หน่วยที่ 1 ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับนิทาน
หน่วยที่ 1 ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับนิทาน
นิทานเป็นเรื่องเล่าที่ถ่ายทอดโดยการผ่านถ้อยคำที่มีความสำคัญในการสร้างความคิดเชื่อมโยงภายในสมอง โดยเด็กจะได้รับประสบการณ์ทางภาษาผ่านตัวหนังสือ ผ่านการพูดคุยและน้ำเสียง เป็นการสื่อสารสองทาง ซึ่งช่วยให้เด็กมีพัฒนาการทั้งทางสังคม บุคลิกภาพ การศึกษา อารมณ์และจิตใจหรือทุกๆ ทางที่เด็กจะสามารถพัฒนาได้
"นิทานสำหรับเด็กปฐมวัยเป็นศิลปะอย่างหนึ่งที่ผู้เลี้ยงดูเด็กปฐมวัยต้องศึกษาและสร้างความเข้าใจ"
| ความหมายของนิทาน
นิทานเป็นการเล่าเรื่องราวจากบุคคลหนึ่งไปยังอีกบุคคลหนึ่ง ซึ่งในสมัยก่อนประวัติศาสตร์ การเล่าเรื่องราวเป็นการวาดภาพต่างๆ ตามผนังถ้ำ หน้าผา ภูเขา ฯลฯ ซึ่งภาพต่างๆ ส่วนใหญ่เป็นภาพที่เขียนตามความเชื่อเพื่อบูชาพระเจ้า ความเชื่อทางไสยศาสตร์ การล่าสัตว์ หรือการวาดภาพเครื่องมือ เครื่องใช้เพื่อล่าสัตว์ ต่อมาเมื่อมีการพัฒนาการทางด้านภาษา ซึ่งมีการสื่อความหมายจากภาพเป็นภาษาพูดและภาษาเขียน
การเล่านิทานในสมัยโบราณ ไม่สามารถบอกได้ว่าใครเป็นเจ้าของเรื่อง แต่ส่วนใหญ่มักจะเป็นเรื่องเล่าเพื่อความสนุกสนานเพลิดเพลิน แล้วสอดแทรกความรู้และคติสอนใจไปด้วย เป็นเรื่องที่ใช้เล่าระหว่างผู้ใหญ่กับผู้ใหญ่ ยังไม่มีนิทานที่แบ่งเฉพาะสำหรับเด็ก บางครั้งก็จะเป็นเรื่องจักรๆ วงศ์ๆ เป็นนิยายพื้นบ้าน ส่วนใหญ่เราจะเรียกว่านิทานชาวบ้าน ซึ่งแฝงไปด้วยความรู้สึกนึกคิด ความเชื่อ ค่านิยมและคุณธรรมที่คนในสังคมนั้นยึดถือ
นักวิชาการและหน่วยงานต่างๆ ได้กล่าวถึงความหมายและลักษณะของนิทานชาวบ้านไว้ ดังนี้
กุหลาบ มัลลิกะมาส (กุหลาบ มัลลิกะมาส, 2516 : 99-100) ได้กล่าวถึงลักษณะของนิทานชาวบ้านไว้ว่า
1. เป็นเรื่องเล่าด้วยถ้อยคำธรรมดาเป็นภาษาร้อยแก้วไม่ใช่ร้อยกรอง
2. เล่ากันด้วยปากสืบกันมาเป็นเวลาช้านาน ต่อมาเมื่อการเขียนเจริญขึ้นก็อาจเขียนขึ้นตามเค้าเดิมที่เคยเล่ากันมา
3. ไม่ปรากฏว่าผู้เล่าดั้งเดิมเป็นของใคร อ้างแต่ว่าเป็นของเก่าฟังมาจากผู้เล่าซ้ำเป็นบุคคลสำคัญในอดีตอีกต่อหนึ่ง
