวาฬว่ายคลอเคลียกันพ่อ แม่ ลูก ตั้งอยู่ในเขตพื้นที่อนุรักษ์ป่าสงวนแห่งชาติ ป่าดงดิบ กะลา ป่าภูสิงห์ และป่าดงสีชมพู โดยครอบคลุมพื้นที่อำเภอศรีวิไล กับอำเภอเมืองบึงกาฬ หินสามวาฬมีลักษณะเป็นกลุ่มก้อนหินขนาดใหญ่ติดหน้าผาสูง โดยแยกตัวเป็น 3 ก้อน มีอายุประมาณ 75 ล้านปี ซึ่งหากดูจากภาพถ่ายทางอากาศจะพบว่ามีลักษณะเหมือนวาฬตัวใหญ่ยื่นออกมาจากภูเขา เป็นกลุ่มวาฬสามตัว พ่อ แม่ ลูก เรียงตามลำดับของก้อนหิน นักท่องเที่ยวสามารถไปยืนเล่นถ่ายภาพบนหินวาฬแต่ละตัวได้ แต่ต้องมีความระมัดระวังเพราะหินค่อนข้างลื่น ทั้งนี้มีเจ้าหน้าที่คอยดูแลความปลอดภัยของนักท่องเที่ยวด้วย


มองดูจากระยะไกลหินสามก้อนนี้ดูคล้ายฝูงครอบครัวปลาวาฬ และยังเป็นหนึ่งในจุดชมวิวที่สวยที่สุดในภูสิงห์โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วงเวลาที่พระอาทิตย์ขึ้น ยิ่งถ้าเป็นช่วงที่พระอาทิตย์กำลังไต่ระดับขึ้นบนขอบฟ้า จะได้เห็นแสงสีส้มที่ไล่เฉดสี ฉายแสงให้เห็นภาพวิวทิวทัศน์ข้างล่าง ภาพสวยๆของสวนยางพาราที่อยู่เบื้องหน้าปลูกทอดยาว รวมทั้งธรรมชาติที่มองเห็นไกลๆ แบบสุดลูกหูลูกตาและยังสามารถมองเห็นผืนป่าภูวัว ภูลังกา ห้วยบังบาตร แก่งสะดอกหาดทรายแม่น้ำโขงและภูเขาเมืองปากกระดิ่ง สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวอีกด้วย


ที่ตั้ง : ตั้งอยู่ในเขตพื้นที่อนุรักษ์ป่าสงวนแห่งชาติ ป่าดงดิบ กะลา ป่าภูสิงห์ และป่าดงสีชมพู โดยครอบคลุมพื้นที่อำเภอศรีวิไล กับอำเภอเมืองบึงกาฬ

การเดินทาง : ทางรถยนต์ ระยะทางจากกรุงเทพมหานครไปจังหวัดบึงกาฬโยประมาณ 765 กิโลเมตร ใช้ทางหลวงหมายเลข 1 พหลโยธิน ผ่านจังหวัดสระบุรี แล้วเข้าทางหลวงหมายเลข 2 ถนนมิตรภาพผ่านจังหวัดนครราชสีมา ขอนแก่น อุดรธานี จนถึงจังหวัดหนองคาย ก่อนถึงจังหวัดบึงกาฬจะผ่านอำเภอโพนพิสัย อำเภอรัตนวาปีอำเภอปากคาด ก่อนเข้าสู่ตัวเมืองบึงกาฬเปลี่ยนมาใช้ทางหลวงหมายเลข 212 เข้าสู่จังหวัดบึงกาฬ

ทางรถไฟ : มีขบวนรถไฟจากกรุงเทพฯ-หนองคาย ทุกวัน จากนั้นเดินทางโดยรถโดยสารประจำทาง หรือรถตู้เข้าสู่ จังหวัดบึงกาฬ

ทางรถโดยสารประจำทาง : บริษัท ขนส่ง จำกัด มีรถโดยสารประจำทาง เดินทางตรงโดยไม่ต้องต่อรถ


ข้อมูล เนื้อหา เรื่องราว เขียนโดย นางสาวปาริชาติ จันทภาค

ภาพถ่าย / ภาพประกอบโดย นางสาวปาริชาติ จันทภาค

ข้อมูล TKP อ้างอิง ชื่อลิ้งค์ : bk-Mueangbuengkan-09


ที่อยู่ 456 หมู่ 1 บึงกาฬ อำเภอเมืองบึงกาฬ จังหวัดบึงกาฬ โทร 0849538160