รายงานฉบับที่ ๑
ทุนและศักยภาพของชุมชนท้องถิ่นในด้านการจัดการตนเอง
การจัดการตนเอง
2)การจัดการตัวเองของทุนทางสังคม
-กลุ่มวิสาหกิจชุมชนแปรรูปผลิตภัณฑ์จากตาลโตนด
ลักษณะการจัดการ
เป็นการรวมกลุ่มสมาชิกในการพัฒนาต่อยอดพืชท้องถิ่นโดยได้รับการถ่ายทอดองค์ความรู้จากคนในชุมชนและภาครัฐ ซึ่งนำไปสู่การฝึกอาชีพให้คนในชุมชน เกิดเป็นผลิตภัณฑ์ชุมชนเป็นสินค้า OTOP ที่มีชื่อเสียง ของชุมชน สร้างงาน สร้างรายได้เสริมให้กับคนในชุมชน สอดคล้องกับนโยบายสาธารณะด้านการเรียนรู้ของเด็กและ เยาวชน และสอดคล้องกับการลดปัจจัยเสี่ยงด้านสุขภาพ ด้านการเรียนรู้ของเด็กและเยาวชน สร้างปัจจัยที่มีผลกระทบ ต่อการจัดการด้านเศรษฐกิจชุมชน
-กลุ่มประกอบอาชีพเกษตรกรตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง จำนวน 17 แหล่งเรียนรู้ ประกอบด้วย
1.สวนสวรรค์หลังเกษียณ
2.ครัวเรือนพอเพียง
3.สวนเลี้ยงตัว ครัวชุมชน
4.สวนท้าวพันตา
5.สวนเกษตรผสมผสาน
6.ผักสวนครัวรั้วกินได้
7.สวนผู้ใหญ่หนึ่งไร่หนึ่งแสน
8.สวนบังดำ
9.สวนสมเกียรติ
10.สวนสมรม
11.สวนร้อยสิ่ง
12.สวนพอเพียงเลี้ยงครัวเรือน
13.สวนเกษตรสมรม
14.สวนผสมสุข
15.ครัวเกษตรพอเพียง
16.ศูนย์เรียนรู้สุขภาพดีด้วยวิถีพอเพียง
17.ศูนย์เศรษฐกิจพอเพียงครบวงจร
ลักษณะการจัดการ
เป็นการทำเกษตรแบบผสมผสาน ปลอดสารพิษ ตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายสาธารณะด้านเกษตรกรรมยั่งยืน และสอดคล้องกับการลดปัจจัยเสี่ยงทางสุขภาพด้านเกษตรกรรมยั่งยืนสู่อาหารเพื่อสุขภาวะ เป็นแหล่งเรียนรู้การทำเกษตรแบบยั่งยืนตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง มีการเพิ่มผลิตภัณฑ์ทาง การเกษตร เช่น จำหน่ายกิ่งพันธ์ไม้ผลชนิดต่างๆ จำหน่ายปุ๋ยอินทรีย์ น้ำหมักชีวภาพ การกระจายงานสู่ชุมชน สร้างรายได้เสริมจากอาชีพหลัก ซึ่งเกิดจากการดำเนินงาน ภายในครัวเรือน และขยายไปสู่คนในชุมชนเกิดเป็นกลุ่มที่ส่งเสริมงานและกิจกรรมด้านการส่งเสริมเกษตรอินทรีย์ ซึ่ง มีปัจจัยที่มีผลกระทบต่อการจัดการด้านเศรษฐกิจ คือการสร้างรายได้ให้กับสมาชิกในกลุ่ม และส่งผลกระทบต่อ สิ่งแวดล้อม เนื่องจากเป็นการทำการเกษตรแบบอินทรีย์ที่ไม่ ใช้สารเคมีทำให้ไม่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
-วิสาหกิจชุมชนศูนย์ข้าวชุมชนหนองเสือ
ลักษณะการจัดการ
เป็นการรวมกลุ่มสมาชิกในการพัฒนาอาชีพหลักของชุชนโดยได้รับการถ่ายทอดองค์ความรู้จากคนในชุมชนและภาครัฐ ซึ่งนำไปสู่การฝึกอาชีพให้คนในชุมชน เกิดเป็นผลิตภัณฑ์ชุมชนเป็นสินค้า OTOP ที่มีชื่อเสียงของชุมชน สร้างงาน สร้างรายได้เสริมให้กับคนในชุมชน สอดคล้องกับนโยบายสาธารณะด้านการเรียนรู้ของเด็กและ เยาวชน และสอดคล้องกับการลดปัจจัยเสี่ยงด้านสุขภาพ ด้านการเรียนรู้ของเด็กและเยาวชน สร้างปัจจัยที่มีผลกระทบ ต่อการจัดการด้านเศรษฐกิจชุมชน
-กลุ่มฟาร์มทะเล
ลักษณะการจัดการ
ส่งเสริมการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติสัตว์น้ำในทะเลสาบสงขลา วิถีการดำรงชีวิตแบบพอเพียง สร้างจิตสำนึกให้เด็ก เยาวชน และ คนในชุมชนรักและหวงแหนชุมชนท้องถิ่นของตนเอง ซึ่งเป็นงานที่ส่งผลกระทบต่อทุกกลุ่มประชากรในชุมชน สอดคล้อง กับนโยบายสาธารณะด้านเกษตรกรรมยั่งยืน ด้านการจัดการ ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และด้านการเรียนรู้ของ เด็กและเยาวชน ส่งผลกระทบต่อปัจจัยเสี่ยงด้านสุขภาพด้านเกษตรกรรมยั่งยืนสู่อาหารเพื่อสุขภาวะ ด้านการเรียนรู้ของ เด็กและเยาวชน และด้านการจัดการทรัพยากรธรรมชาติและ สิ่งแวดล้อม ส่งผลกระทบด้านสังคม คือเกิดการมีส่วนร่วมใน การดูแลรักษาสิ่งแวดล้อมในชุมชน ด้านเศรษฐกิจ เป็นการรักษาแหล่งอาหารและแหล่งประกอบอาชีพของคนในชุมชน โดยการช่วยกันดูแลรักษาทรัพยากรและป่าชายเลนในชุมชน