กรมศิลปากร (กรมศิลปากร, 2514:คำนำ) ได้อธิบายความหมายของนิทานชาวบ้าน คือ เรื่องราวที่บุคคลในท้องถิ่นต่างๆ แต่งขึ้นและเล่าสืบต่อกันมาเป็นเวลาช้านาน มีความมุ่งหมายเพื่อเป็นเครื่องบันเทิงใจ และสั่งสอนให้บุคคลกระทำความดี เช่น มีความกตัญญู ชื่อสัตย์สุจริตและเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ บางเรื่องแต่งขึ้นเพื่ออธิบายคำพังเพยเก่าๆ ของไทย บางเรื่องแต่งขึ้นเพื่ออธิบายความเป็นมาของชื่อภูมิประเทศบางแห่ง นอกจากนิทานให้ความสนุกสนานแล้ว นิทานชาวบ้านยังเปรียบเสมือนกระจกสะท้อนให้เห็นถึงตัวสภาพความเป็นอยู่ ความนึกคิด ความเชื่อถือ ขนบธรรมเนียมประเพณีและวัฒนธรรมของบุคคลในท้องถิ่นต่างๆ นับว่าเป็นเรื่องที่มีคุณค่าแก่ผู้สนใจทั่วไป
| ประเภทของนิทาน
นิทานสามารถแบ่งได้หลายแบบและหลายประเภทไม่มีกฎเกณฑ์ตายตัว แล้วแต่ผู้รู้หรือผู้เขียนจะรวบรวมและแยกประเภทว่าเป็นประเภทใด เช่น
กุหลาบ มัลลิกะมาส (กุหลาบ มัลลิกะมาส, 2516:110-113) ได้กล่าวถึงการแบ่งนิทานของแอนติ อาร์เน (Anl:i Aarne) ว่ามีการแบ่งนิทานตามชนิด (Type) ของนิทานออกเป็น 3 หมวด คือ
1. นิทานที่เกี่ยวกับสัตว์ โดยจะแยกออกเป็นสัตว์เลี้ยงและสัตว์ป่า
2. นิทานชาวบ้านทั่วไป แบ่งย่อยเป็น
- นิทานที่เกี่ยวกับเวทมนตร์คาถา เช่น แม่มดแสนกล
- นิทานทางศาสนา เช่น นิทานชาดกต่างๆ
- นิทานแบบโรแมนติก เช่น สโนว์ไวท์กับคนแคระทั้งเจ็ด
- นิทานเกี่ยวกับยักษ์และรากษส เช่น อาละดินกับตะเกียงวิเศษ
3. นิทานตลกขบขัน แยกเป็น
- นิทานเกี่ยวกับคนโง่
- นิทานเกี่ยวกับสามีและภรรยา
- นิทานโกหก
- นิทานที่มีการวาดรูปการเล่าเป็นแบบจำเพาะ
คูเบอร์ (Cuber. 1960: 282-285) ได้แบ่งนิทานออกเป็น 5 รูปแบบ (Form) คือ
1. ตำนานเป็นเรื่องเก่าแก่ที่อธิบายชีวิต ปรากฏการณ์ธรรมชาติ และสิ่งต่างๆ ที่มีอยู่ในโลก
2. นิทานคติ ส่วนใหญ่เป็นเรื่องเกี่ยวกับสัตว์ จบลงด้วยคติสอนใจ สอนแนวทางดำรงชีวิตของคน
3. นิทานท้องถิ่น เป็นเรื่องสอนใจเช่นเดียวกัน แต่ให้ความรู้สึกว่าเป็นเรื่องจริงมากกว่านิทานคติ นิทานท้องถิ่นเป็นเรื่องที่มีเค้าเรื่องจริงและเหตุการณ์ที่เกินจริงผสมอยู่
4. นิทานปรัมปรา เป็นเรื่องเพื่อความสนุกสนานเพลิดเพลิน จะกล่าวถึงดินแดนมหัศจรรย์ และเรื่องราวของการใช้อภินิหารทั้งหลาย
5. รูปแบบอื่นๆ เช่น เพลงชาวบ้าน สุภาษิต คำพังเพย ปริศนา มุกตลก กลอนชาวบ้าน กลอนและบทร้องสำหรับเด็ก
