Media Lesson
Introduction : Petrol Engine Vs Diesel Engine
อธิบายความแตกต่างของเครื่องยนต์แต่ละแบบระหว่างเครื่องยนต์เบนซิน กับ เครื่องยนต์ดีเซลในการทำงานของต่างกันขึ้นอยู่กับตัวแปรปริมาตรคงที่ กับ ความดันคงที่
Unit 1 : Engine Working
การทำงานของเครื่องยนต์ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันมีความต่างกัน ในจังหวะการทำงานของเครื่องยนต์ในปัจจุบันมีการทำงานแบบสี่จังหวะ เพื่อลดมลพิษที่เกิดขึ้นในอากาศ
Unit 1 : Valve Timing Diagram
วาล์วไทม์มิ่งไดอะแกรมมีผลต่อการทำงานของเครื่องยนต์ในการกำหนดการเปิดปิดของลิ้นไอดีและไอเสีย เพื่อสร้างกำลังงานให้สูงตามองศาการเปิดปิดลิ้น
Unit 2 : Battery Work
แบตเตอรี่ในรถยนต์ทั่วไปเป็นแบตเตอรี่แบบตะกั่วกรด ที่มีการใช้กระแสมากในตอนแรกเร่ิ่มสตาร์ท โดยการทำงานอ้างถึงการแปรสภาพของปริมาณสารสัมพันธ์ทางเคมี
Unit 3 : Starting System
ระบบสตาร์ทมีความสำคัญมากในตอนเริ่มต้น เพื่อดำเนินในการหมุนของเครื่องยนต์หากเครื่องยนต์ไม่สามารถทำการสตาร์มได้ จะไม่เกิดการทำงานได้อย่างต่อเนื่อง
Unit 4 : Charging System
เครื่องยนต์จะใช้กระแสไฟจากแบตเตอรี่แค่เพียงช่วงแรกของการทำงาน จากนั้นระบบไฟฟ้าทั้งหมดจะอิงจากระบบชาร์จทั้งหมด ที่นำไปใช้งาน
Unit 5 : Ignition System (Distributor)
ระบบจานจ่ายในอดีตมีการใช้มาอย่างยาวนาน เป็นตัวต้นแบบในการพัฒนาในปัจจุบันที่ใส่พวกอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เข้ามาเพิ่ม เพื่อลดจุดด้อยที่เกิดขึ้น
Unit 5 : Ignition System (Distributor Less)
ระบบจุดระเบิดแบบไม่ใช้จานจ่าย เป็นระบบที่นิยมใช้งานมากในปัจจุบันของรถยนต์ มีการทำการจุดระเบิดได้อย่างแม่นยำ และลดสิ่งที่เกิดจากความเป็นกลไกได้อย่างดี เนื่องจากมีความผิดพลาดเยอะ
Unit 6 : Fuel System (Carburator)
ระบบคาร์บูเรเตอร์ เป็นระบบแรกๆ ที่มีการผสมอากาศระหว่างเชื้องเพลิง แต่ข้อเสียมีความเป็นกลไกมากทำให้เกิดการควบคุมการทำงานได้ยาก
Unit 6 : Fuel System (MPF)
ระบบหัวฉีดแบบหลายจุด เป็นระบบฉีดเชื้อเพลิงที่มีการใช้ในปัจจุบัน เป็นการป้อนเชื้อเพลิงก่อนการเปิดปิดลิ้นไอดี ไอเสีย
Unit 6 : Fuel System (GDI)
ระบบฉีดเชื้อเพลิงแบบตรง เป็นระบบฉีดเชื้อเพลิงที่ได้รับการพัฒนามาใช้ในปัจจุบัน เป็นการสร้างประสิทธิภาพของเชื้อเพลิงได้อย่างดีมากยิ่งขึ้นกว่าระบบเก่า
Unit 6 : Fuel System (Common Rail)
ระบบฉีดเชื้อเพลิงแบบนี้เป็นระบบฉีดเชื้อเพลิงที่่มีการทำงานฉีดตรงเข้ากระบอกสูบ โดยรอความดันจากรางหัวฉีด เป็นระบบของเครื่องยนต์ดีเซล
Unit 7: Cooling System