-ดับที่ ดับทาง บางเขียด
ลักษณะการจัดการ
กระบวนการจัดการตนเองของ ตำบลบางเขียด เกิดจากความร่วมมือขององค์กรสี่เสาหลัก คือ องค์กรท้องถิ่น องค์กรท้องที่ องค์กรศาสนา และภาค ประชาชน ร่วมคิด ร่วมทำ ร่วมรับผลประโยชน์ เกิดเป็น เครื่องมือที่ใช้ในการขับเคลื่อนการพัฒนาที่เรียกว่า “บางเขียดทำคำ” สอดคล้องกับนโยบายสาธารณะด้านการบริหาร จัดการแบบมีส่วนร่วม การจัดสวัสดิการสังคมโดยชุมชน เกษตรกรรมยั่งยืน การจัดการทรัพยากรธรรมชาติและ สิ่งแวดล้อม การเรียนรู้ของเด็กและเยาวชน การดูแลสุขภาพชุมชนโดยชุมชน การจัดการภัยพิบัติโดยชุมชม และการลงทุน ด้านสุขภาพโดยชุมชน และส่งผลกระทบต่อการลดปัจจัย เสี่ยงทางสุขภาพด้านการควบคุมแอลกอฮอล์และการลดอุบัติเหตุจราจร เกษตรกรรมยั่งยืนสู่อาหารเพื่อสุขภาพวะ ระบบการดูแลสุขภาพ การเรียนรู้ของเด็กและเยาวชน ครอบครัวอบอุ่นและตั้งครรภ์ในวัยรุ่น การจัดการภัยพิบัติ โดยชุมชนท้องถิ่น การจัดการทรัพยากรธรรมชาติและ สิ่งแวดล้อม การออกก าลังกาย และการลงทุนด้านสุขภาพ ซึ่งส่งผลกระทบต่อประชากรทุกกลุ่มเป้าหมาย และกระทบ ต่อการจัดการทุกด้าน ทั้งด้านสังคม เศรษฐกิจ และ สิ่งแวดล้อม “บางเขียดทำคำ” เป็นการดำเนินงานในการแก้ไข ปัญหาต่างๆในชุมชน และเป็นเครื่องมือในการขับเคลื่อนการ พัฒนา จากความร่วมมือของทุกฝ่ายในชุมชน
ศักยภาพและทุนทางสังคมกับการจัดการตนเองของตำบลสุขภาวะ
ศักยภาพและทุนทางสังคมของชุมชนท้องถิ่น บอกถึงการกระจายของทุนที่ปรากฏอยู่ในตำบล การ บอกเล่ากระบวนการ วิธีทำงานที่ทำให้เกิดการรวมตัวร่วมคิดร่วมทำของ ทุนทางสังคม ทุกระดับ ทั้ง บุคคล คนเก่ง คนนำ คนสำคัญ กลุ่ม/ระดับกลุ่มทางสังคม องค์กรชุมชน /หน่วยงานและแหล่งประโยชน์ /ระดับชุมชน หรือหมู่บ้าน (จัดการตนเอง) /ระดับตำบล /ระดับเครือข่าย ทั้งภาครัฐและเอกชน ได้แก่ องค์กรปกครองส่วน ท้องถิ่น โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล วัด โรงเรียน การเชื่อมประสานแหล่งประโยชน์และทรัพยากรที่ ปรากฏในชุมชนเพื่อให้เกิดผลกระทบหรือเกิดประโยชน์ต่อคนในชุมชน โดยมีรายละเอียดดังนี้
๑. ศักยภาพและทุนทางสังคม
๑.๑ สถานะของทุนบุคคลและครอบครัว
ตำบลบางเขียด มีแกนนำทั้งที่เป็นตัวบุคคล ซึ่งสามารถแบ่งเป็น คนดี คนเก่ง และคนสำคัญ ที่มีความ เชี่ยวชาญ ที่ทำงานจนส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตของคนในชุมชน ทั้ง ๕ ด้านคือ ๑) ด้านสังคมคือทุนบุคคล ที่เป็นบุคคลที่มีความรู้ด้านภูมิปัญญาท้องถิ่น หมอสมุนไพร หมอแผนโบราณ ที่คอยช่วยเหลือด้านสุขภาพของ คนในชุมชน และมีการถ่ายทอดองค์ความรู้และเรื่องราวต่างๆ สู่ลูกหลาน เด็กและเยาวชนรวมถึงคนในชุมชน การจัดงานบุญและประเพณีตามวิถีชีวิต การดำรงรักษาศิลปะ วัฒนธรรมประเพณีและศาสนา การมีทุนบุคคล ที่เป็นต้นแบบในการใช้ชีวิตตามแนวเศรษฐกิจพอเพียง มีสัมมาอาชีพ ประพฤติตนอยู่ในศีลธรรม มีแกนนำที่ ทำงานตามบทบาทหน้าที่ ๒) ด้านเศรษฐกิจ มีแกนนำคนเก่งที่ด้านอาชีพ การส่งเสริม อาชีพ และการสร้าง อาชีพเสริมให้คนในชุมชนเพื่อสร้างรายได้และลดหนี้สินในครัวเรือน ๓) ด้านการจัดการทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม มีแกนนำที่ให้ความสำคัญในการดำเนินงานด้านการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวด ล้อมในชุมชนร่วมกันสงเสริมและสร้างจิตสำนึกให้คนในชุมชนตระหนักถึงความสำคัญในการดูแลรักษา สิ่งแวดล้อมในชุมชน ๔) ด้านสุขภาพ มีแกนนำด้านสุขภาพอยู่ในชุมชน เพื่อให้ความช่วยเหลือด้านข้อมูล สุขภาพของคนในชุมชน การประสานงานร่วมกันกับโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพประจำตำบล เพื่อหาแนวทาง ในการส่งเสริมสุขภาพของคนในชุมชน มีแพทย์ทางเลือก คือกลุ่มหมอสมุนไพร หมอแผนโบราณในชุมชนที่ คอยให้ความช่วยเหลือด้านสุขภาพของคนในชุมชน ๕) ด้านการปกครอง การส่งเสริมและสร้างการมสี่วนร่วม ของคนในชุมชนร่วมกับหน่วยงานและองค์การทางการเมืองในชุมชน สร้างความร่วมมือกันของผู้นำท้องถิ่น ผู้นำท้องที่ ผู้นำศาสนา และประชาชน