กิ่งแก้ว อัตถากร (กิ่งแก้ว อัตถากร, 2513: 9-17) ได้แบ่งนิทานออกเป็น 6 ชนิด คือ
1. นิทานไม่รู้จบ เป็นนิทานที่มีลักษณะพิเศษอยู่ในโครงสร้าง คือมีการเล่าเรื่องช้ำรอยเดิมเป็นช่วงๆ เปลี่ยนเฉพาะบางคำเท่านั้น
2. นิทานเรื่องสัตว์ เป็นเรื่องที่สัตว์เป็นตัวละครยืนโรง มีแนวปรัชญาน่าคิด
3. นิทานคติสอนใจ มีเนื้อหาในเชิงสอนใจ โครงสร้างของเรื่องแสดงถึงกฎแห่งกรรม ผลดีย่อมเกิดจากการกระทำที่ดี ส่วนผลร้ายเกิดจากการกระทำที่ประมาท เห็นแก่ได้
4. มุกตลก เป็นเรื่องสั้นที่ขบขัน แสดงถึงความโง่ หรือไหวพริบปฏิภาณของบุคคล
5. เรื่องโม้ เป็นเรื่องเหลือเชื่อที่ไม่น่าเป็นไปได้
6. นิทานทรงเครื่อง มักเล่าในงานรื่นเริงเนื้อเรื่องเกี่ยวกับบุคคล เหตุการณ์และบรรยากาศที่วิจิตรพิสดาร
จะเห็นได้ว่าผู้รู้หลายท่านจะมีการแบ่งนิทานไปตามความคิดของตนเอง โดยยึดแนวของนิทาน ลักษณะของนิทาน เป็นตัวแบ่งประเภท แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็เป็นไม่แตกต่างกันมากนัก
| ตัวอย่างและความหมายของนิทานแต่ละประเภท
1. นิทานปรัมปรา (Fairy tales) หมายถึง นิทานที่มีเรื่องราวสลับขับซ้อน เป็นเรื่องสมมุติทั้งตัวบุคคล เวลา และสถานที่ เนื้อเรื่องประกอบด้วยอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์ ตัวเอกมักมีคุณสมบัติพิเศษ เช่น มีเวทมนตร์ กล้าหาญ มีไหวพริบ ซื่อสัตย์ มีอำนาจ และจะกล่าวถึงดินแดนมหัศจรรย์และเรื่องราวของการใช้อภินิหารทั้งหลาย และตัวละครจะมีทั้งคนดี คนเลว รวมทั้งเทพยดา นางฟ้า ภูติฝีปีศาจ และลักษณะเนื้อหานิทานจะมีกฎเกณฑ์ ข้อห้าม หรือคำสั่งต่างๆ ถ้าขัดขืนจะเกิดเหตุร้าย โครงสร้างของนิทานปรัมปรามีลักษณะคล้ายคลึงกันแทบทุกเรื่อง ไม่สลับชับซ้อน ตัวละครจะต้องผจญภัย แก้ปัญหาได้ และจะจบลงด้วยความสุข ซึ่งส่วนมากจะขึ้นต้นเนื้อหาของนิทานว่า "ในกาลครั้งหนึ่ง...มีกษัตริย์องค์หนึ่ง....ครองเมือง...." นิทานปรัมปรา ส่วนมากจะมาจากแนวการแต่งนิทานของกริมม์ ซึ่งได้แก่ เทพนิยายของกริมม์ และเทพนิยายของแอนเดอร์สัน นิทานปรัมปราที่แปลมาสนุกสนานเด็กชอบและติดใจฟังกันมาก ได้แก่ เรื่องหนูน้อยหมวกแดง ชินเดอเรลลา เจ้าชายกบ เจ้าหญิงนิทรา ส่วนเรื่องของไทยก็ได้แก่ เรื่อง นางสิบสอง ปลาบู่ทอง สังข์ทอง เป็นต้น