ระบบระบายากาศมีความสำคัญมากในรถยนต์หากระบบนี้เกิดข้อบกพร่องทำให้เครื่องยนต์อาจมีปัญหาถึงขั้นเสียหากอย่างรุนแรง
Unit 8 : Exchaust System
ระบบระบายไอเสียเป็นระบบที่มีไว้เพื่อลดมลพิษทางอากาศ ในการปล่อยสู่บรรยากาศ แต่จะส่งผลต่อกำลังในการขับเคลื่อนของเครื่องยนต์ด้วยเช่นกัน
Unit 9 : Lubricant System (PCV valve)
ระบบหล่อลื่น เป็นระบบที่ช่วยลดความเสียดสีของเครื่องยนต์ หากมีความร้อนมากเกินไปจะเกิดความดันภายในห้องเครื่องยนต์ทำให้อาจเกิดความเสียหายได้ จึงมีการแก้ปัญหาด้วยการติดตั้งตัวระบายไอ เพื่อลดปัญหาดังกล่าว
Unit 10: EFI (Intake Air System)
ระบบช่วยในรอบเดินเบา เพื่อช่วยปรับให้รอบเเดินเบาคงที่ตลอดเวลา ในการมีโหลดภาระการทำงานของอุปกรณ์ต่างๆ
Unit 10 : EFI (Intake Air System)
เซนเซอร์ต่่างแมสแอร์โฟร์ว จะช่วยในการคำนวนปริมาณอากาศที่เข้ามาสู่ห้องเผาไหม้ และทำการสั่งเข้ากล่องควบคุม
Unit 10 : EFI (Intake Air System)
เซนเซอร์ตำแหน่งลิ้นเร่ง เป็นตัวช่วยในการเปิดปิด คำนวนปริมาณอากาศเข้าจากการสั่งการของระบบกล่องควบคุม
Unit 10 : EFI (Intake Air System)
เซนเซอร์อุณหภูมิอากาศเป็นตัวช่วยในการคำนวนความหนาแน่นของอากาศเมื่อมีการไหลเข้าสู่เครื่องยนต์ เพื่อสั่งจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิง
Unit 10 : EFI (Cooling System)
เซนเซอร์อุณหภูมิน้ำเป็นตัวช่วยในการคำนวน สภาพของอุณหภูมิน้ำเครื่องยนต์ เพื่อสั่งจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิง และควบคุมความร้อน
Unit 10 : EFI (Intake Air System)
MAP เซนเซอร์เป้นตัววัดปริมาณความดันของอากาศที่ไหลเข้าสู่ระบบเครื่องยนต์ เพื่อนำไปคำนวนการสั่งจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิง
Unit 10 : EFI (Exchaust System)
EGR เป็วตัวนำไอเสียที่เกินค่าที่กำหนดนำกลับมาเผาไหม้ใหม่ เพื่อไม่ให้ปล่อยสู่บรรยากาศในการรักษาระบบของสิ่งแวดล้อมเอาไว้
Unit 10 : EFI (Exchaust System)
ออกซิเจนเซนเซอร์เป็นตัวกำหนดความหนาแน่นของการฉีดปริมาณน้ำมันเชื้อเพลิง เพื่อให้มีอัตราส่วนของอากาศและน้ำมันที่เหมาะสม
Unit 10 : EFI (Sensor)
เซนเซอร์บอกย่านความเร็วของเครื่องยนต์ เพื่อนำค่าเข้าไปคำนวนในการสั่งการทำงานของอุปกรณ์ต่างๆ ภายในรถยนต์อย่างเหมาะสม
Unit 10 : EFI (Sensor)
น็อกเซนเซอร์เป็นตัวกำหนดอากาศน็อกของเครื่องยนต์เพื่อกำหนด หรือเปลี่ยนแปลงองศาการจุดระเบิดของเครื่องยนต์
Unit 10 : EFI (Sensor)
เซนเซอร์แคร้งชาร์ฟ เป็นตัวกำหนดองศาการจุดระเบิดของเครื่องยนต์ให้มีความเหมาะสมกับสภาวะการทำงาน
Reference: The Automotive Global Channel in Youtube
Creator by : Pongpipat Khumhom e-mail : hnokpud@gmail.com