๑.๒ ระดับกลุ่มทางสังคม องค์กรชุมชน
ตำบลบางเขียด มีการรวมตัวของกลุ่มคนที่สนใจเรื่องราวเดียวกันตามปัญหาที่เกิดขึ้นในชุมชน ตนเอง เกิดเป็นแหล่งเรียนรู้ที่มีวิธีการท างานเพื่อจัดการกับปัญหาของชุมชนครอบคลุม ๘ ระบบ (๓๔ แหล่ง เรียนรู้) ได้แก่
(๑) ระบบบริหารจัดการท้องถิ่น ประกอบด้วย ๒ แหล่งเรียนรู้ ได้แก่ ๑) ดับที่ ดับทาง บางเขียด (องค์การบริหารส่วนตำบลบางเขียด) ๒) กองทุนหลักประกันสุขภาพท้องถิ่น
(๒) เกษตรกรรมยั่งยืน ประกอบด้วย ๕ แหล่งเรียนรู้ ได้แก่ ๑) ศูนย์เรียนรู้ เศรษฐกิจพอเพียง ๒) เครือข่ายรวมพลังเกษตรชีวภาพเพื่อชีวิตพอเพียงบ้านท่าศิลา ๓) ศูนย์เรียนรู้เกษตร พอเพียงบ้านท่าศิลา ๔) สวนมะนาวแม่เขียว และ ๕) เกษตรอินทรีย์พัฒนากลไกใส่ใจสุขภาพ
(๓) ระบบภูมิ ปัญญาและวัฒนธรรมท้องถิ่น ประกอบด้วย ๑ แหล่งเรียนรู้ ได้แก่ ๑) การจักสานคลุ้ม
(๔) ระบบเศรษฐกิจ ชุมชน ประกอบด้วย ๓ แหล่งเรียนรู้ ได้แก่ ๑) วิสาหกิจชุมชนเครื่องจักสานตำบลบางเขียด ๒) กลุ่มน้ำยางสด บ้านทุ่งใหญ่ และ ๓) กลุ่มจัดการท่องเที่ยวโดยชุมชนบ้านท่าข้ามควาย
(๕) ระบบการอนุรักษ์ ทรัพยากรธรรมชาติสิ่งแวดล้อม ประกอบด้วย ๖ แหล่งเรียนรู้ ได้แก่ ๑) การบริหารจัดการขยะแบบครบวงจร ๒) ธนาคารขยะหมู่ ๔ ๓) กลุ่มอนุรักษ์ป่าชุมชนบ้านทุ่งใหญ่ ๔) กลุ่มอนุรักษ์ป่าชายเลนบ้านวังตง ๕) กลุ่มอุรักษ์ป่าชายเลนบ้านท่าข้ามควาย และ ๖) กลุ่มเรือพลีดรักษ์คลองเปรีย
(๖) ระบบการเรียนรู้เพื่อเด็กและเยาวชน ประกอบด้วย ๗ แหล่งเรียนรู้ ได้แก่ ๑) ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กก้าวกระโดด (ศพด.บ้านวังเจริญราษฎร์) ๒) ศูนย์ พัฒนาเด็กเล็กส่งเสริมการออกกำลังกายโดยBBL (Brain Based Learning)(ศพด.บ้านท่าศิลา) ๓) สภา พลเมืองเด็กและเยาวชน ตำบลบางเขียด ๔) ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กบ้านวังเจริญราษฎร์ ๕) ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก บ้านท่าศิลา ๖) หลักสูตรท้องถิ่น (ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก) และ ๗) ยุวเกษตร (โรงเรียนท่าศิลาบำรุงราษฎร์)
(๗) ระบบการดูแลสุขภาพชุมชน ประกอบด้วย ๓ แหล่งเรียนรู้ ได้แก่ ๑) มัสยิดส่งเสริมสุขภาพ ๒) ศูนย์พัฒนาเด็ก เล็กห่วงใยความปลอดภัยของลูกหลาน ศพด.บ้านบางเขียด และ ๓) ครอบครัวจักรยาน
(๘) ระบบองค์กร การเงินและสวัสดิการชุมชน ประกอบด้วย ๕ แหล่งเรียนรู้ ๑) กลุ่มญานาซะบ้านวังตง ๒) กลุ่มออมทรัพย์บ้าน วังเจริญราษฎร์ ๓) เครือข่ายกองทุนชุมชน ๔) กองทุนสวัสดิการชุมชนตำบลบางเขียด และ ๕) สถาบันการเงิน บ้านทุ่งใหญ่
๑.๓ หน่วยงาน องค์กร และแหล่งประโยชน์
ตำบลบางเขียด มีการทำงานร่วมกันของ ๔ องค์กรหลัก ได้แก่ องค์กรท้องถิ่น องค์กรท้องที่ องค์กร ศาสนา และภาคประชาชน นอกจากนี้ยังมีโรงเรียน ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพประจำตำบล ศูนย์การศึกษานอกโรงเรียน มีแหล่งประโยชน์ที่เอื้อต่อการทำงานของบุคคล กลุ่ม แหล่งเรียนรู้และหน่วยงานองค์กร ทั้งที่เป็นการสนับสนุนด้านโครงสร้างกายภาพให้เกิดการเข้าไปมีกิจกรรมสร้างสัมพันธ์อันดีต่อกัน เช่น วัด ศูนย์ เรียนรู้ชุมชน การสนับสนุนความรู้ ให้เกิดความสนใจในกิจกรรมและงาน