2. นิทานท้องถิ่น (Legends) สั้นกว่านิทานปรัมปรา มักเป็นเรื่องเหตุการณ์เดียวและมีเรื่องความเชื่อ ขนบธรรมนียมประเพณี โชคลาง ความเชื่อในผีสาง เทวดาของคนในแต่ละท้องถิ่น เค้าโครงเรื่องของนิทานจะอาศัยเรื่องจริงเป็นหลัก ตัวละครสำคัญและสถานที่ที่กล่าวถึงเป็นเรื่องจริง หรือเป็นเรื่องเล่าแฝงความเชื่อเกี่ยวกับกำเนิดของสัตว์ ธรรมชาติ สถานที่ และวีรบุรุษ มักจะเป็นนิทานที่อธิบายคำว่า "ทำไม" นิทานท้องถิ่นแบ่งย่อยเป็น 2 ประเภท คือ
2.1 นิทานอธิบายเหตุ เป็นนิทานที่อธิบายปรากฎการณ์ธรรมชาติ เช่น ทำไมราหูกับพระจันทร์จึงเป็นอริกัน ทำไมจระเข้ไม่มีลิ้น ทำไมเสือจึงมีลาย ทำไมกระต่ายจึงมีหางสั้น หรืออาจเป็นนิทานอธิบายสาเหตุของความเชื่อบางประการ เชน เรื่องเขาตาม่องล่าย นางพันธุรัด เกาะหนูเกาะแมว แม่นาคพระโขนง ฯลฯ
2.2 นิทานวีรบุรุษ เป็นนิทานที่กล่าวถึงคุณธรรม ความฉลาด ความกล้าหาญของบุคคล ส่วนมากเป็นวีรบุรุษของบ้านเมือง กำหนดตัวบุคคล เวลา และสถานที่แน่นอนลงไปพอที่จะให้ผู้ฟังเชื่อว่าอาจจะมีความจริงแต่ตกแต่งเพิ่มเติมจนพิสดารกลายเป็นนิทานไป เช่น ท้าวแสนปม พระยากงพระยาพาน พระร่วงวาจาสิทธิ์ ไกรทอง ปู่โสมเฝ้าทรัพย์ ฯลฯ ส่วนของต่างประเทศ นิทานประเภทนี้ได้แก่ เรื่องพระรามพระลักษมณ์ เฮอร์คิวลิส โรบินฮูด อัศวินโต๊ะกลม ฯลฯ
3. เทพนิยาย (Myths) เป็นนิทานที่มีตัวละครเป็นพวกเทวดา นางฟ้า เทพเจ้า เทพนิยาย ส่วนมากจะมีเรื่องที่สัมพันธ์กับความเชื่อทางศาสนา พิธีกรรมต่างๆ ข้อสงสัยเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม ปรากฏการณ์ตามธรรมชาติ เจ้าป่า เจ้าเขา เจ้าที่เจ้าทาง และเจ้าแม่ต่างๆ นิทานประเภทเทพนิยาย ได้แก่ เรื่องทำไมพระอาทิตย์จึงขึ้นตอนเช้าและตกตอนเย็น เจ้าที่เข้าฝัน กำเนิดมนุษย์ กำเนิดจักรวาล กำเนิดโลก เมขลา-รามสูร นารายณ์สิบปาง และเรื่องเกี่ยวกับพระอินทร์ ฯลฯ
4. นิทานเกี่ยวกับเรื่องสัตว์ (Animal tales) เป็นนิทานที่มีสัตว์พูดได้ มีสัตว์เป็นตัวเอก แต่ความคิดหรือการกระทำต่างๆ อย่างมนุษย์ บางเรื่องอาจมีคนเข้าไปเกี่ยวข้องด้วย ทั้งคนและสัตว์ จะพูดจาโต้ตอบและปฏิบัติกันเหมือนมนุษย์ธรรมดา นิทานชนิดนี้ได้รับความนิยมอย่างกว้างขวางเพราะเนื้อหาน่าติดตาม สนุกสนาน และได้รับความเพลิดเพลิน ตลอดจนมีคติธรรมสอนใจด้วย จึงสามารถแยกย่อยได้เป็น 2 ประเภท คือ
