ตำบลหนองยาง มีลักษณะเป็นที่ราบลุ่ม ประชากรในเขตตำบลหนองยาง ร้อยละ 70 ประกอบอาชีพเกษตรกรรม ผลผลิตทางการเกษตรที่สำคัญ ได้แก่ ข้าว เพราะข้าวเป็นอาหารหลักของคนไทย อาชีพทำนาเป็นอาชีพดั้งเดิมของคนไทย ที่ถ่ายทอดมายังคนรุ่นหลัง ชาวนาในช่วงฤดูทำนาจะเริ่มทำงานตั้งแต่เข้ายันค่ำ การทำนาส่วนใหญ่จะเป็นนาปรัง นาปรังนั้นคือการทำนานอกฤดูปกติ การปลูกเริ่มตั้งแต่เดือนมกราคมโดยนิยมปลูกในพื้นที่ที่มีการชลประทานดีเช่นในพื้นที่ภาคกลาง ข้าวที่ใช้เพาะปลูกในนาปรังคือ ‘ข้าวไม่ไวต่อช่วงแสง’ ซึ่งออกดอกตามอายุ ไม่ว่าจะปลูกเมื่อไหร่ เมื่อครบอายุก็เก็บเกี่ยวได้ เช่น ข้าว กข1 กข2การทำนาของประชากรในเขตตำบลหนองยาง อาศัยแหล่งน้ำธรรมชาติ จำนวน 2 สายได้แก่ ห้วยขุนแก้ว และห้วยขุย และแหล่งน้ำที่สร้างขึ้น เช่น ฝาย บ่อน้ำตื้น บ่อน้ำโยก สระน้ำ เหมือง คลองส่งน้ำ การทำนาในปัจจุบันนี้สบายกว่าสมัยพ่อ แม่ ปู่ ย่า ตา ยาย มาก มีชาวนาบางคนกล่าวว่า “แค่มีโทรศัพท์เครื่องเดียวก็ทำนาเป็นร้อย ๆ ไร่ได้” เพราะมีเครื่องทุนแรงแทบจะทุกชนิด จากเมื่อก่อนจะไถนาก็ต้องใช้ วัว ควาย ถัดมาก็มีรถไถเดินตาม ต่อมาก็เป็นรถไถนั่งขับ จะดำนาก็มีรถดำนา ไม่ต้องมาก้มดำนาให้ปวดหลังเหมือนสมัยก่อน มีเครื่องหว่านข้าว เครื่องตัดหญ้า เครื่องพ่นยา โดรนฉีดยา เครื่องหว่านปุ๋ย สารพัดเครื่องมือ ประเภทของการทำนาและปลูกข้าวมีหลายวิธีแล้วแต่จะเลือกให้เหมาะสมกับสภาพพื้นที่ละชุมชน
ข้าวนาดำ เป็นการปลูกข้าวทีมีขั้นตอนการปลูกดังนี้ เตรียมดินด้วยการไถดะ ไถแปร และคราดดิน
ทำการตกกล้าหรือการนำเมล็ดไปหว่านให้งอกและโตขึ้นมาเป็นต้นกล้าเพื่อนำไปปักดำ ซึ่งการตกกล้าสามารถเลือกทำได้หลากหลายวิธีทั้ง ตกกล้าในดินเปียก, ตกกล้าในดินแห้ง, ตกกล้าแบบตาปก เมื่อต้นกล้ามีอายุ 25-30 วัน ก็สามารถจะถอนเพื่อนำไปปักดำได้ โดยการตกกล้าแต่ละแบบก็จะมีแนวทางในการนำไปปลูกต่างกันเล็กน้อย พื้นที่นาที่ใช้ปักชำควรมีน้ำขัง 5-10 ซม. หากไม่มีน้ำเลยต้นกล้าที่เอาไปปลูกอาจโดนล้มพัดล้มได้แต่ถ้าหากน้ำเยอะเกินไปตอนปลูกต้นกล้าก็อาจจมน้ำได้ในระยะแรกแถมต้นข้าวต้องยืดต้นกว่าปกติก็เกิดการแตกกอน้อยนั่นเอง การปักดำที่ดีต้องปักเป็นแนวตรงกัน เว้นระยะห่างพอสมควร
ข้าวนาหว่าน เป็นการปลูกข้าวด้วยการเมล็ดพันธุ์ทำการหว่านลงไปตรงบริเวณนาที่ได้มีการไถเตรียมเอาไว้โดยตรง โดยการเตรียมดินก็แบบเดียวกับการทำข้าวนาดำ ส่วนใหญ่จะเริ่มไถกันมาตั้งแต่เมษายนเพราะพื้นที่นาแบบนี้ไม่มีคันกั้นนาทำให้สะดวกในการใช้รถไถจัดการได้เลย
การเก็บเกี่ยวข้าวจะกระทำเมื่อผลแก่จัดเต็มที่อายุประมาณ 30 วัน มีความชื้นภายในผลหรือเมล็ดประมาณ 21-24 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งเป็นระยะที่เมล็ดบริเวณโคนรวงมีสีเหลืองทั่วกันทั้งหมด หรืออาจเก็บเกี่ยวในระยะที่เมล็ดข้าวสุกเหลืองเกือบทั้งรวง ประมาณร้อยละ 80 ถ้าเก็บเกี่ยวข้าวช้าเกินไป จะทำให้คอรวงหักและเมล็ดร่วงเสียหาย
ปัจจุบันการเก็บเกี่ยวข้าวของชาวนายุคใหม่ จะเป็นการใช้รถเกี่ยวแทนการลงแขกเกี่ยวข้าวอย่างสมัยปู่ย่า ตายาย การนวดข้าว การตากข้าว ก็หมดไปเช่นกัน เพราะสมัยนี้เกี่ยวข้าวปุ๊บส่งขายโรงสีปั๊บ จะมีชาวนาบางส่วนที่แบ่งข้าวของตนเองไว้ทำพันธุ์ ก็จะนำข้าวเปลือกไปตากอีกครั้งหนึ่งก่อนที่จะนำไปเก็นในยุ้งฉาง ตากข้าวเพื่อรักษาคุณภาพเมล็ดข้าวให้ได้มาตราฐานเป็นเวลานาน เพื่อให้ข้าวเปลือกแห้งและมีความชื้นประมาณ 13-15% เมล็ดข้าวในยุ้งที่มีความชื้นสูงกว่านี้จะทำให้เกิดความร้อนสูงจนคุณภาพข้าวเสื่อม และอาจทำให้เชื้อราติดมากับเมล็ดและขยายพันธุ์ทำลายเมล็ดข้าวเปลือกได้เป็นจำนวนมาก การตากข้าวควรตากบนลานที่สามารถแผ่กระจายเมล็ดข้าวให้ได้รับแสงโดยทั่วถึงกัน ควรตากแดดนานประมาณ 3-4 แดด หรือจะนำไปฝากไว้ในยุ้งฉางข้าวเพื่อจะเอาเก็บไว้สีกินในครอบครัว
ตำแหน่งที่ตั้ง ตำบลหนองยาง อำเภอหนองฉาง จังหวัดอุทัยธานี รหัสไปรษณีย์ 61110
การเดินทาง - ถนนเส้นหนองฉาง - บ้านไร่ ห่างจากที่ว่าการอำเภอหนองฉางประมาณ 5 กิโลเมตร
ข้อมูลเนื้อหา เรื่องราว เขียนโดย นางสาวชนิศรา เกตุคำ
ภาพถ่าย / ภาพประกอบ โดย นางสาวชนิศรา เกตุคำ