๒. สถานะของตำบลบางเขียด
วิสัยทัศน์ตำบลบางเขียด
จากการร่วมงานกับสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) โดยสำนักสนับสนุนสุข ภาวะชุมชน (สำนัก ๓) ที่มีการรวมตัวกันเป็นเครือข่ายร่วมสร้างชุมชนท้องถิ่นน่าอยู่นั้น องค์การบริหารส่วนตำบลบางเขียดโดยทุกภาคส่วนได้เห็นโอกาสในการที่จะบูรณาการงานของ สสส. เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของการดำเนินงานภายในพื้นที่รับผิดชอบขององค์การบริหารส่วนตำบลบางเขียด ซึ่งองค์การบริหารส่วนตำบลบางเขียด ได้สรุปบทเรียนจากการที่เป็นเครือข่ายขององค์การบริหารส่วนตำบลบางเขียดดังนี้
(๑) องค์การบริหารส่วนตำบลบางเขียด เข้าร่วมเป็นสมาชิกของเครือข่ายร่วมสร้างชุมชนท้องถิ่นน่าอยู่ และได้ขับเคลื่อนการพัฒนาที่มุ่งเป้าสู่การเป็น “ตำบลสุขภาวะ” ตั้งแต่ปี ๒๕59 โดยองค์การบริหารส่วนตำบล บางเขียดได้หารือกับผู้นำทุกภาคส่วนแล้ว มีความเห็นตรงกันถึงแนวทางการดำเนินงานของพื้นที่โดยเน้นการ สร้างการมีส่วนร่วมในชุมชนท้องถิ่น การใช้ข้อมูลที่ได้รับการยอมรับร่วมกันว่าเป็นข้อมูลที่สอดคล้องกับความ เป็นจริงในพื้นที่ และการใช้องค์กร ๕ เสาหลัก ได้แก่ ผู้นำท้องที่ ผู้นำท้องถิ่น องค์กรศาสนา องค์กรภาครัฐ และองค์กรภาค ประชาชน โดยอาศัยภูมิปัญญาและทรัพยากรอื่นๆ ในชุมชนท้องถิ่นเป็นตัวกำหนดแนวทางการพัฒนาให้เกิด ความเข้มแข็งของชุมท้องถิ่น ซึ่งก็เป็นแนวทางที่องค์การบริหารส่วนตำบลบางเขียดและผู้นำชุมชนท้องถิ่นได้ เรียนรู้จากการเป็นเครือข่ายของเทศบาลตำบลปริก และปี ๒๕60 ได้เป็นเครือข่ายขององค์การบริหารส่วนตำบลบางเขียด
(๒) การสร้างเครือข่าย องค์การบริหารส่วนตำบลบางเขียดเห็นประโยชน์ของการสร้างเครือข่ายอย่างยิ่ง และเป็นกลวิธีในการสร้างความเข้มแข็งของชุมชนท้องถิ่น เนื่องจากเป็นการให้โอกาสในการเรียนรู้ของชุมชน จากประสบการณ์ในพื้นที่อื่นๆ ที่เข้าใจง่ายและสร้างความมั่นใจได้ว่าทำแล้วได้ประโยชน์ต่อตนเองและชุมชนที่ เป็นรูปธรรมอย่างชัดเจน อย่างไรก็ดีจากประสบการณ์ขององค์การบริหารส่วนตำบลบางเขียดได้บทเรียนว่า การเรียนรู้ร่วมกันที่ขาดการจัดระบบการเรียนรู้และการนำใช้ข้อมูล รวมถึงการพัฒนาทักษะของทีมงานก็จะทำ ให้การเรียนรู้ขาดพลังในการสร้างการเปลี่ยนแปลง จากการเข้าร่วมเป็นสมาชิกเครือข่ายฯ และการสนับสนุน จาก สสส. ผ่านองค์การบริหารส่วนตำบลบางเขียดทำให้องค์การบริหารส่วนตำบลบางเขียดร่วมกับทุกภาคส่วนทำงานอย่างเป็นระบบและมีการบูรณาการงานและบางส่วนก็ทำให้เกิดการใช้งบประมาณอย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นโดยได้รับการสนับสนุนทุนในการดำเนินงาน โครงการสร้างนโยบายสาธารณะแบบมีส่วนร่วมโดยใช้เครื่องมือที่เรียกว่าธรรมนูญสุขภาพ (บางเขียดทำคำ) ซึ่งเป็นธรรมนูญวิถีชุมชน ได้รับความร่วมมือจากองค์กรพัฒนาเอกชนในพื้นที่จังหวัดสงขลาหนุนเสริมกระบวนการจัดทำนโยบายสาธารณะ
(๓) การขยายองค์ความรู้ องค์การบริหารส่วนตำบลบางเขียดมีความพร้อมที่ขยายองค์ความรู้จากการ ปฏิบัติจริงในพื้นที่ ที่ครอบคลุมทั้ง ๕ ด้าน คือ สังคม เศรษฐกิจ สุขภาพ สิ่งแวดล้อม และการเมืองการ ปกครองซึ่งเป็นภารกิจที่ท้องถิ่นทุกแห่งจะต้องดำเนินการเองและประสานให้หน่วยงานและองค์กรที่มีบทบาทหน้าที่รับผิดชอบดำเนินการ รายละเอียดจะได้กล่าวไว้ในส่วนของทุนและศักยภาพที่มีอยู่ในพื้นที่ที่ชัดเจนเพื่อการเรียนรู้ร่วมกันสำหรับเครือข่ายและผู้สนใจ รวมถึงบทเรียนจากการปฏิบัติขององค์การบริหารส่วนตำบลบางเขียดยังสามารถใช้ประโยชน์ในการกำหนดแนวทางการรณรงค์เพื่อลดปัจจัยเสี่ยงทางสุขภาพ เช่น การจัดการอาหารปลอดภัย เกษตรกรรมยั่งยืนเพื่ออาหารสุขภาวะ การจัดการทรัพยากรธรรมชาติและ สิ่งแวดล้อม ลดการใช้สารเคมี การสร้างอาชีพที่ปลอดภัยต่อสุขภาพ การส่งเสริมสุขภาพของกลุ่มผู้สูงอายุ เป็นต้น ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะปรากฏในส่วนของความพร้อมขององค์การบริหารส่วนตำบลบางเขียด