4.1 นิทานคติธรรม เป็นเรื่องที่กล่าวถึงพฤติกรรมของสัตว์ เล่าเชิงเปรียบเทียบกับชีวิตมนุษย์ เป็นเรื่องสั้นๆ ที่แฝงคติสอนใจ เชน นิทานชาดกต่างๆ ได้แก่ เรื่องพระโพธิสัตว์เสวยพระชาติเป็นสัตว์ พระรถเมรี พะสุธนมโนราห์ และนิทานคติธรรมที่ของไทยได้นำมาเล่ากันอย่างแพร่หลาย ได้แก่ นิทานอีสป ซึ่งนิทานอีสปนี้ซึ่งเนื้อหาสาระส่วนใหญ่เป็นเรื่องราวของสัตว์ชนิดต่างๆ ซึ่งมีพฤติกรรมทั้งทางดีและชั่ว ให้อุทาหรณ์สอนใจในเรื่องความสามัคคี การใช้ความคิดไตร่ตรองหาเหตุผล ความมีใจเมตตากรุณา การมีความเพียร และการเชื่อฟังผู้ใหญ่นิทานอีสปจึงจัดว่าเป็นนิทานคติธรรมที่ถูกนำมาใช้เล่าโดยตรงหรือเป็นแนวทางในการที่จะแต่งเรื่องขึ้นมาใหม่มากที่สุด
4.2 นิทานไม่รู้จบเป็นเรื่องที่มีการเล่าซ้ำเป็นช่วงๆ เปลี่ยนเฉพาะบางคำเท่านั้นเหตุการณ์จะดำเนินไปอย่างช้าๆ เนื้อเรื่องและวิธีการเล่าเป็นแบบเฉพาะ ณรงค์ ทองปาน (ณรงค์ ทองปาน 2526 : 36) ได้เรียกชื่อนิทานไม่รู้จบว่า นิทานเข้าแบบ (Formula tale) นิทานไม่รู้จบ เช่น เรื่องยายกับตา (The House That Jack Built)
5. นิทานตลกขบขัน (Merry Tales) เป็นเรื่องสั้นๆ เนื้อเรื่องชวนให้ขบขันอย่างไม่น่าจะเป็นไปได้ แต่ขึ้นเพียงเพื่อสร้างอารมณ์ขันให้แก่ผู้ฟังหรือผู้อ่าน อาจเป็นเรื่องแสดงถึงความโง่ไหวพริบ ปฏิภาณ การผจญภัยที่ผิดธรรมดา การพนันขันต่อ การแก้เผ็ดแก้ลำ นิทานพวกนี้ได้แก่ เรื่องหัวล้านนอกครู ศรีธนญชัย สามสหาย ฯลฯ
ดังนั้น การใช้ตัวละครในการเล่านิทาน ผู้เลี้ยงดูเด็กปฐมวัยควรจะมีวิจารณญาณในการเลือกใช้ตัวละครหรือเลือกนิทานในการเล่าเรื่อง เนื่องจากจะเป็นต้นแบบหรือวิธีการหนึ่งที่จะกล่อมเกลานิสัยหรือบุคลิกภาพของเด็กได้เป็นอย่างดี
| ประโยชน์ของนิทาน
ในปัจจุบันนี้มีการแต่งนิทานสำหรับเด็กเป็นจำนวนมาก เนื่องจากมีผู้รู้ นักจิตวิทยาเด็กได้ให้ความสำคัญของการเล่านิทาน เด็กๆ จะมีความสุขในการได้ฟังนิทาน เพราะนิทานมีประโยชน์ช่วยให้เด็กได้พักผ่อน คลายความเครียด ได้รับความเพลิดเพลิน ความสดชื่น
ศิริกาญจน์ ใกสุมภ์ (2520.37-39) พูดถึงประโยชน์ของนิทาน คือ นิทานจะช่วยส่งเสริมพัฒนาการทางอารมณ์ด้านต่างๆ เช่น อารมณ์รัก โกรธ เกลียด ตามวิสัยมนุษย์ที่ปกติและสมบูรณ์
เฉลิม มากนวล (2517:160-161) ประโยชน์ของการเล่านิทานคือ นิทานช่วยส่งเสริมความคิด คือ ให้เด็กได้คิดอย่างจินตนาการ ซึ่งจะนำไปสู่ความคิดสร้างสรรค์ เป็นเครื่องมือที่สามารถนำมาใช้สอนจริยศึกษา การค้นหาจิตวิทยาและสังคมวิทยา
