วาตภัยเป็นภัยที่เกิดจากลมพายุ พายุที่เกิดขึ้นในประเทศไทยเกิดขึ้น 2 ลักษณะ คือ เกิดจากพายุฤดูร้อน และเกิดจากพายุหมุนเขตร้อน
1.พายุฤดูร้อน มักเกิดในช่วงฤดูร้อนหรือก่อนเริ่มต้นฤดูฝน ซึ่งเป็นช่วงที่อากาศมีอุณหภูมิเริ่มสูงขึ้น ประกอบกับลมที่พัดเข้าสู่ประเทศไทยในระยะนี้เป็นลมใต้และลมตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งพัดมาจากอ่าวไทยและทะเลจีนใต้ ทำให้มีอากาศร้อนอบอ้าวและชื้นในภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคกลางตอนบน
2.พายุหมุนเขตร้อน เป็นคำทั่วๆไป ที่ใช้เรียกพายุซึ่งกำเนิดอยู่เหนือมหาสมุทรในเขตร้อนแถบละติจูดต่ำ ลักษณะพายุมีเส้นผ่าศูนย์กลางตั้งแต่ 100 กิโลเมตรขึ้นไป การหมุนเวียนของลมพายุในซีกโลกเหนือจะพัดเป็นวงทวนเข็มนาฬิกา ส่วนในซีกโลกใต้จะพัดเป็นวงตามเข็มนาฬิกาเข้าสู่ศูนย์กลางพายุ บริเวณศูนย์กลางของพายุซึ่งเป็นรูกลวง เรียกว่า ตาพายุ บริเวณดังกล่าวเป็นบริเวณที่มีการเคลื่อนที่ของอากาศช้ากว่าบริเวณรอบข้างที่กระจายออก โดยความเร็วอาจอยู่ที่ 10-20 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
พายุหมุนเขตร้อนมีชื่อเรียกแตกต่างกันตามแหล่งกำเนิด บริเวณที่มีพายุหมุนเขตร้อนเกิดขึ้นเป็นประจำ ได้แก่
****บริเวณมหาสมุทรแปซิฟิกเหนือด้านตะวันตก พายุที่เกิดขึ้นในบริเวณนี้เรียกว่า พายุไต้ฝุ่น
****แต่ถ้าเกิดในบริเวณมหาสมุทรแอตแลนติกเหนือ แถวทะเลแคริบเบียน บริเวณอ่าวเม็กซิโก และในมหาสมุทรแปซิฟิก แถบฝั่งทะเลด้านตะวันตกของประเทศเม็กซิโก มีชื่อเรียกว่า เฮอร์ริเคน
****หากเกิดในบริเวณมหาสมุทรอิเดียเหนืออ่าวเบงกอล ทะเลอาหรับ และบริเวณมหาสมุทรอินเดียใต้ มีชื่อเรียกว่า พายุไซโคลน
******นอกจากนี้ยังมีการแบ่งชนิดของพายุออกตามความเร็วรอบศูนย์กลางของการหมุนเป็นเกณฑ์ โดยแบ่งออกเป็น 3 ชนิด คือ
1) พายุดีเปรสชั่น มีความเร็วรอบศูนย์กลางสูงสุดไม่ถึง 34 นอต หรือ 63 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
2) พายุโซนร้อน มีความเร็วรอบศูนย์กลางสูงสุด 34 นอต หรือ 63 กิโลเมตรต่อชั่วโมงขึ้นไป แต่ไม่ถึง 64 นอต หรือ 118 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
3) พายุไต้ฝุ่น มีความเร็วรอบศูนย์กลางสูงสุดตั่งแต่ 64 นอต หรือ 118 กิโลเมตรต่อชั่วโมงขึ้นไป
การที่ประเทศไทยมีทำเลที่ตั้งอยู่ระหว่างกึ่งกลางของแหล่งกำเนิดพายุทั้งสองแหล่ง คือ แหล่งกำเนิดในมหาสมุทรแปซิฟิก ทะเลจีนใต้ และแหล่งกำเนิดในอ่าวเบงกอล ส่งผลให้ประเทศไทยได้รับอิทธิพลจากพายุหมุนที่เกิดขึ้นเช่นกัน
ดังนั้นเพื่อป้องกันอันตรายจากพายุฤดูร้อนและพายุหมุนเขตร้อน จึงควรติดตามข่าวพยากรณ์อากาศเพื่อเตรียมพร้อมกับเหตุการณ์ที่อาจเกิดขึ้น อยู่อาศัยในสถานที่ปลอดภัย กล่าวคือ อยู่ในอาคารที่แข็งแรงและปลอดภัยจากลมพายุและน้ำท่วม และควรอยู่ในอาคารจนกว่าพายุจะสงบลงนอกจากนี้ควรดู และสิ่งของต่างๆ ที่อาจหักโค่นได้ง่ายให้อยู่ในสภาพแข็งแรง หรือเมื่อเกิดพายุฝนฟ้าคะนองควรหลีกเลี่ยงไม่อยู่ใกล้กับสิ่งของเหล่านี้ เช่น ต้นไม้ เสาไฟฟ้า ป้ายโฆษณา