(๔) พัฒนาการเข้าร่วมเครือข่ายขององค์การบริหารส่วนตำบลบางเขียด อดีตที่ผ่านมาตำบลบางเขียดมี ปัญหาเกี่ยวกับแนวคิดที่แตกแยก ต่างคนต่างอยู่ ต่างคนต่างทำการเมืองเหนือเหตุผล ซึ่งเป็นอุปสรรคใน การพัฒนาเป็นอย่างมาก จึงได้เกิดมิติตำบลบางเขียดจัดการตนเอง “ดับที่ ดับทาง บางเขียดเอง”1 โดยได้ชักชวนผู้นำสี่เสาหลัก ได้แก่ ท้องที่ ท้องถิ่น องค์กรศาสนา องค์กรภาคประชาชน องค์กรภาครัฐ ได้มาประชุมตกผลึกแนวคิดในการสร้างบริบทการพัฒนาในตำบลให้เกิดจากการมีส่วนร่วมนำมาซึ่งทำให้ทุกคนมีความรู้สึกเป็นเจ้าขององค์กร และพร้อมนำเสนอสิ่งดีๆในการพัฒนาตำบล จากการร่วมคิดร่วมทำของคนทุกภาคส่วนในตำบลได้นำมาสู่การสร้างกติกาการอยู่ร่วมกันโดยไม่เน้นบทลงโทษแต่จะหาทางออกร่วมกันที่เรียกว่า “บางเขียดทำคำ” หลังจากที่องค์การบริหารส่วนตำบลบางเขียดได้มีต้นแบบด้านการพัฒนามาระดับหนึ่งแล้วแต่การพัฒนาก็ยังไปไม่ถึงเป้าหมายที่วางไว้ จึงได้มองหาองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นอื่นที่เป็นศูนย์จัดการเครือข่ายสุขภาวะชุมชน (ศจค.) ที่ได้รับการสนับสนุนจากสำนักงานกองทุนสนับสนุนการ สร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) โดยสำนักสนับสนุนสุขภาวะชุมชน (สำนัก ๓) เพื่อร่วมเรียนรู้กระบวนการวิจัย ชุมชนด้วยการวิจัยเชิงชาติพันธุ์วรรณนาแบบเร่งด่วน (RECAP) และการพัฒนาระบบจัดเก็บข้อมูล (TCNAP) ยกระดับการพัฒนาทุนต่างๆ ในตำบลนำไปสู่การจัดตั้งศูนย์จัดการเครือข่ายสุขภาวะชุมชน (ศจค.) เพื่อพัฒนา ตำบลบางเขียดไปสู่เป้าหมาย “สุขภาพดีด้วยวิถีพอเพียง”
๓. ฐานคิดในการทำงานของตำบลสุขภาวะ
ตำบลบางเขียดภายใต้วิสัยทัศน์ “สุขภาพดีด้วยวิถีพอเพียง” โดยใช้กระบวนการฐานความคิดในการขับเคลื่อนเพื่อให้บรรลุตาม เป้าหมายวิสัยทัศน์ที่ได้วางไว้ ๔ ฐานความคิด ได้แก่
ฐานคิดที่ ๑ สังคมส่วนร่วม
เป็นการมองปัญหาที่เกิดจากกระบวนการประชาธิปไตยผ่านการเลือกตั้งส่งผลให้เกิดความขัดแย้ง ทางด้านการเมืองผู้นำและชาวบ้านแบ่งพรรคแบ่งพวก เกิดความแตกแยกทำให้ความคิดของผู้คนที่มีเสียงข้าง น้อยถูกมองข้าม ส่งผลกระทบต่อการพัฒนาตำบล ขาดการมีส่วนร่วม การแก้ไขปัญหาต่างๆไม่ถูกจุด“เกาไม่ ถูกที่คัน” จึงได้มีแนวคิด “สังคมส่วนร่วม” ที่ให้ความสำคัญกับการมีส่วนร่วมของคนทุกคนและ คนทุกภาคส่วนในสังคม ลดความขัดแย้ง โดยเปิดพื้นที่กลางให้สี่เสาหลัก ได้แก่ ท้องที่ ท้องถิ่น ผู้นำศาสนา และภาคประชาชน ได้ถกแถลงพูดคุยผ่านเวทีประชาคม เกี่ยวกับแนวทางการพัฒนาตำบลทุกมิติ หามติร่วม แบบตกผลึกเป็นฉันทามติ ไม่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง อันที่จะนำมาซึ่งอุปสรรคในการพัฒนาตำบล กำหนด กติกาชุมชนในรูปแบบสัญญาใจที่มีจิตวิญญาณสร้างความรู้สึกถึงความเป็นเจ้าของกติการ่วมกันที่ไม่เน้น บทลงโทษแต่จะหาทางออกร่วมกัน ที่เรียกว่า “บางเขียด ชักย่าน ทำคำ ” กติกาดังกล่าวได้ผ่านการหล่อหลอมแนวทางขับเคลื่อนตำบลในสองประเด็นการจัดการชุมชนวิถีพอเพียงและการจัดการสุขภาพชุมชน ร่วมรณรงค์และส่งเสริมสนับสนุนให้ ประชาชนสมัครเป็นสมาชิกกองทุนต่างๆให้ครอบคลุมและมีส่วนร่วมในการกำหนดแนวทางการ บริหารจัดการกองทุนการเงินต่างๆ ในตำบล ผลของการดำเนินการ“บางเขียด ชักย่าน ทำคำ ” นำมาสู่การบริหารจัดการเครือข่ายสุขภาวะตำบลบางเขียดแบบมีส่วนร่วม คณะกรรมการมาจากทุกหมู่บ้าน ประชาชนร่วมสมัครเป็นสมาชิกเครือข่ายสุขภาวะตำบลบางเขียดทั้ง ตำบล เป็นต้น ฐานคิดสังคมส่วนร่วมจึง เป็นแนวทางการพัฒนาแบบมีส่วนร่วม ไม่มองข้ามเสียง ข้างน้อย เป็นที่ยอมรับของคนทุกคนและทุกภาคส่วน น าไปสู่การพัฒนาตำบลที่ยั่งยืน