รวิวาล โฉมเฉลา (2549:84) พูดถึงประโยชน์ของการเล่านิทานคือ ส่งเสริมให้เด็กเข้าใจหนังสือ เข้าใจภาษา และเข้าใจโลก เมื่อเคล็ตลับสามข้อนี้มารวมกัน ความตื่นเต้นของชีวิตจะเริ่มขึ้นอย่างแท้จริง
ขวัญฟ้า รังสิยานนท์ (2531: ) นิทาน เกม เพลง เนื้อเรื่องนิทาน และเนื้อเพลง จะพร้อมด้วยคุณธรรม จริยธรรม ช่วยพัฒนาผู้เรียนทั้งต้านอารมณ์ บุคลิกภาพ ความคิด และจินตนาการไปพร้อมๆ กัน
นิทานมีประโยชน์ต่อเด็กปฐมวัย ดังนี้
1. ช่วยให้เด็กมีความสุข ได้พักผ่อน คลายเครียด ได้รับความเพลิดเพลิน ความสดชื่น
2. ช่วยส่งเสริมพัฒนาการทางอารมณ์ต้านต่างๆ เช่น อารมณ์รัก โกรธ เกลียด ตามวิสัยมนุษย์ที่ปกติและสมบูรณ์แบบ
3. ช่วยส่งเสริมความคิด ให้เกิดจินตนาการ ความคิดสร้างสรรค์ เป็นเครื่องมือที่สามารถนำมาใช้สอนจริยศึกษา การศึกษาจินตนาการและสังคมวิทยา
4. ช่วยส่งเสริมให้เด็กเข้าใจหนังสือเข้าใจภาษาและเข้าใจโลก ซึ่งจะทำให้เป็นการเริ่มต้นชีวิตที่ดี
5. ช่วยส่งเสริมคุณธรรม จริยธรรม
6. ช่วยพัฒนาเด็กทั้งทางด้านอารมณ์ บุคลิกภาพและความคิด
7. เป็นตัวเชื่อมโยงสานสัมพันธ์ระหว่างครอบครัว โรงเรียนและชุมชน
นิทานสำหรับเด็กปฐมวัย นั้นมักจะเป็นเรื่องเล่าที่เน้นความสนุกสนาน น่าตื่นเต้น อีกทั้งนิทานหลาย ๆ เรื่องยังแฝงข้อคิดสอนใจให้เด็กสามารถเข้าใจได้ง่ายและปฏิบัติตามด้วย ในปัจจุบันหนังสือนิทานได้พัฒนาเนื้อหาและวิธีการนำเสนอให้มีหลากหลายรูปแบบมากขึ้น รวมไปถึงการสอดแทรกความรู้ การเสริมสร้างจินตนาการ การพัฒนาทักษะต่าง ๆ เช่น ทักษะการแก้ไขปัญหา ทักษะทางสังคม ทักษะการช่วยเหลือตนเอง เป็นต้น ซึ่งจะช่วยให้เด็กเรียนรู้และเติบโตอย่างมีคุณภาพ
ด้วยเหตุนี้เองการอ่านนิทานให้เด็ก ๆ จึงเป็นสิ่งสำคัญ เพราะถือเป็นโอกาสในการพัฒนากระบวนการคิดของสมองส่วนหน้า (Executive Functions: EF) ที่ช่วยเสริมสร้างความฉลาดทางปัญญา (IQ) และความฉลาดทางอารมณ์ (EQ) ของเด็ก รวมไปถึงช่วยในการเรียนรู้ภาษา คำศัพท์และฝึกจับประเด็นหรือจับใจความเรื่อง โดยทักษะเหล่านี้เป็นสิ่งที่จะช่วยพัฒนากระบวนการคิดวิเคราะห์และทำให้เด็กมีกระบวนการคิดที่เป็นขั้นตอน รวมถึงรู้จักความเป็นเหตุเป็นผลมากขึ้นด้วย