ฐานคิดที่ ๒ พัฒนาคน สังคมพัฒนา
คนทุกคนมีศักยภาพในตัวเอง มีจุดดี จุดเด่นแตกต่างกันไป มีจิตอาสา มีวิสัยทัศน์มีความคิดแสดงให้ เห็นว่าคนมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการพัฒนาสังคมชุมชน กิจกรรมการดำเนินงานใดๆ ก็ตามต้องอาศัยคน เป็นกลไกขับเคลื่อนนอกเหนือจาก การจัดการด้วย เงินงบประมาณ และวัสดุอุปกรณ์แล้ว ตำบลบางเขียดต่อ การพัฒนา จึงให้ความสำคัญมอง “คนเป็นจุดศูนย์กลางของการพัฒนา” นำจุดดีจุดเด่นของแต่ละบุคคลมา ขับเคลื่อนในการพัฒนาอาจจะผ่านรูปแบบการท ากิจกรรมเพื่อสังคม เช่นจัดตั้งกลุ่มทางสังคมต่างๆกลุ่มออม ทรัพย์ กลุ่มส่งเสริมอาชีพ กลุ่มอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม หรือการดำเนินงานด้านต่างๆ ใน องค์กร เช่น การบริหารบุคลากร ใช้คนให้ถูกกับงาน เป็นต้น การพัฒนาคนโดยอาศัยการเรียนรู้ด้วยตนเอง ตลอดเวลา เรียนรู้จากผู้อื่น รวมถึงการเป็นแหล่งเรียนรู้เพื่อนำมาซึ่งการแลกเปลี่ยนระหว่างกันและกัน สร้าง สำนึกให้เกิดจิตสาธารณะ ซึ่งก็ส่งผลดีต่อการดำเนินกิจกรรมทางสังคม ทำให้เกิดแหล่งทุนของตำบล เช่น ทุน ทางเศรษฐกิจกลุ่มจักสานต้นคลุ้ม ที่สามารถสร้างอาชีพเสริมรายได้ให้แก่คนในชุมชน เกิดความสามารถของ ปัจเจกบุคคลในการจัดทำเครื่องจักสาน าทรัพยากรธรรมชาติมาต่อยอดเป็นสินค้าและมีการบริหารจัดการ อย่างมีวิสัยทัศน์ กลุ่มท่องเที่ยวโดยชุมชนบ้านท่าข้ามควายที่เกิดขึ้นจากแนวคิดของคนในชุมชนในการนำฐาน ทรัพยากรและบริบทของชุมชนมาหาวิธีบริหารจัดการแบบบูรณาการมาเป็นจุดขายจนกระทั่งสร้างเป็นแหล่ง เรียนรู้ได้เป็นเป็นอย่างดี
ฐานคิดที่ ๓ ดับที่ ดับทาง บางเขียด (ตำบลจัดการตนเอง)
ทุกสังคมล้วนแล้วแต่มีปัญหาแตกต่างกันไป การเรียนรู้ปัญหาและจัดการปัญหาด้วยตนเองนับว่ามี ความสำคัญเป็นอย่างมากในสถานการณ์ของสังคมทุกวันนี้จะรอให้คนอื่นหรือหน่วยงานอื่นมาแก้ปัญหาให้ สังคมก็จะมีแต่ความอ่อนแอ และเช่นเดียวกันการกระจายอำนาจให้แก่ท้องถิ่นมุ่งหวังให้ท้องถิ่นเกิดการ จัดการตนเองจึงเป็นการตอบโจทย์ที่หวังให้สังคมชุมชนเข็มแข็ง ตำบลบางเขียดจึงมองเห็นความสำคัญที่ จะต้องหาวิธีการจัดการตนเองที่เรียกว่า “ดับที่ ดับทาง บางเขียด” โดยผ่านการมองปัญหาและหาวิธีการแก้ไข โดยใช้ทรัพยากรที่มีอยู่มาบริหารจัดการ มองหาแนวคิดนอกกรอบที่สามารถดำเนินการได้ผ่านการมีส่วนร่วม ของคนทุกภาคส่วน ทำให้สามารถที่จะแก้ไขปัญหาต่างๆได้ด้วยตนเองเป็นหลักเช่น การจัดการขับเคลื่อนตำบลปลอดขยะ ประชาชนได้รับผลประโยชน์ในหลายๆ ด้าน เช่น ด้านทรัพยากรสิ่งแวดล้อม ขยะ จำนวนลดน้อยลงจากการ คัดแยก นำใช้ใหม่ ด้านเศรษฐกิจประชาชนมีรายได้จากการขายขยะ ด้านสุขภาพมีงบประมาณที่เกิดจากรายได้ในการจัดการขยะมาใช้กับระบบการจัดการสุขภาพในตำบล ผ่านการสมทบเงินเข้ากองทุนหลักประกันสุขภาพ ถึง 4๐% ด้านการเมือง การปกครอง เกิดกระบวนการการมีส่วนร่วมของคนทุกภาคส่วนเกิดความรู้สึกถึงความเป็นเจ้าของ ที่สุดแล้ว เกิดการเรียนรู้ร่วมกันและแก้ไขปัญหาด้วยตนเอง
ฐานคิดที่ ๔ สร้างผู้รับให้เป็นผู้ให้
สร้างผู้รับให้เป็นผู้ให้ ในอดีตความอ่อนแอของสังคมเกิดจากการมองข้ามความสามารถของคนอื่นเป็นที่มาของการพยายามที่หยิบยื่นช่วยเหลืออยู่ตลอดมาทำให้คนไม่มีความกระตือรือร้นที่จะลุกขึ้นมาพึ่งพาตนเอง มีแต่การรอรับเป็นผู้รับ ทั้งๆ ที่คนเหล่านั้นมีความสามารถมีศักยภาพมีความโดดเด่นที่แตกต่างกันออกไป จึงได้มีการสร้างค่านิยมใหม่ขึ้น โดยให้มีความเชื่อว่าบุคคลอื่น ก็มีความเก่ง ความดี มีศักยภาพมีความสามารถ เพียงแต่ว่าแต่ละคนนั้นอาจจะมีความสามารถหรือความโดด เด่นที่แตกต่างกันออกไป ซึ่งหากได้นำศักยภาพที่แตกต่างดังกล่าวมาผนึกกำลังกันเข้าก็จะกลายเป็นขุมพลังหรือสนามพลังซึ่งเป็นพละกำลังของชุมชนของบ้านเมือง ที่สำคัญที่สุดสิ่งที่พวกเขาได้ลุกขึ้นมาทำด้วยตัวของเขาเองจะทำให้เขามั่นใจ มีความภาคภูมิใจ มีความรู้สึกถึงความเป็นเจ้าของต่อสิ่งนั้นเขาจึงพร้อมที่จะปฏิบัติ ตามพร้อมที่จะปกปักรักษาพร้อมที่จะหวงแหนในสิ่งๆ นั้น จากการที่เคยเป็นผู้รับตลอดมากลายมาเป็นผู้ให้กับสังคม เป็นคนที่สามารถในการพึ่งพาตนเองได้ ช่วยเหลือผู้อื่นได้เขาจึงถูกเปลี่ยนจากราษฎรเป็นพลเมือง สังคมบางเขียดพร้อมเปิดโอกาสให้ทุกคนโดยผ่านการรวมกลุ่มต่างๆ พร้อม ให้การสนับสนุนให้ความสำคัญ
๔. การจัดการตนเองของตำบลสุขภาวะ
ทุนทางสังคมในการจัดการตนเองของตำบลบางเขียด เป็นเครื่องมือสำคัญในการขับเคลื่อนชุมชน ตำบลบางเขียด ให้มีความพร้อมในทุกๆ ด้าน ในด้านสังคม การอยู่ร่วมกันด้วยการบริหารงานแบบนโยบาย สาธารณะแบบมีส่วนร่วม การตั้งกฎ กติกา ที่ทุกคนในชุมชนมีส่วนในการ ร่วมคิด ร่วมทำร่วมรับประโยชน์ การสร้างกลุ่มองค์กรในการดำเนินงาน บริหารจัดการ การสร้างสวัสดิการให้กับคนชุมชน การดูแลกลุ่ม ผู้สูงอายุ ผู้ด้อยโอกาส ผู้ป่วยติดเตียงในชุมชน ด้านเศรษฐกิจ มีการจัดตั้งกลุ่มองค์กรที่เพื่อรองรับกลุ่มงาน ด้านการเกษตร เช่น การส่งเสริมการทำเกษตรพอเพียง เกษตรชีวภาพ และเกษตรอินทรีย์ สร้างแหล่งเงินทุน ในการประกอบอาชีพที่คนในชุมชนสามารถเข้าถึงได้ง่าย การร่วมกลุ่มกันเพื่อสร้างอาชีพเสริม ด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เนื่องจากพื้นที่ส่วนใหญ่ในตำบลบางเขียดเป็นที่ราบลุ่มริมทะเลสาบ ซึ่งเป็นแหล่ง อาหาร และแหล่งสร้างอาชีพของคนในท้องถิ่น การจะรักษาให้คงอยู่กับชุมชนได้นั่น ต้องอาศัยความร่วมมือใน การสอดส่องดูแล ป้องกัน จึงก่อให้เกิดกลุ่มคนบางเขียดอนุรักษ์ป่าชายเลนและกลุ่มฟาร์มทะเลขึ้น ในหลายหมู่บ้านที่มีพื้นที่ป่าชายเลน ร่วม ดูแลเพื่อเป็นแหล่งอาหาร แหล่งเพาะเลี้ยงพันธุ์สัตว์น้ำ ทำให้เกิดเป็นชุมชนจัดการตนเองที่เข้มแข็ง ด้านสุขภาพ โดยกระบวนการส่งเสริมสุขภาพของคนในชุมชน ที่ใช้กระบวนการดับที่ ดับทาง บางเขียดเป็นเครื่องมือเพื่อให้ประชาชน สามารถเข้าถึงกองทุนด้านสุขภาพให้มากที่สุด ส่งเสริมกิจกรรมของผู้สูงอายุ การออกกำลังกาย ด้านการเมือง การปกครอง การบวนการจัดการตนเอง ภายใต้ชื่อ “ดับที่ ดับทาง บางเขียด” โดยการใช้ประชาธิปไตย ๒ รูปแบบ คือ ประชาธิปไตยรูปแบบตัวแทน และประชาธิปไตยทางตรงหรือกระบวนการนโยบายสาธารณแบบ มีส่วนร่วม ซึ่งเป็นกระบวนการยืดหยุ่นหาทางออกร่วมกัน สร้างความเข้าใจ ร่วมรับผิดชอบ ร่วมรับประโยชน์ เกิดความปรองดองสมานฉันท์ จากการจัดการตัวเองของตำบลบางเขียด โดยใช้ทุนทางสังคมที่มีอยู่ทั้งหมด เป็นตัวขับเคลื่อนให้เกิด การพัฒนา ทำให้ตำบลบางเขียดเป็นชุมชนจัดการตังเองที่เข้มแข็ง ภายใต้ความร่วมมือของคนในตำบลบางเขียด
เส้นทางการพัฒนาตำบลสุขภาวะ
ยุคที่ ๑ ตั้งบ้าน ตั้งเมือง (ก่อนพ.ศ. 2189 – พ.ศ. 2533)
จากหลักฐานทางประวัติติศาสตร์พบว่าก่อน พ.ศ. 2189 ในรัชสมัยพระเจ้าปราสาททองมีประชากรจากพื้นที่ใกล้เคียง เช่น เมืองบางแก้ว(พัทลุง),เมืองซิงกอรา(สงขลา)และเมืองสทิงปุระอพยพหนีภัยสงครามและโรคระบาดจากการขยายอาณาเขตย้ายถิ่นฐานเข้ามาตั้งรกรากในพื้นที่แถบลุ่มทะเลสาบสงขลา จนเกิดเป็นชุมชนขึ้นมีชื่อชุมชนเรียกขานตามตำนานกบทองคำว่า “ปากบางบางเขียด” ต่อมาได้มีการสร้าง ศาสนสถานขึ้นเพื่อเป็นศูนย์รวมใจของชุมชนโดยตั้งชื่อว่า“วัดบางเขียด” และประมาณปี พ.ศ. 2435 ได้มีการแบ่งการปกครองออกเป็นระดับภูมิภาค จึงได้มีการแบ่งพื้นที่ตำบลบางเขียด บ้านตากแดด บ้านปากบาง โดยปรากฏชื่ออยู่ในอำเภอบริรักษมนตรี เมืองสงขลา มณฑลนครศรีธรรมราช ต่อมาได้มีการสร้างโรงเรียนวัดบางเขียดขึ้นในปี พ.ศ. 2464 เพื่อให้เด็กในชุมชนได้ศึกษาเล่าเรียน และได้เริ่มมีประชากรชาวมุสลิมเชื้อสายมลายูอพยพย้ายถิ่นจากฝั่งหัวเขาแดงมาตั้งรกรากในพื้นที่บ้านท่าแคง และบ้านระฆัง แต่ชุมชนบ้านระฆังมีประชากรไทยพุทธอาศัยมาแต่เดิมมากกว่าจึงได้ตั้งสำนักสงฆ์บ้านระฆังขึ้นและได้มีการสร้างโรงเรียนขึ้นในสำนักสงฆ์บ้านระฆังด้วย ต่อมาในปีพ.ศ. 2590 ชุมชนบ้านท่าแคงขยายตัวมากขึ้นจึงได้มีการสร้างโรงเรียนและมัสยิดบ้านท่าแคงขึ้น ในปีพ.ศ. 2500 เกิดน้ำท่วมบริเวณคลองระฆัง จึงได้มีการอพยพชุมชนขึ้นมาอยู่ที่ดอนใกล้สำนักสงฆ์บ้านระฆังและได้มีการสร้างมัสยิดบ้านระฆังขึ้นมา เมื่อประชากรชาวตำบลบางเขียดมากขึ้นปัญหาด้านสุขภาพก็ตามมาจึงได้มีการก่อสร้างสถานีอนามัยบางเขียดขึ้นในปี พ.ศ. 2519 ต่อมาเกิดน้ำท่วมใหญ่บริเวณชุมชนบ้านท่าแคงจึงได้มีการย้ายโรงเรียนบ้านท่าแคงขึ้นมาตั้งอยู่ในที่ปัจจุบัน เมื่อ ปี พ.ศ. 2521 และได้เริ่มมีการขยายเขตไฟฟ้าเข้ามาในตำบลบางเขียดในปีพ.ศ. 2527 และทางสำนักงานเร่งรัดพัฒนาชนบท (รพช.) ได้เข้ามาพัฒนาพื้นที่ทำให้มีน้ำประปาใช้ในปี พ.ศ.2528 และได้ดำเนินการสร้างทางหลวงชนบทในปี พ.ศ. 2533
ยุคที่ ๒ ยุคดับที่ ดับทาง (พ.ศ.๒๕40 – ๒๕62)
จัดตั้งองค์การบริหารส่วนตำบลบางเขียด ปี พ.ศ.๒๕๓๙ ตามพระราชบัญญัติสภาตำบลและองค์การ บริหารส่วนตำบล พ.ศ.๒๕๓๗ มีนโยบายการกระจายอำนาจของกระทรวงมหาดไทย ให้ยกระดับสภาตำบล เป็นองค์การบริหารส่วนตำบลได้ประธานกรรมการบริหารคนแรกโดยการคัดเลือกจากสภาตำบลในสมัยนั้น คือ นายถาวร พันละม้าย เกิดการพัฒนาที่สอดคล้องและเข้าถึงกับความต้องการของประชาชนในพื้นที่ ปีพ.ศ. ๒๕๔3 ได้ย้ายที่ทำการอบต.มาอยู่บริเวณใกล้หาดปากบาง ต่อมารัฐบาลส่งเสริมประชาชนมีการออมและมีแหล่งเงินทุนในชุมชนจึงเกิดกองทุนหมู่บ้านทุกหมู่บ้าน ประชากรในตำบลจึงตื่นตัวในการสร้างแหล่งเงินเพิ่มจึงเกิดการก่อตั้งกลุ่มออมทรัพย์ขึ้นทุกหมู่บ้านในปี พ.ศ. 254๙ ต่อมาศูนย์ข้าวปัตตานีและสำนักงานเกษตรอำเภอสิงหนครเข้ามาสนับสนุนกลุ่มชาวนาทำให้เกิดศูนย์ข้าวหนองเสือขึ้น เมื่อภาคประชาชนตื่นตัวมากขึ้นจึงได้เกิดมูลนิธิเครือญาติขึ้นในปม.๑ เมื่อ พ.ศ. 2556 เมื่อประชากรเพิ่มขึ้นมีปัญหาขาดแคลนทรัพยากรธรรมชาติก็ตามมาจึงได้เกิดกลุ่มฟาร์มทะเลขึ้นในปี พ.ศ. 2557 ในขณะเดียวกันก็การปัญหาด้านสุขภาพและปัจจัยเสี่ยงในการเสียชีวิตเฉียบพลันจากการเจ็บป่วยฉุกเฉินทำให้เกิดหน่วยปฏิบัติการฉุกเฉินเบื้องต้นองค์การบริหารส่วนตำบลบางเขียดขึ้นใน พ.ศ. 2558 จากปัญหาต่างๆที่เกิดทำให้ผู้บริหารท้องถิ่นและแกนนำในตำบลเริ่มสนใจในการขับเคลื่อนมิติการดูแลสุขภาพของประชากร จึงได้มีการเดินทางไปดูงานธรรมนูญสุขภาพ ณ องค์การบริหารส่วนตำบลนาทอน เมื่อปี พ.ศ. 2560 ต่อมาในปี พ.ศ. 2561 ผู้บริหารได้ร่วมทำบันทึกข้อตกลงขับเคลื่อนสุขภาวะตำบล นับเป็นการเริ่มต้นการขับเคลื่อนมิติการดูแลสุขภาพภายใต้วิสัยทัศน์ “สุขภาพดีด้วยวิถีพอเพียง” และในปี.พ.ศ. 2562 สำนักงานพัฒนากรอำเภอสิงหนคร ได้เข้ามาสนับสนุนพื้นที่ตำบลบางเขียดให้ขับเคลื่อนมิติการส่งเสริมเศรษฐกิจในชุมชนให้ยกระดับเป็นหมู่บ้านตาลโตนด ในขณะเดียวกันทางองค์การบริหารส่วนตำบลบางเขียดก็ได้มีการรวบรวบฐานข้อมูลและทุนทางสังคม 6 ระดับเพื่อนำมาใช้ในการขับเคลื่อนสุขภาวะตำบลต่อไป